เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
not relevantnichised
4 February 2018
  • นี่เรากำลังทดลองขี้เกียจแบบหลอกตัวเองว่าไม่ได้ทำตัวไร้ประโยชน์อยู่นะ

    ช่วงนี้ตั้งใจจะเล่นทวิตเตอร์ให้น้อยที่สุด เพราะความดันขึ้นทุกทีที่เล่นทวิตเป็นเวลานาน ๆ ก็เลยเอา random thoughts มาเขียนเป็นไดอารี่แทน หลอกตัวเองว่าฝึกเขียนอยู่ เพราะตอนนี้สมงสมองลืมการเขียนอะไรยาว ๆ แบบมีโครงสร้างหมดแล้ว จะกลับมาเขียนงานแล้วสมองช้าสุด อยากใช้เวลาเพ้อเจ้อในโซเชียลให้น้อยลงด้วย เพราะเมื่อวานไปดู Fahrenheit 451 (1966) มา สะเทือนใจมาก ตั้งใจจะกลับมารีเสิชแล้วเขียนรีวิวแต่ก็ขี้เกียจ (อีกแล้ว) จริงๆคือรู้สึกว่าถ้ามันจะออกมาดีต้องพยายามมากเกินไป ก็เลยไม่ทำแม่ง หนังสือก็อ่านไปตั้ง 5 ปีแล้ว จำอะไรแทบไม่ได้ ถ้าหายืมจากห้องสมุดได้จะลองพยายามดูนะ นี่จะทำอะไรก็ขี้เกียจไปหมด กะจะเขียนเอนทรี่นี้มาเพื่อบ่นล้วนๆ ซึ่งก็ไร้สาระมาก อ่านไปก็คงเสียเวลา เขียนเองยังรู้สึกเสียเวลาเลย

    เมื่อกี้ไปร้านหนังสือมือสองแถวบ้านมา ทุกครั้งที่มาจะหาร้านไม่เจอ เพราะจำไม่ได้ว่าเดินผ่านไปแล้วหรือยัง หรือว่ายังไม่ถึง หรือปิด งงไปหมด ได้หนังสือ The Diary Of Virginia Woolf Volume 3 1925 - 30 มา ทำให้อยากเขียนไดอารี่แบบนั้นบ้าง คนอะไรเขียนเรื่องฉลาดได้รายวันขนาดนี้ นี่ลองดูเพราะอย่างน้อยตอนเขียนอะไรยาว ๆ ก็ต้องอีดิทแล้วลำดับความคิดให้มากขึ้น ซึ่งก็ไม่ค่อยช่วยอะไร เพราะที่เขียนนี่ก็ไม่ได้วางแผนอะไรเลย เห้อกับตัวเองมาก

    เวลาเดินในร้านหนังสือปกติจะไม่ค่อยมีอะไรในใจหรอก หมายถึงไม่ได้มีแผนว่า วันนี้ฉันจะมาหาเล่มนี้นะ! เพราะส่วนมากถ้าคิดแบบนั้นก็จะสั่งออนไลน์หรือเดินเข้าไปซื้อแบบไม่อ้อยอิ่ง อ๋อ แต่จะมีพวกหนังสือที่อยากอ่านมานานละ แต่ตัดสินใจไม่ได้ เปิดดูด้วยความอยากทีไรก็จะมีบางจุดที่ไม่ชอบแล้วไม่ได้ซื้อทุกที แต่ก็เดินกลับมาดูทุกครั้งที่มาร้านหนังสือ ซึ่งพวกนี้จะใช้ไม่ได้กับร้านมือสองเพราะของมาเร็วไปเร็วมาก กลับมาก็ไม่เจอแล้ว อยากปุ๊บก็ซื้อเลย เงินปลิวง่ายกว่าเดิมอีก ราคาก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่ด้วย

    วันนี้ก็เจอหนังสือ Alice Munro ซึ่งเราอยากอ่านมานานแล้วแต่ไม่รู้จะเริ่มเล่มไหน เคยเจอเล่มจูปิเตอร์ที่ร้านมือหนึ่งแต่แพงเหลือเกิน เล่มที่หยิบขึ้นมาเป็น Selected Stories ก็พ่ายแพ้มาก อ่านข้ามๆแบบเปิดกลางเล่มละภาษาถูกจริต เกือบมือลั่นแล้ว แต่ตัดสินใจซื้อแม่เวอร์จิเนียไปก่อนแล้ว ชีวิตต้องเลือก แม่อลิซก็ต่อคิวไป

    ตั้งแต่มานิวซีแลนด์ก็อ่าน เอ่อ ซื้อ หนังสือที่เขียนโดยนักเขียนผู้หญิงเยอะขึ้นมาก คิดว่าเพราะเปลี่ยนแนวที่ชอบด้วยมั้ง แต่เราว่าเรามาเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า กลัวคนดี๊พ ขี้เกียจมาเป็นบรรทัดฐานของสังคม

    จริง ๆ เอนทรี่นี้เขียนมาเป็นข้ออ้างในการผลัดวันประกันพรุ่งกับเอนทรี่ที่มีน้ำ มีเนื้อ มีเป้าหมายที่จะเขียนต่างหาก คืออยากเขียนหลายเรื่องมาก ทั้งเรื่องสั้น ทั้ง non-fiction แต่ความคิดยังไม่เข้ารูปเข้ารอย รีเสิชยังไม่ครบ ไม่อยากเอามาใช้ทิ้งขว้าง เลยจบลงที่การเขียนอะไรไม่มีสาระแบบนี้แหละ สบายใจดี

    อีกเรื่องที่เอามาหลอกตัวเองกับเอนทรี่นี้คือต้องเขียน reflection ส่งอาจารย์ แต่ไม่อยากทำเพราะคิดไม่ออก เลยมาเขียนอะไรก็ไม่รู้แทน จะได้รู้สึกว่าไม่ได้เอาเวลาไปเล่นทวิตเตอร์แล้วไม่ยอมทำงาน ชีวิตพาร์ทไทม์ที่ทำงานกับอาจารย์แม่งเหมือนเรียนอยู่เด้ะ แต่ได้เงินนิดหน่อย เวลาว่างเยอะ และรู้สึกไร้ค่ากว่าเดิม ที่รู้สึกไร้ค่ากว่าเดิมเพราะมันไม่มีเป้าหมายชัดเจนอะ ตอนนี้หางานฟูลไทม์อยู่ก็เลยยิ่งเคว้งใหญ่

    วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ทำตัวคุ้มค่ากับวันหยุดมาก กินกาแฟเช้า ชาบ่าย ชาเย็น อ่านหนังสือไปนิดนึง ได้หนังสือเล่มใหม่ แล้วก็เขียนอะไรเพ้อเจ้ออีกหนึ่งหน้า หมดละ ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว นอนดีกว่า บาย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in