เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Morocco MomentBANLUEBOOKS
01: ประตูสู่อาหรับ

  • โมร็อกโกเป็นประเทศแห่งการหลง ทั้งในแง่ของการ ‘หลงทาง’ และ ‘หลงรัก’ ตลอดการเดินทางสองอาทิตย์ ผมและเพื่อนอีกหกชีวิตเจออิทธิฤทธิ์ของผังเมืองอันสลับซับซ้อนบั่นทอนจิตใจให้เสียศูนย์นับครั้งไม่ถ้วน มีเรื่องให้ลุ้นระทึกไม่เว้นแต่ละวัน จนอดคิดไม่ได้ว่านี่เรากำลังท่องเที่ยวดินแดนอาหรับหรือ เข้าคอร์สต้องรอด 101 กันแน่

    แต่ถึงจะหลงทางหนักหนาสาหัสแค่ไหน ผมก็ยังหลงรักดินแดนไกลโพ้นอันอุดมด้วยประวัติศาสตร์หลายพันปีแห่งนี้อยู่ดี โมร็อกโกมีกลิ่นอายลึกลับชวนนึกถึงนิทานเกี่ยวกับหมอดูหญิงชรากับลูกแก้วกลมโต ยักษ์ใหญ่ในตะเกียงวิเศษ กองโจรทะเลทรายผู้แกร่งกล้าและพรมวิเศษที่พาเราเหาะไปในอากาศได้อย่างอิสระ ทั้งยังมากด้วยวัตถุดิบทางศิลปะและวัฒนธรรมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ผมสนใจเป็น
    พิเศษ

    ตัวตั้งตัวตีผู้จัดทริปนี้คือ ‘กุ่ยผู้รอบรู้’ ซึ่งขณะนี้เป็นหนุ่มนักศึกษาปริญญาเอกสุดเท่มาดเนี้ยบในประเทศอังกฤษ ชายผู้นี้รู้ประวัติศาสตร์โลกแทบทุกรูปแบบตั้งแต่การกำเนิดโลกไปจนถึงเรื่องซับซ้อนอย่างต้นกำเนิดของศาสนาและรากเหง้าของศิลปะแขนงต่างๆ กุ่ยเดินทางไปเช็กอินตามแลนด์มาร์กระดับโลกมาแล้วหลายแห่ง ทั้งกำแพงเมืองจีน พีระมิด หอเอนปิซา นครวัดนครธม กำแพงเบอร์ลิน และอื่นๆ อีกมากมาย

    ความฝันล่าสุดของเขาคือการขี่อูฐย่ำทะเลทรายซาฮาร่าอันยิ่งใหญ่ ยลช่องแคบยิบรอลตาร์ ว่ายน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก ชมสถาปัตยกรรมงานกระเบื้องอันวิจิตรตระการตา ตามหาบ่อสีโบราณในดินแดนหมื่นตรอกอายุนับพันปี และสัมผัสสุดยอดมัสยิดของโลกมุสลิมแห่งใหม่ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนบรรจุอยู่ในดินแดนเปี่ยมมนตร์เสน่ห์ที่ชื่อ ‘โมร็อกโก’
  • เนื่องจากกุ่ยเรียนอยู่ที่อังกฤษเขาจึงออกเดินทางจากที่นั่นและถึงสนามบินเมืองมาร์ราเกชก่อนชาวคณะครึ่งวัน ส่วนผม ปืน แจง กิ๊บ และปลา บินมาจากเมืองไทย จึงต้องลงที่สนามบินคาซาบลังกา (Casablanca) เท่านั้น ไม่มีไฟลท์บินตรงมาลงเมืองมาร์ราเกช นอกจากนี้ยังมีมิ้งค์เป็นสมาชิกสมทบอีกหนึ่งคนที่ยังมาไม่ถึง

    ‘ปืนกับแจง’ เป็นสองสามีภรรยาดีเด่นแห่งยุค ไปไหนมาไหนตัวติดกันตลอดเวลา แต่งงานกันมาห้าปีแต่หวานชื่นเหมือนเพิ่งเริ่มจีบกันเมื่อวาน

    ‘กิ๊บ’ คือหญิงสาวเจ้าของฉายา ‘เทพธิดาแห่งอุปสรรคทางการคมนาคม’ ทุกครั้งที่เดินทาง เธอมักทำให้เครื่องบินขัดข้องเป็นอันต้องยกเลิกเที่ยวบิน หรือทำให้รถยนต์ดับสนิทอยู่เสมอ

    ‘ปลา’ หญิงสาวเจ้าของฉายา ‘หัวใจนักปราชญ์’ ที่ได้ชื่อนี้ไม่ใช่เพราะเธอรอบรู้ หรือมีคำพูดคมๆ บาดใจ แต่เพราะเธอเป็นคุณผู้หญิงของ ‘ท่านกุ่ย’ นักปราชญ์ประจำกลุ่มนั่นเอง

    เครื่องบินอียิปต์แอร์พาเราบินข้ามมหาสมุทรอินเดียร่อนลงที่สนามบินคาซาบลังกาอย่างปลอดภัย ก่อนหน้าที่พวกเราจะเดินทางมาถึง สายการบินนี้เคยถูกสลัดอากาศบุกปล้นและมีประวัติถูกกองโจรดักยิงร่วงมาแล้ว

    การผ่านด่านเข้าเมืองคาซาบลังกาค่อนข้างยุ่งยาก ระบบที่ไม่เป็นระบบทำให้มีคนแซงคิวตลอดเวลา พวกเราเสียเวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะหลุดพ้นจากวังวนการแทรกแซงได้

    ทันทีที่ออกจากสนามบิน เราก็รีบมองหา ‘ราชิด’ โชเฟอร์หนุ่มชาวโมร็อกโกที่กุ่ยจ้างให้มารับพวกเราไปมาร์ราเกช ความจริงการเดินทางไปมาร์ราเกชมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง แท็กซี่ รถไฟ แต่เราเลือกวิธีนี้เพราะต้องการประหยัดเวลาให้มากที่สุด

    ท่ามกลางฝูงชนชาวมุสลิม เรามองหาราชิดชายผู้ถือป้ายกระดาษเขียนชื่อผมได้ไม่ยากนัก เพราะเขามีรูปร่างใหญ่โตสะดุดตา สูง 190 เซนติเมตร หน้าคม ผมหยิก แต่งตัวสะอาดเรียบร้อยในชุดเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกับกางเกงยีนส์ เขาทักทายเราพอเป็นพิธีด้วยการจับมือเขย่าและเกณฑ์พวกเราขึ้นรถเหมือนผู้ใหญ่ต้อนเด็ก จากนั้นก็บึ่งรถแวนคันงามมุ่งหน้าสู่เมืองมาร์ราเกชทันที

  • เราปรับเวลาบนนาฬิกาข้อมือให้ตรงกับเวลาท้องถิ่น เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทยประมาณเจ็ดชั่วโมง ตัววัดอุณหภูมิบนหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าขณะนี้อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส ราชิดเปิดหน้าต่างขณะขับรถเพื่อรับลมเย็นจากด้านนอก และเปิดวิทยุฟังเพลงภาษาอังกฤษยุค 80 พาเราแล่นฉิวไปบนถนนทางหลวงรถบางตา


    วิวสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แห้งแล้งว่างเปล่า เต็มไปด้วยหินและดินทรายสีแดง ชาวบ้านใช้พื้นที่บริเวณนี้เลี้ยงสัตว์ เพราะไม่สามารถเพาะปลูกหรือทำประโยชน์อย่างอื่นได้ เราจึงเห็นแพะหลากวัยวิ่งหยอกล้อกันอย่างร่าเริง

    พื้นที่สีเขียวจากทุ่งข้าวสาลีและต้นกระบองเพชรที่ชาวบ้านปลูกไว้โผล่มาให้เห็นบ้างเป็นระยะ นอกจากนี้ก็มีต้นอินทผลัมและต้นปาล์มหน้าตาโบราณดึกดำบรรพ์ที่สะดุดตาชวนมอง

    ระหว่างทางเข้าเมือง ผมเห็นชาวบ้านตั้งแผงขายผลไม้ข้างทาง อารมณ์คล้ายแผงส้มโอในนครปฐม ผลไม้ที่ขายลูกเล็กขนาดมะพร้าวน้ำหอม เปลือกสีเขียวอ่อนเป็นริ้วๆ ราชิดบอกว่ามันคือแคนตาลูปรสชาติหอมหวาน แต่เราไม่มีโอกาสแวะชิมเพราะต้องรีบทำเวลา

    ราชิดใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงที่หมาย เขาเล่าว่ามาร์ราเกชเป็นหนึ่งในสี่มหานครจักรพรรดิ (Imperial town) ของโมร็อกโก อันได้แก่ มาร์ราเกช (Marrakesh) เฟส (Fes) เมคเนส (Meknes) และราบัต (Rabat)


  • ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวในมาร์ราเกชมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่โรงแรมหรูหราระดับเจ็ดดาว รีสอร์ตเก๋ไก๋ เกสต์เฮาส์ทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ไปจนถึงโฮสเทลห้องรวม ใครชอบแบบไหนก็เลือกสรรได้ตามกำลังทรัพย์

    ที่พักของเราอยู่ในเขตเมืองเก่าที่เรียกว่าเมดิน่า ผมบอกชื่อที่พักให้ราชิดทราบ เขาจัดแจงเรียกพนักงานออกมารับ เพราะหากปล่อยเราเข้าไปเองมีหวังหลงทางไปเจ็ดวันเจ็ดคืน เขตเมืองเก่าคือดินแดนอันซับซ้อนสุดบรรยายสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา

    ราชิดจอดรถริมกำแพงเมดิน่า ผมกับเพื่อนๆ มองไปโดยรอบและพบว่าสิ่งแวดล้อมทั่วไปดูธรรมดาไม่อลังการเหมือนที่คิด ขณะที่เรากำลังยืนวิจารณ์บ้านเมืองของเขา ชายวัยกลางคนไว้หนวดงามเหนือริมฝีปากก็เข็นรถเข้ามาทักทาย เขาแนะนำตัวว่าชื่อเล็กซอน แต่ฟังแล้วคล้ายๆ กับคำว่า ‘เล็กสั้น’ แจงกับปืนได้ยินก็หัวเราะคิกคักทันที จนกิ๊บกับปลางงว่าสองคนนี้หัวเราะอะไร แจงหยุดขำแล้วบอกว่าคนอะไรชื่อน่ารัก ‘เล็กสั้น’

    เราร่ำลาราชิดพอเป็นพิธี จากนั้นก็ช่วยกันยกสัมภาระขึ้นไปวางบนรถเข็น เล็กสั้นทำ หน้าที่เข็นรถนำเรามุ่งหน้าสู่ประตูเมืองเก่าที่สร้างอยู่บนกำแพงยักษ์ กำแพงที่กั้นเขตเมืองใหม่ของมาร์ราเกชออกจากเมดิน่า ผมรู้สึกราวกับเล็กสั้นเป็นอาลีบาบาผู้ใช้มนตร์มายาเปิดประตูมหาสมบัติ เขาพาเราเดินผ่านประตูมิติเข้าสู่ดินแดนเทพนิยายอาหรับราตรีที่กำลังเปิดม่านต้อนรับการมาเยือนของพวกเราทุกคน


  • ระบอบการปกครอง : ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    ศาสนาประจำชาติ : ศาสนาอิสลาม

    ภาษาประจำชาติ : ภาษาอารบิก (แต่ประชาชนพูดและเขียนฝรั่งเศสได้ดี ส่วนตอนเหนือของประเทศมีการใช้ภาษาสเปนร่วมด้วย)
  • ยุคต่างๆ ของโมร็อกโก


    1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์ : ชนพื้นเมืองชาวเบอร์เบอร์ (Berber) เริ่มมาตั้งรกราก

    2. ศตวรรษที่ 7 : ชาวอาหรับ ซึ่งในเวลานั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ขยายอำนาจมาจนถึงแผ่นดินแอฟริกาเหนือ และเรียกดินแดนแถบนี้ว่ามาเกร็บ (Maghreb) ซึ่งแปลว่า ‘ดินแดนทิศตะวันตกสุดของการยึดครอง’ จากนั้นจึงนำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ รวมถึงสร้างอาคารบ้านเมือง
    และศาสนสถานต่างๆ

    3. ค.ศ. 1912 : ดินแดนโมร็อกโกตกเป็นของฝรั่งเศสกับสเปน และได้รับเอกราชกลับคืนมาในปี ค.ศ. 1956


    4. ปัจจุบัน : โมร็อกโกเป็นประเทศแห่งประวัติศาสตร์ที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบทางศิลปะและวัฒนธรรม
    มากมาย จากการผสมผสานของวัฒนธรรมพื้นเมืองเบอร์เบอร์ อาหรับและยุโรปเข้าด้วยกัน เอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะโมร็อกโกปรากฏอยู่ทั่วไปตามมัสยิด วัง ป้อมปราการ อาคารบ้านเรือน สุสาน รวมถึงงานฝีมือต่างๆ เช่น งานโลหะ พรม เครื่องเงิน และเครื่องประดับ

  • เตรียมพร้อมก่อนลุย


    • ขอวีซ่าได้ที่สถานทูตโมร็อกโก ชั้น 12 อาคารสาทรซิตี้ ขึ้น BTS ลงสถานีช่องนนทรี ทางออก 2 ยื่นเอกสารได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.30 น. ถึง 12.00 น. ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3-5 วันทำการ

    • ดูรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารได้ที่ www.moroccoembassybangkok.org สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศโมร็อกโก ตั้งอยู่ที่กรุงราบัต โทร. +212 5 37 634 603 / 604 อีเมล : thaima@menara.ma

    • การแลกเงินแนะนำให้แลกเป็นดอลลาร์หรือยูโรจากเมืองไทยไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเป็นเงินเดอรัม (Dirham) ที่โมร็อกโก และควรแลกที่ธนาคาร หรือร้านรับแลกเงินที่มีป้ายแสดงอัตราแลกเปลี่ยนที่ชัดเจน นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยส่วนใหญ่นิยมบินมาลงที่เมืองคาซาบลังกา จากนั้นจึงเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ตามที่แพลนไว้ แล้วค่อยกลับมาเที่ยวคาซาบลังกาปิดท้ายก่อนนั่งเครื่องบินกลับ
    รถไฟคือตัวเลือกยอดนิยมในการเดินทางระหว่างสนามบินกับตัวเมืองคาซาบลังกา ใช้เวลาเดินทาง 30-40 นาที

    • ซิมการ์ดในประเทศโมร็อกโกหาซื้อได้ง่าย อาจมีคนเดินมาขายเรา โดยเฉพาะที่เมืองท่องเที่ยวอย่างมาร์ราเกช แต่แนะนำให้ซื้อตามร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจะปลอดภัยกว่า และควรให้ทางร้านติดตั้งให้เลย เนื่องจากวิธีใช้มักเป็นภาษาอารบิกสัญญาณโทรศัพท์ในโมร็อกโกชัดเจนดี แต่อินเทอร์เน็ตเต่ามาก พิมพ์ข้อความคุยกันได้ แต่การใช้โปรแกรม Free call เช่น SKYPE, LINE, FB messenger มักไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ ต้องอาศัยดวงมากกว่าสัญญาณ

    • ถ้าอยากเที่ยวโมร็อกโกให้ทั่ว การแบกเป้ลุยไปเรื่อยๆ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ควรใช้บริการทัวร์ท้องถิ่นดีกว่า เพราะสถานที่แต่ละแห่งอยู่ไกลกันและขนส่งมวลชนตามเมืองเล็กๆ ยังไม่ค่อยดีนัก

    • ควรฟิตร่างกายและเตรียมรองเท้าให้พร้อมสำหรับการเดินเยอะๆ เที่ยวประเทศนี้ยังไงก็ต้องเดินขาลากครับ

    • หากต้องการเดินทางกันเอง การซื้อประกันสุขภาพและอุบัติเหตุก่อนเดินทางเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อรับมือกับเหตุสุดวิสัย การเตรียมตัวอย่างรัดกุมจะทำให้เราท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจมากขึ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in