1"เราอยากลอง..จูบอ่ะ"เธอยอมบอกขึ้นมาในที่สุด
หลังจากถูกเราเค้นเอาจากท่าทีอยู่ไม่สุขนั้นด้วยสายตาอยู่พักหนึ่ง
คำตอบที่ได้ยินก็ไม่ต่างไปจากการคาดเดาสักเท่าไหร่
“ก็เอาสิ”
เราตอบเรียบๆ เพื่อให้เธอรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอย่างนั้น
สำหรับนักเรียนหญิงมัธยมปลายที่รู้จักการจูบผ่านนวนิยายอย่างเธอ
มันเปรียบเหมือนพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
กระทั่งขณะนี้เธอก็ยังไม่หายเขินอายหลังจากสารภาพความต้องการออกมา
แค่จูบเอง
มันจะอะไรนักล่ะ โธ่
ก็นะ..
สำหรับเรา อะไรก็เป็นเรื่องเล็กไปหมดนั่นล่ะ
ยิ่งเป็นเรื่องของชาวบ้านแบบนี้ด้วยแล้ว
2
เธอเพิ่งจะขอเพื่อนของเราคบ -ด้วยท่าทางเขินอายเช่นเดียวกับตอนนี้-
ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
หลังจากที่ทั้งปรึกษา และรวบรวมความกล้าจากเราอยู่นานเป็นเทอม
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมาบอกว่าชอบเพื่อนของเรา
เราก็รู้อยู่แล้ว
รู้ว่าเพราะอะไร
และรู้อีกว่าเธอจะต้องสมหวัง
เรารู้จักเพื่อนของเราดีพอจะอ่านสายตาวิบวับคู่นั้นออก
พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน
..นานพอที่จะทำให้เรารู้สึกมากกว่าเพื่อน
3
สายตาของเธอหันกลับไปมองที่เพื่อนของเรา -แฟนสาวของเธอ-
ที่นั่งอยู่ห่างออกไป
พวกเธอสบตากันอย่างมีความหมาย
เธอตั้งตารอการนัดหมายอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
ก่อนหันกลับมาสบตาเรา
"ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเราหน่อยนะ"
"ก็เอาสิ”
เรายังคงตอบเรียบๆ
มันถูกทำให้สิ้นสภาพ 'เรื่องของชาวบ้าน'
และแน่นอนว่าไม่ใช่ 'เรื่องเล็ก' อีกต่อไปแล้ว
เราสามคนต้องอยู่ 'ทำเวร' หลังเลิกเรียน
4
เบื้องหลังแนวโต๊ะเรียนที่ถูกวางซ้อนด้วยเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ
สัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดของเวรทำความสะอาด
เราทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ
เบื้องหน้าคือ เธอและเพื่อนของเราซึ่งกำลังนั่งอยู่ในระดับเดียวกัน
พวกเธอต่างก็เก้อเขินซึ่งกันและกัน
มือไม้วุ่นวายกับการหาที่วางที่ไม่ใช่บนตัวอีกฝ่าย พวกเธอยังไม่กล้าสัมผัสกันและกัน
ยังไม่กล้าที่จะเริ่มต้น...
"ถ้าไง ให้เราออกไปก่อนดีมั้ย"
เผื่อเราจะทำให้พวกเธอเกร็ง
"ไม่ๆ อยู่นี่แหละ"
เพื่อนเราบอก ซึ่งเธอก็พยักหน้ายืนยัน
โอเค..
เรายังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
ก่อนเริ่มต้นมองเหม่อลอดระหว่างพวกเธอไปที่บอร์ดหลังห้อง
เพื่อเบนตัวเองให้สนใจมัน
จะทำอะไรก็ทำไปสักทีเหอะ...
เราพบว่าตัวเองอยากรีบๆ ลุกออกไปจากตรงนี้
5
ภาพสัตว์เลี้ยงบนบอร์ดซึ่งถูกตัดแปะมาจากโปสเตอร์ความรู้ซึ่งเหรัญญิกห้องเป็นคนจัดการซื้อมาจากสหกรณ์โรงเรียน
ที่โดดเด่นอยู่ด้านหลังห้อง ทำให้นึกย้อนไปถึงครั้งหนึ่งที่เราเคยได้รับลูกหมามาเลี้ยง
พี่สาวข้างบ้าน ผู้ยกมันมาให้ช่วยดูแลบอกกับเราว่าหากต้องการผูกมิตร
และสร้างความคุ้นเคยกับมัน
วิธีง่ายๆ คือการเริ่มเรียกชื่อมัน
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
สายตาเคลื่อนไปตามตัวหนังสือโดยไม่มีอะไรเข้าหัว
เพราะภายในนั้นกำลังประมวลผลบางสิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่เป็นมิตร
เรายังผูกมิตรกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีชื่อเรียกของมัน
ตราบใดที่ยังไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแปลกหน้าที่ก่อเกิดขึ้นมานี้ว่าอะไร
เราก็ยังไม่พร้อมที่จะรับรู้ถึงภาพตรงหน้า
6
ร่างของพวกเธอวูบไหวอยู่นอกโฟกัสสายตา
ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาแนบชิด และแนบเนื้อ
กระทั่งเรียวปากของพวกเธอแตะกันบดบังแทนที่ภาพของบอร์ดหลังห้อง
แตะเบาๆ คลอเคลียและยั่วล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง
เราถูกดึงให้กลับมาโฟกัสที่พวกเธออย่างช่วยไม่ได้
พวกเธอหัวเราะเบาๆ อย่างพึงใจต่อสัมผัส
เรียกมุมปากเราให้พลอยเผลอยกยิ้มไปด้วย
ในที่สุดเราก็คิดออก
เรารู้จักชื่อของความรู้สึกแปลกหน้านี้แล้ว
และพร้อมที่จะผูกมิตรกับมัน
เราพาตัวเองออกจากห้องนั้น
7
เราอ้อยอิ่งอยู่หน้าห้องเรียนที่ปิดประตูสนิท
หันหลังให้กับจักรวาลของคนสองคน
...ที่ทำให้เราหวั่นไหว
เพื่อนที่เรารู้ใจแต่ไม่เคยรู้ใจเราสักครั้ง
กับเธอ...ที่เข้ามาบอกว่ารักเราเพื่อเข้าหาเพื่อนเรา
เห็นรึยัง?
เรามั่นใจว่าไม่มีใครจะสามารถเป็นเพื่อนของพวกเธอได้ดีเท่ากับเราอีกแล้ว
ไม่สิ มีแค่เราเท่านั้นที่ยังทนเล่นเป็นเพื่อนอยู่ได้
เราแค่มาแสดง 'ความยินดี'
ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ของ 'ชาวบ้าน'
มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in