Aoi x Ryusaki
nc17 , incest
แว่บแรกที่สัมผัสถึงดวงตาเย็นชาซึ่งเก็บซ่อนความรวดร้าวไว้จ้องมองมา สายลมแห่งความหวาดหวั่นก็พัดเข้ามาแทนลมหายใจที่สะดุดหาย ร่างในชุดขาวที่กำลังย่างก้าวเข้ามานั้นพัดพาเอาบรรยากาศที่น่าลุ่มหลงชวนจับจ้องเข้ามาด้วย เขาดูต่างไปกับมนุษย์คนอื่นๆ อาจเป็นความเย่อหยิ่งแสนงดงามผิดสถานที่ก็เป็นได้
ดวงตาเผลอมองภาพ หูตั้งใจฟังน้ำเสียง คำพูดของคนผู้นั้นเปลี่ยนเป็นสั่นเครือยามตัดพ้อและดูแคลนความเป็นธรรมของโลก พื้นราบที่ตนยืนอยู่ค่อยๆกลายเป็นทางที่บิดเบี้ยว ความกลัวและการระแวงภัยตามสัญชาตญาณพลันหายไป รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองควรทำที่สุดในโลก ณ ขณะนี้คือการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่บอบช้ำและกำลังจะจมอยู่ใต้กระแสของชะตากรรมเดียวกัน
ใช่ว่าคำหวานที่เชิญชวน หรือคำกล่าวยั่วยวนเท่านั้นจึงเป็นคำโกหก...คำตัดพ้อก็ใช้ได้เช่นกัน...
เมื่อสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาจากกรงขังไม่ใช่นกผู้น่าสงสารแต่กลับเป็นเสือร้าย โลกที่ปลอดภัยไม่มีอีกแล้ว ทันทีที่กระจกใสซึ่งกั้นกลางระหว่างเราสองคนหายไป
แต่สิ่งที่พาให้ไล่ตามไม่ใช่ความโมโหที่ถูกปั่นหัว แต่เพื่อหยุดความร้ายกาจดั่งอาวุธที่แหลมคม ซึ่งพร้อมจะพุ่งเข้าทำร้ายทุกคนไม่เว้นกระทั่งตัวของผู้ใช้เอง ยิ่งไล่ตามคนผู้นั้นก็ยิ่งทำให้รู้ตัว ว่าตัวเขาเองก็ถูกขังอยู่เช่นเดียวกัน...และอีกฝ่ายก็กำลังกระชากกรงที่กักขังเขาไว้ออกมา
...ความสำนึกผิดอันแสนหนักหน่วงนั้น...
...แต่ร่างที่จากไปและจมหายไปในห้วงน้ำ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าได้ทิ้งพันธนาการหนึ่งไว้ในใจเขาจนถึงบัดนี้....
.....................................
"อาจารย์ครับ กลับก่อนนะ"
"ครับ กลับบ้านดีๆนะ"
อาจารย์หนุ่มรูปร่างผอมในชุดสูทสีสุภาพ กล่าวรับพร้อมโบกมือทักทายเหล่าเด็กวัยรุ่นๆ ที่วิ่งแซงขึ้นมาคนแล้วคนเล่าเพื่อแย่งกันออกจากประตูรั้วโรงเรียน รอยยิ้มที่ส่งให้แลดูโรยแรง ดวงตาที่ดูโศกเศร้าอยู่เสมอเหลือบมองท้องฟ้ายามเย็นของฤดูใบไม้ร่วง ที่กำลังเปลี่ยนทัศนียภาพเบื้องหน้าให้เป็นสีทอง
เสียงของลมยามพัดใบไม้แห้งกรอบให้เคลื่อนไปตามพื้นคอนกรีต ฟังแล้วชวนเจ็บช้ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ บางทีคงเป็นเพราะกลัวตัวเองว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย เหมือนใบไม้ที่รอวันปลิดปลิวไปตามกาลเวลา
คิดถึงช่วงที่ได้พบกับคนๆนั้น อยากประคองร่างที่อ่อนไหว อยากโอบกอด...
เมื่อวาน นักสืบฮาเซเบะอุตส่าห์แวะมาที่โรงเรียนเพื่อยื่นบัตรเชิญงานแต่งงานครั้งใหม่ด้วยตัวเอง ซองกระดาษส่งกลิ่นหอมจรุงพาให้สดชื่น แม้ว่าจะดูรวดเร็วจนอยากจะลองแกล้งแซวสักหน่อย แต่พอเห็นรอยยิ้มกว้างสดใส ก็อดที่จะยิ้มและยินดีตามไม่ได้
"อ้อ ถ้าเจอหมอนั่นล่ะก็ ช่วยลากมางานฉันด้วยล่ะ"
"ฮะฮะ เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ได้เจอมาตั้งปีแล้ว จะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ ในเมื่อไม่พบศพนี่นะ"
อาโออิตอบเจือหัวเราะพร้อมกับเก็บการ์ดสีสวยใส่ในกระเป๋าสะพายข้าง พอละสายตามาจากข้าวของ ก็เห็นใบหน้าแสดงความสงสัยเจือประหลาดใจของหญิงสาวรออยู่
"มีอะไรเหรอครับ ?"
"เมื่อเดือนก่อนตอนฉันไปมิโอะจังกลับจากโรงเรียน เราสองคนเห็นหลังหมอนั่นไวๆกำลังมุ่งหน้าไปทางอพาร์ทเมนต์ของเธอเลยนึกว่าเขาไปเจอเธอ อ๊ะ! แต่ฉันอาจจะมองผิดก็ได้นะ"
มองผิด ? เป็นคำที่ฟังแล้วค่อนข้างประหลาดหูเมื่อออกจากปากตำรวจช่างสังเกตตรงหน้า เธอเห็นดวงตาเหลือเชื่อของชายหนุ่ม จึงทำทีมองนาฬิกาครู่หนึ่งก่อนจะบอกลาไปรับลูกสาวคนเดียวที่เรียนอยู่ในโรงเรียนประถมละแวกเดียวกัน
ทั้งที่พยายามไม่คิดถึงแทบตาย หลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหมอนั่นจะต้องมีชีวิตที่เปี่ยมสุขที่ไหนสักแห่งบนโลก ไม่ตาย...หายไปจากชีวิตเขาได้แต่ต้องไม่ตาย พอมีเรื่องของริวซากิมาสะกิด ทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่จากไปก็กลับหวนคืนขึ้นมาในหัวใจอย่างง่ายดาย ความหวาน ความเศร้า จำได้กระทั่งสัมผัสของมือที่ค่อยๆ ผละออก สายตาที่เย็นชา และเสียงทักห้วนๆที่ฟังแล้วขัดหู
"โย่ อาโออิเซนเซย์"
...ประมาณนี้...
...หา?!...
"ไม่มีสติแบบนี้ จะรับมือเด็กเฮี้ยวได้ยังไงอาจารย์"
คนกล่าวทอดแว่นกันแดดสีดำออก เสียงทักของริวซากิขุ่นขึ้นบ่งถึงอารมณ์ที่ไม่พอใจ
เหตุการณ์มันค่อนข้างฉับพลันไปไหมเล่า จู่ๆก็เข้ามาหาคนที่กำลังเหม่อลอยคิดถึงอยู่ตอนไขกุญแจห้อง อาโออิมองตามชายอีกคนเดินลากเท้าเข้ามาหยิบกุญแจที่เผลอทำหล่นพื้นเมื่อครู่ มาไขอพาร์ทเมนท์ให้แทน ริวซากิหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินลิ่วเข้าไปห้องด้านในอย่างชินทาง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"เดี๋ยวริวซากิตื่นขึ้นมาคุยกันก่อน !"
อาโออิรีบถอดรองเท้าเดินตามเข้ามา เตรียมตัวปลุกพี่ชายตนเต็มที่ ว่ามันเรื่องอะไรถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงบุกเข้ามานอนอย่างไม่สนใจใคร ไม่อาบน้ำยังไม่ว่าแถมไม่ยอมถอดรองเท้าอีกต่างหาก แต่เสียงร้องเล็กๆคล้ายเสียงสัตว์จากในกระเป๋าเดินทางดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน คนในชุดดำเปิดตาพรึ่บเด้งตัวขึ้นเอื้อมมือเปิดกระเป๋า แล้วหยิบลูกสุนัขที่ยัดรวมไว้กับเสื้อผ้าใช้แล้วโยนให้อีกฝ่าย
"ฝากให้อาหารมันที"
ว่าจบก็ปิดสวิตช์หลับปุ้ปราวกับไม่ได้นอนมาสักอาทิตย์ จะถูกปลุกท่าไหนยังไงก็ไม่สนจนต้องนั่งแปะแบะขาที่พื้น ยกธงขาวยอมแพ้ อาจารย์หนุ่มมองลูกหมาในมือที่ส่งตาละห้อยมองมาแล้วได้แต่ถอนหายใจยาว แบบนี้คงต้องรออีกฝ่ายตื่นอย่างเดียว
ก็คิดเช่นนั้น แต่ว่าพอตื่นเช้าขึ้นมาอีกที หมอนั่นก็ไม่อยู่แล้ว
............................................
"อาจารย์อาโออิคะ เมื่อครู่ฟังอยู่หรือเปล่าคะ ?"
อาจารย์สาวที่นั่งอยู่โต๊ะติดกันก้มตัวยื่นหน้ามาหาคนที่กำลังเท้าคางเหม่อลอยคิดเรื่องเมื่อวานอยู่จนเส้นผมเส้นเล็กของเธอเรี่ยลงมายังโต๊ะของคู่สนทนา ดวงตากลมสวยที่จู่ๆ ก็มากระพริบส่งประกายใกล้ ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งรีบผละถอยหลัง ก่อนจะรีบตอบตะกุกตะกักด้วยความเขิน
"เอ่อ..ม...มาตรการเรื่องเด็กทำงานพิเศษเกินเวลาสามทุ่มที่ประชุมครูเมื่อครู่ใช่ไหมครับอาจารย์ฮาชิโมโตะ ?"
"แหม ไม่ได้ฟังอยู่จริงๆ ด้วยสินะคะ"
เธอพูดพลางปิดปากหัวเราะขำ กริยาดูน่ารักชวนมอง มือที่บอบบางจึงหยิบกระดาษเล็กๆ สองแผ่นออกมาจากกระเป๋าสตางค์สีขาวสะอาดตา
"คือฉันบังเอิญได้บัตรละครเวทีที่อาจารย์เคยบอกว่าอยากดูน่ะค่ะ"
"เอ๋~จริงเหรอครับ วันไหนเหรอครับ ?"
"วันเสาร์นี้ค่ะ"
รอยยิ้มของอาโออิชะงักไป เขาอยากจะไปดูละครเวทีกับอาจารย์คนสวยก็จริง แต่พอคิดว่าริวซากิจะกลับมาไม่พบก็รู้สึกหวั่นใจไม่ได้ เพราะอย่างนี้เขาก็เลยต้องกล่าวขอโทษและปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย
แต่มันก็ไม่เป็นตามที่กังวล วันเสาร์ทั้งวัน ริวซากิไม่ได้กลับมา ปล่อยให้เจ้าหมาตัวเล็กที่รับฝากไว้ครางหงิงรอเจ้านายมัน
..........................................
หายหัวไปไหนของเขากันนะ ?
“ไงเซนเซย์ ทำหน้าบึ้งจัง”
อาโออิชะงักเมื่อได้ยินเสียงชายที่กำลังยืนพิงพนังตรงข้ามประตูอยู่ขณะที่เขากำลังไขกุญแจเช่นเคย จากนั้นก็แทรกตัวเข้าห้องไปก่อนที่เจ้าของจะเข้าไป
“กลับมาแล้ว”
พี่ชายพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่โซฟาตามเดิมเตรียมตัวนอน แต่คราวนี้อาจารย์หนุ่มไม่ยอมง่ายๆ รีบตรงเข้าไปกระชากพี่ชายขึ้นมาก่อนที่จะหลับ จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ดุดัน
“นายหายไปไหนมา ?”
“โฮ่ย กินอะไรผิดมาหรือเปล่าเนี่ยวันนี้ถึงดุจัง ? ฉันง่วงนะ...ขอนอนก่อนตื่นมาค่อยพูดไม่ได้เหรอ ?”
แล้วริวซากิก็ได้รับการเขย่าตัวปลุกเป็นคำตอบ ก่อนจะโดนปล่อยร่วง ทิ้งตัวลงบนโซฟากลางอากาศ
“ฉันไม่ยอมให้นายได้นอนหรอก”
ผู้ถูกรบกวนการหลับอ้าปากเตรียมต่อว่า แต่คำขู่ของอีกฝ่ายทำให้ต้องกุมท้องหัวร่อก๊าก จนผู้ที่เอ่ยปากพูดไปได้รับรู้ ว่าสิ่งที่กล่าวออกจะดูสองแง่สองง่ามไปนิด กระนั้นแล้วด้วยนิสัยที่ดื้อดึงไม่ยอมแพ้โดยเฉพาะกับพี่ชายตัวดีนี่ด้วยแล้ว...อาโออิเคลื่อนกายมายันตัวคร่อมร่างฝ่ายนั้นไว้ ทำให้ริวซากิหยุดหัวเราะแล้วค่อยๆ เลื่อนตาขึ้นมา เพื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้ที่อยู่เหนือร่าง แววตาที่หยิ่งผยองนั่นดูผลักไส แต่เมื่อเลื่อนมือไปไล้ผิวกายใต้ร่มผ้า ริวซากิก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
หรือฝ่ายนั้นจะรู้...ว่าหากครั้งนี้อาโออิไม่ได้สัมผัสเรือนร่างที่เนียนลื่นนี้ให้ถ้วนทั่วสมใจอยาก คงได้เห็นคนคลั่งจนอยากเอามือบีบคอตัวเองตายโชว์แน่ๆ
มันคงเป็นเรื่องที่ผิดบาป ... ก็คงผิดนั่นแหละ นอกจากความเป็นพี่น้องแล้ว เราสองคนไม่เคยบอกรัก ไม่เคยกระทั่งเดินจับมือดีๆ ไม่เคยจูบกันมาก่อน แต่อาโออิไม่คิดสนใจพิธีการพวกนั้น...มันช้าเกินไป
"เซนเซย์ เบาหน่อย นายกำลังทำฉัน...เจ็บ"
เสียงแหบพร่าที่เจือลมหายใจร้อนกำลังกระซิบครวญอย่างสุขสมเจือทรมานข้างหูทำเอาอกคนฟังสั่นสะท้าน สิ่งที่เกิดขึ้นตามหลังการขอร้องอันเย้ายวนนั้นเป็นไปในทางตรงข้าม ความปรารถนายิ่งโหมกระพือ ทำเพียงตรึงเอวคนใต้ร่างที่ให้อยู่กับที่เพื่อรองรับการถาโถมของแรงอารมณ์
"อ...ถ้าเรียกเรียวสุเกะ...อาจจะยอมเบาลงก็ได้"
"...ได้ใจชะมัด"
คนหัวดื้อแสนฉลาดที่ไม่เคยอยู้ใต้คำบงการใครตอนนี้กำลังถูกเขาครอบครอง ใบหน้า เส้นผม สะโพก เรียวขา...จะจับต้องตรงไหนก็ได้ เท่าไหร่ก็ได้ ท่าไหนก็ได้
"นายนี่ปีศาจชัดๆ จะฆ่าฉันให้ตายเรอะ..."
"ตรงกันข้ามเลยนะ ... นายกำลังทำฉันขึ้นสวรรค์"
ผู้ถูกกระทำดูโมโหหน่อยๆ เริ่มไม่ตอบโต้กับเกมการเล่นลิ้นแบบนี้แล้ว อาจเพราะว่าเหนื่อยจากการถูกรุกรานจนไร้เรียวแรง จึงได้แต่ปล่อยกายให้ขับเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณ อาโออิเริ่มรู้สึกผิดเมื่อเห็นใบหน้างามนั้นมุ่นคิ้ว เขาค่อยๆประคองใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วจูบช้าที่ริมฝีปากได้รูปอย่างออดอ้อน
"ฉันแค่อยากทำกับคนที่รัก"
ริวซากิเม้มปากมองคนสำนึกผิดก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือมาจับคางอาโออิและบีบมันไว้ ขยับริมฝีปากจูบตอบ รอยจูบค่อยๆลึกซึ้งขึ้นอย่างช้าๆ โพรงปากที่อบอุ่นและเรียวลิ้นหอมหวานเติมความสุขสมจนสติพร่าเลือน
"ทำตามใจที่ตัวเองอยากเหอะ"
คนอายุมากกว่าคลี่ยิ้มที่แสนดึงดูดใจให้ เพียงแค่นี้ไอ้สิ่งที่ค้างอยู่ในร่างกายอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเหยียดเกร็งขึ้นได้อีก ใบหน้าของริวซากิแดงเรื่อขึ้นมาด้วยความตกใจ และเริ่มบิดเบี้ยวเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าคิดผิด คำพูดอนุญาตเมื่อครู่อาจจัดอยู่ในหมวดของการสั่งเสียได้
...................................................
วันนี้เป็นวันแต่งงานของฮาซาเบะซัง จึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่อไม่ให้ลืมนัด แต่เมื่อคืนรู้สึกเหนื่อย รู้ตัวตื่นขึ้นอีกทีก็เที่ยงแล้ว มองดูรอบห้องก็พบว่าริวซากิหายไปอีกครั้ง ไปพร้อมกับเจ้าลูกหมาที่กัดขาเขาไม่ปล่อยทั้งคืนด้วย คงคิดว่ากำลังไปทำร้ายเจ้านายมันเข้าล่ะมั้งจึงกัดเสียจมเขี้ยวแบบนี้
อาโออิลากสังขารตัวเองลุกจากโซฟาอย่างไร้อารมณ์ ได้แต่คิดว่าถ้ามีรอบหน้าเขาจะหากุญแจมือมาล็อกอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หนีไปไหน ความหดหู่คู่หนีเช่นนี้พาให้ไม่อยากไปพบหน้าคนที่กำลังมีความสุขเลย
มือหนาหยิบจดหมายเชิญงานแต่งงานแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจดหมายเชิญของพี่ชายที่ได้รับมาพร้อมกันหายไป และมองดูดีๆ กระเป๋าข้าวของของริวซากิก็ยังอยู่ครบ
"โถ่เอ้ย ไปด้วยกันก็ได้นี่นา"
อาจารย์หนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข ชาตินี้คงได้ฤกษ์เลิกไล่ตามคนๆนั้นเสียที
.............................................
epilogue
"ริวซากิมาถ่ายรูปกันหน่อยสิ"
"ถ้าฉันลุกไปถ่ายกับเธอ ฉันจะได้อะไรล่ะ"
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อบอกปัดเจ้าของงานอย่างไม่ไว้หน้าเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องลุกเดินไปไหนมาไหน วันนี้ริวซากิหงุดหงิดเป็นพิเศษ ถึงอย่างนั้นก็ดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด อาโออิรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยไม่ให้ทั้งสองต่อปากต่อคำกัน
"วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย หยวนๆหน่อยแล้วกันนะครับ อีกอย่างวันนี้วันมงคลด้วย"
"คุณน้าพ่อมดไม่มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยเหรอคะ"
เด็กน้อยมิโอะเข้ามาถามพลางจับมืออ้อนคนเย็นชาให้ใจละลาย ถึงจะแข็งกระด้างยังไงก็แพ้เด็กวันยังค่ำ ได้แต่ร้องอื้อในคอแล้วลุกเดินตามไปอย่างโรยๆ ให้ผู้หมวดสาวตาแหลมเหล่มองคนข้างกายที่ยืนเหงื่อตกหลบสายตาอยู่ พอเห็นท่าทีอย่างนั้นเจ้าสาวก็หลุดหัวเราะขึ้นมา
"ดีจังนะ ที่มีคนมอบความรักให้เขาแล้ว...ริวซากิน่ะ"
ครู่หนึ่งที่แววตาของฮาเซเบะลอยเลื่อนไปยังภาพอดีต เธอจึงยิ้มกล่าวอย่างยินดีและโล่งใจที่ความทุกข์และว้าเหว่ของคนๆหนึ่งกำลังจะหายไป อาโออิฟังแล้วเขินอายถึงอย่างนั้นก็แย้มยิ้มจนหน้าบาน
"แม่คะ คุณน้าเรียวสุเกะคะ"
เสียงแจ๋วของมิโอะเรียกคนสองคนที่ยังยืนคุยกันอยู่ให้มาเข้าฟิลด์ถ่ายรูป ทั้งสองคนจึงออกเสียงตอบรับและเข้ามาหา อาจารย์หนุ่มเข้าไปยืนอยู่ข้างพี่ชายก่อนจะเข้าประคองกุมมืออีกฝ่ายไว้ ริวซากิเหลือบมองเจ้าของมืออีกข้าง เลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆจับมันตอบ ความอบอุ่นที่ซึมผ่านมาทางผิวหนังทำให้ผุดยิ้มชื่นตาขึ้นมา
...ภาพนั้นไม่นานก็ถูกส่งไปที่อพาร์ตเม้นท์ของอาโออิ ทุกคนในภาพต่างยิ้มแย้มแจ่มใสมองกล้อง ยกเว้นอาจารย์ที่เอาแต่หันมองคนข้างกาย...
...........................................................
end
PS. Orthros no inu เป็นซีรี่ย์ดราม่าญี่ปุ่น 9 ตอนจบ สามารถดูบรรยายไทยได้จาก
นี่ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in