ไม่ได้รีวิวหนังสือมานานมากเลยอะจ้ะ แหะๆ
เริ่มอ่านไว้นานแล้ว ตั้งแต่ซื้อมาใหม่ๆ เลย แล้วหยุดทิ้งไว้ในช่วงที่เอสเธอร์กำลังดำดิ่งลงสู่ความ "บ้า" เรารู้สึกยิ่งอ่านแล้วมันยิ่งทำให้เราดิ่งตาม เราก็เลยหยุดไว้แค่นั้น เวลาผ่านมาหลายเดือนเราถึงหยิบมาอ่านใหม่ด้วเหตุผลที่ว่าเราเริ่มจะรู้สึกดีขึ้นแล้วกับอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเรา เรายอมรับอดีต เรายอมรับครอบครัว เรายอมรับสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ แล้วเราก็พร้อมที่จะอยู่กับมันโดยให้มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา
เอสเธอร์ กรีนวูด คือตัวละครหลักในเรื่องนี้ เธอเล่าถึงชีวิตที่มองภายนอกแล้วดูดี ดูพร้อม ดูน่าอิจฉา แต่ลึกๆ แล้วเธอกลับไม่พอใจอะไรเลนในชีวิตของเธอ สิ่งดีๆ ต่างๆ ที่เธอได้รับไม่ว่าจะเพราะด้วยความสามารถของเธอเองหรือเพราะเป็นความช่วยเหลือจากคนอื่น เธอกลับมากังขา สงสัยในสิ่งดีๆ เหล่านั้น แล้วแปรเปลี่ยนมันเป็นความคิดอันดำมืดที่ทำร้ายตัวเธอเอง
เอสเธอร์ไม่พอใจในตัวเองเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา การเรียน การงาน การใช้ชีวิต ผู้ชายที่เธอคบ ครอบครัวของเธอ เพื่อน (ที่เธอแทบจะไม่นับใครว่าเป็นเพื่อนของเธอเลย) เธอมองทุกอย่างเป็นอริกับเธอไปหมด ทุกคนเกลียดเธอ โลกเกลียดเธอ สังคมที่เธออยู่มันไม่ใช่ที่ของเธอ เธอรู้สึกว่าเธอผิดแปลกแตกต่างไปกับทุกอย่างในโลก เธอเกลียดขนบ เธอต่อต้านมัน แต่เธอก็ยังเธอแบกมันกับตัวเธอเองตลอด ยอมให้ขนบของสังคมพวกนั้นมาเป็นใหญ่ในชีวิตเธอ เธอเกลียดมัน แต่เธอก็หนีไปจากมันไม่ได้
ถามว่าอ่านแล้วคิดถึงตัวเองไหม? เรายังจะต้องบอกอะไรอีกไหม??
เราว่านี่แทบจะเป็นชีวิตของคนทุกคนในโลกที่เกลียดชีวิต เกลียดสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ จนสุดท้ายมันก็ทำให้เราเป็น "บ้า"
สิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบคือหนังสือเอาแต่เน้นว่าสิ่งเหล่านั้น อาการเหล่านั้นที่เอสเธอร์เป็นมันคือความบ้า เพราะถ้าเรามองจากปัจจุบัน สิ่งที่เอสเธอร์ต้องประสบมันก็คืออาการของโรคซึมเศร้าแท้ๆ เลย เธอไม่ได้บ้า เราได้แต่สงสารผู้คนในสมัยนั้นที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เขาเป็นและการรักษาทางการแพทย์ในสมัยนั้น -- เรากลับมาอ่านเล่มนี้โดยเลือกที่จะอ่านต่อจากที่เราค้างเอาไว้ ไม่ได้ไปเริ่มต้นใหม่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรากลัวที่จะต้องย้อนไปอ่านช่วงเวลาที่เอสเธอร์กำลังพาตัวเองเดินลงเหว เราไม่อยากกลับไปสู่จุดๆ นั้นอีก เพราะเราขึ้นจากเหวมาได้แล้ว -- เมื่อเราเริ่มอ่านช่วงครึ่งหลังของหนังสือ มันก็เหมือนกับการเยียวยาตัวเราเองไปด้วยพร้อมๆ กับเอสเธอร์ที่เข้ารับการรักษาจนสุดท้ายก็ได้หลุดออกมาจากกรงแก้วที่เธอขังตัวเองเอาไว้
เราชอบตอนจบปลายเปิดที่เราไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเอสเธอร์จะโดนไอ้กรงแก้วนั้นครอบเธออีกไหม หรือเธอจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งต่างๆ ในชีวิตเธอ และยอมรับมันได้ในที่สุด ซึ่งในความคิดของเรา เราว่าเลือกที่จะเชื่อว่าเอสเธอร์ยอมรับมันได้แล้วว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเธอ แล้วก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ เราว่าเอสเธอร์ทำได้
เราว่าเอสเธอร์คือภาคสว่างของซิลเวีย แพลธ เราว่าเอสเธอร์คือสิ่งที่ซิลเวียอยากให้ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวซิลเวียเองนั้นทำไม่ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in