สมัยเรียนประถม - มัธยม มีใครยังจำได้ไหมว่า มีหนังสืออะไร ที่จัดอยู่ในลิส " หนังสืออ่านนอกเวลา " ที่เหล่าคุณครู พยายามให้อ่านแล้วบันทึกมาส่งบ้าง? มินิมอร์มาลองนับๆ ดู มีหลายเรื่องเลยนะ ที่ขึ้นชื่อระดับ " หนังสือในตำนาน " ที่เด็กยุคก่อนต้องเคยได้ผ่านมือผ่านตามาบ้าง
วันนี้มินิมอร์เลยจะชวนมาย้อนวัย (อีกแล้ว) แนะนำหนังสือเหล่านี้ ให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะยังไม่รู้จัก แต่เดี๋ยว ช้าก่อน! เพราะวันนี้เราไม่ได้หามาให้แต่หนังสือนะจ๊ะ แต่หนังสือเหล่านี้ ที่เคยเป้นแค่หนังสืออ่านนอกเวลา ยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์มาให้ชมสำหรับคนที่อ่านแล้วอยากดูในแบบอื่นบ้างอีกด้วย ลองไปดูกันว่า มีเรื่องอะไรบ้าง
Charlottes Web แมงมุมเพื่อนรัก (อี.บี.ไวท์)
เรื่องราวมิตรภาพระหว่างแมงมุมกับเจ้าลูกหมู ที่สร้างทั้งความฉงนให้กับผู้คนในฟาร์ม และความอบอุ่นในหัวใจของผู้อ่าน
: เรื่องนี้ตอนที่มินิมอร์อ่านสมัยประถม น้ำตาซึมเลยแหละ อ่านแล้วก็ได้แต่อยากมีเพื่อนเป็นแมงมุมฉลาดๆ แบบนี้มั่ง (ในชีวิตจริงคงโดนแม่โบกที่ไม่ทำความสะอาดจนหยากไย่ขึ้นเต็มห้อง) เป็นหนังสืออ่านง่าย ภาษาเรียบๆ แต่เรื่องราวน่ารักและชวนให้ติดตามมากเลยล่ะ
: เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ก็ทำออกมาได้น่ารักน่าชัง ทั้งตัวเจ้าลูกหมู แล้วก็แม่สาวน้อยดาโกต้า เฟนนิ่งในบทของเฟิร์น (เดี๋ยวนี้ไม่ใช่สาวน้อยแล้วน้า เป็นสาวสวยเต็มตัวเลยล่ะ) เนื้อเรื่องค่อนข้างสมบูรณ์ และมุมภาพก็น่ารัก ทำให้ตัวบทเข้าใจง่ายขึ้นไปอีก ใครว่างๆ ลองไปหามาดูได้นะ รับรองว่าต้องหิว เอ้ย ต้องรักเจ้าหมูและแมงมุมตัวนี้แน่ๆ
อยู่กับก๋ง : หยก บูรพา
เรื่องราวในอดีตของหยก นักเขียนที่ประสบความสำเร็จ กับความทรงที่มีต่อก๋ง และคำสอนต่างๆที่ทำให้หยก กลายเป็นหยก บูรพา ในวันนี้
: มินิมอร์ชอบการใช้ภาษาของหนังสือเล่มนี้มาก ใช้คำง่ายๆ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นเด็กน้อยที่มีผู้ใหญ่คอยสอน อ่านแล้วนึกถึงก๋งของตัวเองขึ้นมาเลยล่ะ นอกจากคำสอนของก๋งแล้ว ในเรื่องยังมีกลิ่นอายของยุคเก่าก่อนในกรุงเทพ การบรรยายถึงฉากบ้านเมืองและกิจกรรมของคนในยุคนั้นทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปได้เลยล่ะ
: เวอร์ชันนี้ เป็นละครเฉลิมพระเกียรติที่รวมเอานักแสดงฝีมือระดับแนวหน้ามาถ่ายทอดเรื่องราวในหนังสือ ภาพสวย เพลงดี ลีลาเริด ครบสูตร! ดูเพลินๆ ก็ได้ ดูเพื่อเก็บความดีเทลก็ดี มินิมอร์ว่า ทางผู้จัดตีโจทย์ได้ค่อนข้างแตกนะ กับการจัดฉาก จัดอารมณ์ และการตีความตัวละคร ว่าจริงๆแล้วตัวผู้เขียนอยากจะสื่ออะไรให้กับคนดู
ข้างหลังภาพ : ศรีบูรพา
“ข้างหลังภาพ” ฉากหน้าคือภาพวาดฝีมือพอใช้ที่ได้รับมาเป็นของขวัญวันแต่งงาน แต่ฉากหลังใครจะรู้ พ้นแนวเขาและทิวธาร มีเพียงนพพรและคุณหญิงเท่านั้น ที่รู้ว่ามันได้ซ่อนความทรงจำอันแสนทรมานระหว่างความรักของคนหนุ่มอย่างนพพร และความรักด้วยความลึกซึ้งของผู้ใหญ่ อย่างหม่อมราชวงศ์กีรติ ไว้ ก่อนจบลงส่งท้ายด้วยความแสนเศร้า: ' ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก '
ประโยคเด็ดหนังสือเล่มนี้ ทำเอาเหล่าสาวๆ น้ำตาร่วงกันเป็นแถว เป็นการเล่าเรื่องราวสลับระหว่างการบรรยายวิวทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่น สลับกับบทสนทนา ซึ่งจะเน้นไปที่อย่างแรกมากกว่า สิ่งหนึ่งที่ข้างหลังภาพมีลักษณะเด่น (สำหรับมินิมอร์) คือการวางคาแรกเตอร์ให้สมจริง ทั้งตัวคุณหญิงกีรติ และนพพร ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ได้มีตัวละครเยอะ แต่การดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบกลับทำได้อย่างลี่นไหล และเป็นธรรมชาติ จนทำให้บางครั้งมินิมอร์คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริงเลยเชียวล่ะ
: สำหรับเวอร์ชัน มีทั้งเป็นภาพยนตร์ละคร และละครเวที นำเอามารีเมคหลายต่อหลายรอบ และทุกรอบก็ยังคงได้รับความนิยม และเทคะแนนความสงสารให้กับพระนางได้อยู่เสมอ อย่างเพลงที่แนบมา ก็เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ข้างหลังภาพ ปีพ.ศ. 2544 เวอร์ชันเคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ สมัยเอ๊าะๆ กับสาว คารา พลสิทธิ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเวอร์ชันสุดคลาสสิคของข้างหลังภาพเลยนะ
ความสุขของกะทิ : งามพรรณ เวชชาชีวะ
ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของน้องกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง กะทิเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น
: เรื่องราว Feel Good ให้ความรู้สึกอบอุ่น ความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว มินิมอร์ชอบการคงโทนเรื่องให้อยู่ในลักษณะเดียวกันทั้งเรื่อง แต่ก็มีมิติที่จะทำให้เห็นว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ตัวละครจะต้องตัดสินใจที่จะเดินต่อไปหรือหยุด ไม่ว่าจะตัวละครที่เป็นเด็ก หรือตัวละครผู้ใหญ่ การเดินเรื่องมีจังหวะที่จะผ่อนช้าผ่อนเร็ว อ่านเพลินๆ ไป แป๊บเดียวก็จบซะแล้ว แต่หลังจากจบแล้วยังให้ความรู้สึกเหมือนเรายังหลงอยู่ในโลกของกะทิอยู่เลยล่ะ
: ภาพของหนังดีงามมากกกกกกก สีสวย แสงสวย บรรยากาศทุกอย่างคือลงตัว และตัวน้องนักแสดงก็น่ารักมากๆ ทุกคนดูเหมือนอินกับบท สวมตัวละครได้อย่างลงตัว บางซีนก็รวบรัดตัดตอนได้อย่างไม่ติดขัดเพื่อป้องกันการยืดเยื้อ บางซีนก็ขยายความให้เข้าใจง่าย มีทั้งอารมณ์สนุกสนาน และซึ้งจับใจ ไม่พูดมากแล้วไปดูเหอะ เชื่อมินิมอร์
ต้นส้มแสนรัก : โจเซ่ วาสคอนเซลอส
เรื่องราวของเด็กชายชื่อ เซเซ่ ที่ครอบครัวมีชีวิตอยู่อย่างยากไร้ แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย หรือยากแค้นเพียงใด เซเซ่ก็ยังคงมองโลกด้วยสายตาไร้เดียงสาและมีความสุขอยู่กับเพื่อนต้นส้มพูดได้ของเขา จวบจนวันที่ต้นส้มจากไป สีสันในโลกของเซเซ่ก็หายไปด้วย
: มินิมอร์มองว่านี่เป็นตลกร้ายที่ผู้เขียนส่งมาถึงผู้อ่าน การดำเนินเรื่องราวที่ดูเหมือนจะสวยงามแล้วมาทำให้น้ำตาตก เหมือนยื่นลูกโป่งให้แล้วเอาเข็มจิ้มมันแตก เนื้่อเรื่องที่ชวนให้รู้สึกคล้อยตาม แล้วรู้สึกว่า โลกของเด็กนี่มันดีจังน้า จนวันที่ผู้เขียนอยากให้เรารู้ว่า มันไม่ได้มีีเด็กตลอดไปหรอกนะ โป๊ะ! ตื่นมาเจอโลกของความจริงได้แล้ว ชื่นชมการส่งอารมณ์ของเนื้อเรื่องและการเขียนที่ทำให้อารมณ์ในเรื่องปรับเปลี่ยนแต่ลงตัวนะ บีบคั้นหัวใจดวงน้อยๆ ของมินิมอร์ได้เจ็บปวดจริงๆ
: เป้นหนังที่ทำให้น้ำตาตก รู้สึกอิน และไม่รู้จะออกจากห้วงอารมณ์ยังไง มินิมอร์ชอบที่หนังพาเราไปตามหนังสือ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ปรับหลายจุดที่อาจจะเข้าใจยากให้เข้าตัวละครทั้งในเรื่องของความคิดอ่านและอารมณ์ได้ง่ายขึ้น ดูเถอะ แล้วเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับน้ำตาด้วยนะ กระซิก กระซิก
ไม่ว่าจะเป็นหนัง หรือหนังสือ ถึงจะมีแก่นเรื่องเดียวกัน แต่มีวิธีการนำเสนอต่างกัน เพราะไม่ว่าจะภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาเสียง ภาษาภาพ ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถ้านำมาจัดรวมให้กลมกล่อม ก็จะทำให้เรื่องราวที่เรานำเสนอมีความน่าสนใจและพาไปถึงในจุดที่เราคาดหวังไว้ได้เลยล่ะ ใครเคยอ่านหรือเคยดูเรื่องไหน หรือมีหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มไหนที่ชอบอีก เขียนมาเล่าให้ฟังบ้างสิ มินิมอร์อยากอ่าน หรือจะเขียนแนะนำหนังสือก็ได้นะ เดี๋ยวมินิมอร์จะขอตามรอยไปอ่านด้วยคนจ้า :>
ปิดท้ายที่หนังสืออีกเล่มในดวงใจของมินิมอร์ ยังไม่ได้ทำเป็นละครหรือภาพยนตร์ใดๆ เลยนะ แต่มินิมอร์ชอบการเล่าเรื่อง และการนำเสนอที่คิดว่าในยุคนั้น ยังไม่มีใครทำ มันแปลกใหม่มากเลยล่ะ
นิกกับพิม : ว.ณ ประมวญมารค
เรื่องราวความสดใสน่ารักของหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาว เเละหมา 2 ตัว ที่อยู่ไกลกันคนละขอบฟ้า
: อาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อกันมากกนัก แต่เรื่องนี้ดีเด่นในแง่ของการนำเสนอเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวในมุมของน้องหมา ! ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก มุมมองของน้องหมา มันเก๋มากจริงๆ ที่เขียนจดหมายจีบกันโดยใช้น้องหมาที่ตัวเองเลี้ยงเป็นสื่อ ทำเป็นเหมือนกับว่า น้องหมาเขียนจดหมายคุยกันในแต่ละวันเจ้านายทำอะไรบ้าง ฉันทำอะไรบ้าง โอ้ยน่ารัก >< มินิมอร์ว่า ในยุคนั้น การนำเสนอแบบนี้เรียกได้ว่างานดีมากเชียวล่ะ เพราะส่วนใหญ่ เวลาเป็นนิยายรัก มักจะเป็นการสื่อสารผ่านตัวละครที่เป็นคนมากกว่า แต่พอเปลี่ยนตัวเอกที่ดำเนินเรื่องเป็นเจ้าโฮ่งทั้งสองตัวแบบนี้ แล้วยังสำนวนการเขียนที่ทำให้เราเกือบลืมไปเลยว่า เดี๋ยว หมาเขียนหนังสือไม่ได้นี่นา
เขียนโดย Minimore Trainnee : Little Swan
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in