คำนำนักเขียน
อาจจะเป็นเทรนด์ของคนเจเนเรชั่นนี้ที่ต้องเรียนให้สูงไว้ก่อน ไม่รู้จะเรียนอะไร แต่ก็ต้องเรียนเพื่อให้มีปริญญาสักใบติดตัว เป็นความคิดที่ทำให้เราข้องใจในความจำเป็นของการศึกษา ว่าจะเรียนไปทำไมถ้าเราไม่ได้มีอะไรที่เราอยากเรียน
ผ่านไปเกือบ 27 ปีของชีวิต เพิ่งมาเข้าใจ
เพราะอยู่ดีๆ เราก็ตกงานกะทันหัน เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มุมมองโลกสวยที่เคยมีมาตลอดชีวิตถูกท้าทาย ไม่มีอะไรมั่นคง โดยเฉพาะสถานะพนักงานอย่างเรา
แต่เหตุการณ์สึนามิซัดโครมก็กลายเป็นที่มาของการเขียนหนังสือเล่มแรก The Lucky Layoff โชคดี ที่ตกงาน เมื่อสามปีก่อน (2015) หลังจากที่เราเริ่มรู้สึกได้ถึงความโชคดี และได้บทเรียนดีๆ ที่ตามมาหลังจากการตกงานคราวนั้นและหนึ่งในบทเรียนสำคัญก็คือ พลังของการมีวิชาความรู้ติดตัว
แม้ในวันที่สถานะและนิยามของเราจะถูกยึดคืนไปหมด แต่ความรู้ความสามารถที่อยู่กับตัว กลับเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เราพ้นจากสถานะของคนตกงานได้… อย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเข้าใจเลยว่า ไม่ว่ายังไง ชีวิตก็จำเป็นต้องมีอาวุธที่มั่นคงอย่างวิชาความรู้ติดตัวไว้ เผื่อต้องกลายเป็นคนตกงานอีกครั้ง (แต่อย่ามีอีกเลยนะ, เข็ดแล้ว) เพราะความมีปมเลยอยากได้อาวุธที่ดี ที่สุด ถึงกับฝันสูงอยากเข้าหลักสูตรปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยท็อปเท็นของโลก
ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า ในมหาวิทยาลัยท็อปเท็นเป็นยังไง แต่เห็นคนที่จบมาเขาก็ดูมีสง่าราศีมากขึ้น และคงจะมีความมั่นคงทางหน้าที่การงานมากขึ้นไปด้วย
เราเองก็อยากจะเป็นแบบนั้น...
สุดท้าย ความพยายามของเราก็เป็นผล
MBA: Master of Barely Anything เป็นการเขียน เพื่อรวบรวม เรื่องราวของเราที่ฝันและคลั่งไคล้ อยากเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับท็อปของโลกให้ได้ ต้องฝ่าด่านทรหด กว่าจะได้มาซึ่งสิ่งที่ฝัน จะเกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนคนนี้บ้างใน
ช่วงสองปีนั้น
เราไม่อยากสปอยล์...ลองเปิดอ่านข้างในดูก็แล้วกัน
กระเป๋า
เขียนที่ชิคาโกและซานดิเอโก
มีนาคม 2018
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in