เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
see saw scene.Zupisets Sasiwimon
The Magicians หากฉันมีเวทย์มนตร์ เป็นพ่อมดมีฤทธิ์เหมือนในนิยาย
  • อยู่ๆ ผมก็นึกอยากหาซีรีส์อะไรสักอย่างมาดูอยากให้ความรู้สึกได้ติดตามอะไรสักอย่างหวนกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่เคยสัมผัสมันเมื่อครั้งได้ดู Wayward Pines จบลงไป pantipยังคงเป็นแหล่งอ้างอิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอในการค้นหาข้อมูลหลายๆ คอมเมนต์พูดถึงชื่อ “The Magicians” กันมากมาย และได้รับเสียงตอบรับที่ดีพอสมควรลองไปค้นเรื่องย่อมาอ่าน แล้วก็ตัดสินใจหาซีรีส์เรื่องนี้มาดู

    เป็นเรื่องราวของเควนติน แฟนบอยที่หลงใหลวรรณกรรมเยาวชนแฟนตาซีเรื่องฟิลโรลีที่เกี่ยวกับการผจญภัยในดินแดนเวทย์มนตร์ แน่นอนว่าในโลกของความเป็นจริงผมเชื่อว่าคนที่ได้อ่าน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงมีความคิดลึกๆในใจว่าถ้าหากเรามีเวทย์มนต์เหมือนอย่างในนิยายบ้างก็คงดีเหมือนกันอยู่มาวันหนึ่งเควนตินก็โผล่ไปสนามสอบของมหาวิทยาลัยเบริกบิลส์ – มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนศาสตร์เวทยมนตร์ในระดับอุดมศึกษา

    นี่มันจะเหมือนแฮร์รี่เวอร์ชั่นมหาวิทยาลัยหรือเปล่านะ? ผมอดคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

    ผมชอบที่เรื่องทันกับปัจจุบัน ไม่ดูเก่าและทำให้เราอินได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งภาพและเอฟเฟกต์ที่ใช้ก็สวยงามตระการตาบวกกับเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามต่อก็ทำให้ผมไม่ลังเลที่จะติดตามมันไปจนจบ

    แค่เพียงตอนเปิดตัวและฉากทิ้งท้ายของตอนแรกก็เล่นงานผมอยู่หมัดแล้วยิ่งการปรากฏตัวของ The Beast ที่พอจะเดาได้ว่าเป็นลาสต์บอสของเรื่องนั้นเท่โหด และเถื่อนมากขนาดไหน ทำให้ชวนจินตนาการไปต่างๆ นานาว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในแบบใดจะเข้มข้น จะซับซ้อน จะมีเวทย์มนตร์อะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็นจากที่ไหนให้ดูอีกหรือเปล่าแค่คิดก็สนุกแล้ว

    ดูต่อไปเรื่อยๆ มันก็สนุกขึ้นอย่างที่คิดนั่นแหละอีกทั้งยังมีการแอบแซว แฮร์รี่ พอตเตอร์, สตาร์เทรครวมไปถึงเทย์เลอร์ สวิฟต์ ด้วย ซึ่งถือว่าร่วมสมัยและค่อนข้างกีคพอตัว แม้จะตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีอยู่ของเวทย์มนตร์ว่ามันสำคัญกับชีวิตของเรายังไงเพราะมันไม่ได้ช่วยให้เราฟื้นคืนชีวิต หรือรักษาโรคภัยต่างๆ ได้เวทย์มนตร์นั้นเป็นพรสวรรค์ที่เราควรจะยินดีที่มีมันจริงๆ หรือแต่คำถามนั้นก็ถูกกลบฝังด้วยประเด็นต่างๆ ที่มากเกินไปมีทั้งเรื่องของกลุ่มผู้ใช้เวทย์นอกคอกที่เรียกตัวเองว่าเอชวิชตัวละครจากนิยายที่มีตัวตนอยู่จริงๆ การมีอยู่ของพระเจ้าและทวยเทพ ฯลฯซึ่งความยาวของซีซั่นหนึ่งทั้ง 13 ตอนนั้นไม่สามารถเล่ามันได้หมดแม้จะมีซีซั่นสองต่อก็ตาม ผมก็คิดว่าการดำเนินเรื่องของมันนั้นค่อนข้างจะด้นสดเกินไปนึกอะไรออกก็เล่า ออกตัวละครเยอะๆ มาก็ใช้แล้วทิ้งเหมือนจะมีบทบาทแต่ก็ห่วยแตกซะอย่างนั้น

    อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่รู้ว่าสำคัญกับเรื่องหรือเปล่าแต่พยายามยัดเยียดเข้ามาในเรื่องช่วงท้ายๆ คือเซ็กซ์ ทั้งชาย-หญิง ชาย-ชายและสวิงกิ้ง มันเกิดขึ้นเต็มไปหมดในตอนท้าย แม้จะเป็นการสะท้อนภาพของชีวิตมหาวิทยาลัยโอเค มันอาจจะเป็นการท้าทายความคิดใหม่ของนางเอกที่ไม่ได้ใสซิงคือฉันก็หิวและกินเป็น ปาร์ตี้ก็เที่ยว ผู้ชายก็ฟาดนะจ้ะ แต่หลายๆ ฉากหลายๆตอนมันไม่ค่อยสนับสนุนหรือผลักดันโครงเรื่องหลักเท่าไหร่

    ที่สำคัญไปกว่านั้น ความสามารถของพระเอกของเราที่คนดูหลายคนต่างคาดหวังถึงพรสวรรค์ด้านเวทย์มนตร์ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวแต่ยิ่งดูไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เราตั้งคำถามว่า “นี่เอ็งเป็นพระเอกจริงๆหรือเปล่าวะ” เนิร์ด บ้านิยาย ไม่เก่ง ไม่กล้า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เซ็กซ์ห่วยแถมตอนที่ควรจะโชว์ฟอร์มก็ดันผลักภาระนั้นให้นางเอกซะงั้น

    ยิ่งตอนจบก็ยิ่งอินดี้เข้าไปใหญ่ เล่นเอาสตั๊นไปนานเหมือนกันตอนที่นั่งเขียนมาถึงตรงนี้ก็ต้องใช้เวลารวบรวมสติมากทีเดียวกว่าจะเขียนออกมาได้การไล่เรียงความทรงจำ และการเชื่อมโยงเนื้อหาต่างๆ นั้นทำได้ยากเหลือเกิน แม้ตอนที่ดูจบจะคิดในใจว่าเอาเวลาของกูคืนมาแต่ก็นั่นแหละ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้ความคาใจทำร้ายตัวเองแบบนี้ต่อไปแน่ๆ ได้แต่หวังว่าซีซั่นที่สองจะกู้ความคาดหวังและคลายปมประเด็นมากมายที่ผูกเอาไว้ให้เรียบร้อย

    หวังว่าปมมันจะไม่แน่นและพันกันไปมากกว่านี้!

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in