พอถึงทางเข้างานก็ยื่นบัตรให้staff ฉีกบัตรแล้วยื่นหางตั๋วให้เรา (ส่วนใหญ่ต่างประเทศจะเป็นตั๋วกระดาษกันค่ะ ไม่เหมือนบ้านเราที่ยังใช้บัตรแข็งอยู่) แค่นี้เลย เข้าไปข้างในได้ ไม่คุ้นชินเลยค่ะบอกตรงๆ เพราะคอนเสิร์ตเกาหลีที่ไทยตรวจร่างกายก่อนเข้าคอนหนักมาก ล้วง ควัก ทุกสิ่ง น้ำ ลูกอม ทุกอย่างที่เป็นอาหารไม่ให้เอาเข้า ตัดภาพมาที่นี่ ถือพิซซ่ากันเป็นกล่องเลย อย่างกับมาปิกนิก ข้างหน้าเรามากันทั้งครอบครัว กับชุดเบอร์เกอร์ชุดใหญ่ กินเสร็จแล้วตามด้วยแตงโม ชิลกันมากจริงๆ เห็นแล้วตกใจ5555

ที่นั่งของเราเป็นชั้น3 แทบจะสุดแถวที่นั่งเลย เลยมองเห็นภาพรวมของสถานที่จัดได้อย่างชัดเจน วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตำแหน่งที่เรานั่งจะมีหลังคาบัง แต่ข้างล่างจะอยู่ตรงลานกลางแจ้งเลย แต่ทุกคนก็เตรียมพร้อมกันมาอย่างดี พอคอนเสิร์ตเริ่ม ก็ใส่เสื้อกันฝนเตรียมพร้อมกันอย่างดี

ครั้งนี้เรานั่งอยู่ท่ามกลางแฟนคลับวงexo (เพราะซื้อบัตรต่อมาจากแฟนคลับวงนี้) เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเอ็กโซแอล โอโห ประทับใจมาก สัมผัสได้ถึงพลังอันล้นเหลือ ทุกคนอิน และสนุกกับเพลง เราแค่เคยได้ยินว่าแฟนคลับเกาหลีของวงนี้พลังงานสูง พอมาเจอกับตัวเองแล้วรู้เลยค่ะ มันเป็นพลังงานที่ตัวเราเองไม่เคยเจอเหมือนกัน เราเคยดูคอนเสิร์ตที่ไทยก็หลายวง ทั้งเดี่ยว ทั้งคอนรวม หาแบบนี้ที่ไทยไม่ได้ คือบรรยายไม่ถูก แต่มีพวกเขาคือทำให้ไฟเราติด ดูคอนเสิร์ตสนุกตลอดทั้งงานกว่า4ชั่วโมง

สิ่งที่ทำให้เราสนุกและตื่นตาอีกอย่างกับคอนเสิร์ตนี้ก็คือระบบ แสง สี เสียง ทำออกมาได้น่าประทับใจ แม้งานจะจัดในที่โล่ง แต่ก็สามารถควบคุมระบบเสียงได้เป็นอย่างดี เสียงคม ฟังชัด เสียงกรี๊ดของแฟนคลับไม่ได้กลบเสียงของศิลปินที่อยู่บนเวที 

กราฟฟิกที่ฉายในจอ และแสงที่สาดออกมาจากเวที ก็ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี เป็นหนึ่งเดียวกับจังหวะของเพลง ช่วยส่งเสริมให้แต่ละโชว์ของศิลปินมีพลังมากขึ้น

ขอพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตของคนที่นี่สักนิด ระหว่างชมคอนเสิร์ตเขาแทบจะไม่คุยกันเลย สายตาต่างมุ่งไปที่หน้าเวที แล้วก็ยกมือถือกันมาถ่ายน้อยมาก แค่ยกมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกนิดหน่อย จากนั้นก็ดูคอนเสิร์ตต่อ มีบ้างที่ยกขึ้นมาถ่ายคลิปเก็บไว้ แต่เป็นส่วนน้อยมากๆเมื่อเทียบกับบ้านเรา แล้วบัตรข้างล่างที่ติดกับเวทีซึ่งปกติจะเป็นบัตรยืน แต่ครั้งนี้จัดไว้ให้เป็นบัตรนั่ง เคยดูคอนเสิร์ตที่จัดที่นั่งแบบนี้ในบ้านเรา ถ้าคนข้างหน้ายืน คนข้างหลังจะมองไม่เห็น แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นยืนกันหมด แต่ที่นี่ไม่ค่ะ ทุกคนนั่งในที่ของตัวเอง มีบ้างที่ยืนหรือวิ่งไปหน้าเวทีเวลาศิลปินเดินมา แต่สักพักก็กลับมานั่งที่ตัวเองอย่างเป็นระเบียบ การที่เราทำตามกฎและไม่เบียดเบียนคนอื่น ก็เป็นส่วนที่ทำให้ภาพรวมของคอนเสิร์ตสนุกขึ้นเยอะ 

ส่วนตัวเราเองคุ้นชินกับศิลปินSM แต่ช่วงหลังๆมาก็ไม่ได้ตามอย่างใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่มาดูคอนเสิร์ตก็หวังแค่ว่ามาฟังเพลงของศิลปินที่เราคุ้นเคย อย่างน้อยก็รู้จักเกือบทั้งค่ายแหละวะ เอาเข้าจริงๆเราก็มีน้ำตาซึมช่วงที่เห็นSuper Junior ขึ้นมาเหมือนกันนะคะ ตามวงนี้มา10ปี ได้เห็นอะไรเกิดขึ้นกับวงเยอะ(เมนเราคือฮันคยอง เรียกได้ว่าเจ็บมาเยอะ เจ็บมานาน) การที่มาคอนเสิร์ตวันนี้แล้วเห็นพวกเขายืนอยู่แค่4คน ก็เป็นเรื่องที่สะเทือนใจไม่น้อย น้ำตาซึมเลย แต่โลกก็ต้องหมุนไป ทุกอย่างต้องเดินไปข้างหน้า ไม่มีอะไรที่ถาวร 

อีกวงที่คาดหวังว่าจะมาดูก็คือFx แต่กลายเป็นลูน่าขึ้นคนเดียว คาดหวังว่าวงจะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทยก็ดูจะริบหรี่มาก แต่ส่วนตัวเราชอบโซโล่เพลงนี้ของลูน่าอยู่แล้ว ชอบอินเนอร์ ท่าเต้น และดนตรีที่อยู่ใน free somebody เห็นลูน่าบนเวทีคนเดียวก็อดชื่นชมไม่ได้ เธอทำได้ดีจริงๆทั้งในฐานะวงและศิลปินเดี่ยว

อีกวงที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Shinee เต็มที่มาก เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูวงนี้เล่นสด เต้นยับเลย ขนาดเรานั่งอยู่แทบจะแถวสุดท้ายพลังของพวกเขายังส่งมาถึง ทั้งเสียงร้อง ทั้งท่าเต้น แรงไม่มีตกเลย สุดยอดมาก เราประทับใจสุดๆเลย

นอกจากประทับใจศิลปินแล้ว ยังประทับใจในแฟนคลับอีกด้วย เปิดแท่งไฟตลอดทั้งคอนเสิร์ตเลย แล้วแท่งไฟก็สว่าง สีสวยด้วย แถมจบคอนเสิร์ตแล้วก็ยังไม่ปิด เดินเป็นแถวกันลงมา น่ารัก

ตอนสุดท้ายของคอนเสิร์ตพอมายืนรวมๆกันบนเวทีแล้ว จำนวนศิลปินเอาจริงๆก็ไม่ได้เยอะมาก แต่เน้นไปด้วยคุณภาพ SM เป็นค่ายที่ปั้นเด็กเก่ง ทั้งร้อง ทั้งเต้น และประสบความสำเร็จกันมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ต้องยอมรับในความสำเร็จนี้ ทั้งในแง่ของเม็ดเงิน และคุณภาพของศิลปิน ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ก็อยากกลับมาดูอีกครั้ง