เนื่องจากกุ่ยเรียนอยู่ที่อังกฤษเขาจึงออกเดินทางจากที่นั่นและถึงสนามบินเมืองมาร์ราเกชก่อนชาวคณะครึ่งวัน ส่วนผม ปืน แจง กิ๊บ และปลา บินมาจากเมืองไทย จึงต้องลงที่สนามบินคาซาบลังกา (Casablanca) เท่านั้น ไม่มีไฟลท์บินตรงมาลงเมืองมาร์ราเกช นอกจากนี้ยังมีมิ้งค์เป็นสมาชิกสมทบอีกหนึ่งคนที่ยังมาไม่ถึง
‘ปืนกับแจง’ เป็นสองสามีภรรยาดีเด่นแห่งยุค ไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอดเวลา แต่งงานกันมาห้าปีแต่หวานชื่นเหมือนเพิ่งเริ่มจีบกันเมื่อวาน
‘กิ๊บ’ คือหญิงสาวเจ้าของฉายา ‘เทพธิดาแห่งอุปสรรคทางการคมนาคม’ ทุกครั้งที่เดินทาง เธอมักทำให้เครื่องบินขัดข้องเป็นอันต้องยกเลิกเที่ยวบิน หรือทำให้รถยนต์ดับสนิทอยู่เสมอ
‘ปลา’ หญิงสาวเจ้าของฉายา ‘หัวใจนักปราชญ์’ ที่ได้ชื่อนี้ไม่ใช่เพราะเธอรอบรู้ หรือมีคำพูดคมๆ บาดใจ แต่เพราะเธอเป็นคุณผู้หญิงของ ‘ท่านกุ่ย’ นักปราชญ์ประจำกลุ่มนั่นเอง
เครื่องบินอียิปต์แอร์พาเราบินข้ามมหาสมุทรอินเดียร่อนลงที่สนามบินคาซาบลังกาอย่างปลอดภัย ก่อนหน้าที่พวกเราจะเดินทางมาถึง สายการบินนี้เคยถูกสลัดอากาศบุกปล้นและมีประวัติถูกกองโจรดักยิงร่วงมาแล้ว
การผ่านด่านเข้าเมืองคาซาบลังกาค่อนข้างยุ่งยาก ระบบที่ไม่เป็นระบบทำให้มีคนแซงคิวตลอดเวลา พวกเราเสียเวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลุดพ้นจากวังวนการแทรกแซงได้
ทันทีที่ออกจากสนามบิน เราก็รีบมองหา ‘ราชิด’ โชเฟอร์หนุ่มชาวโมร็อกโกที่กุ่ยจ้างให้มารับพวกเราไปมาร์ราเกช ความจริงการเดินทางไปมาร์ราเกชมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง แท็กซี่ รถไฟ แต่เราเลือกวิธีนี้เพราะต้องการประหยัดเวลาให้มากที่สุด
ท่ามกลางฝูงชนชาวมุสลิม เรามองหาราชิดชายผู้ถือป้ายกระดาษเขียนชื่อผมได้ไม่ยากนัก เพราะเขามีรูปร่างใหญ่โตสะดุดตา สูง 190 เซนติเมตร หน้าคม ผมหยิก แต่งตัวสะอาดเรียบร้อยในชุดเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกับกางเกงยีนส์ เขาทักทายเราพอเป็นพิธีด้วยการจับมือเขย่าและเกณฑ์พวกเราขึ้นรถเหมือนผู้ใหญ่ต้อนเด็ก จากนั้นก็บึ่งรถแวนคันงามมุ่งหน้าสู่เมืองมาร์ราเกชทันที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in