แต่พอรู้ว่าเป็นละครไต้หวันก็ชักจะหวั่นใจขึ้นมานิดๆ เพราะจากประสบการณ์การเป็นติ่งละครมาตั้งแต่ยุค F4 จีนนั้น ทำให้ได้รู้ว่า ละครไต้หวันมีแนวทางเฉพาะตัวของตัวเองอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมพระนาง ที่สุดแสนจะล้ำสมัยไปโลกหน้า ไหนจะบทละครที่พาออกทะเลจีนใต้ เลยไปถึงดาวอังคารก็มี หรือไม่ก็พระนางเอะอะก็ล้มทับ จูบกัน สลับกันวนไป หาได้สนใจพ่อแม่พี่น้องใดๆ ไม่ แต่ไหนๆ ก็อยากดูแล้ว เอาเหอะ มันจะเป็นยังไงก็ลองดู
แล้วพอเปิดดูตอนแรก เอ พระเอกหน้าคุ้นๆ แหะ อ๋อ...เขาคือ Arron เหยียนหย่าหลุน หนึ่งในสมาชิกวงเฟยหลุนไห่ หรือ Fahrenheit ที่เคยโด่งดังเมื่อครั้งกระโน้นนั่นเอง ถ้าจำไม่ได้ก็นึกถึงอู๋จุน ปิ๊งรักสลับขั้วนั่นแหละ วงเดียวกัน แต่ก่อนเห็นหน้าเขาก็ไม่ได้อะไรมากมาย รู้สึกแค่ว่า ก็หน้าตาโอเค การแสดงก็เฉยๆ แต่พอมาเรื่องนี้ สงสัยเพราะเสน่ห์วัย 30 แน่นอนที่ทำให้เราหวั่นไหวได้มากขนาดนี้ การแสดงก็ดี๊ดีค่ะคุณ หรือเพราะพระเอกหล่อแล้ว อะไรๆ เลยดีไปหมด 555555555555 ส่วน Joanne นางเอกของเรื่องก็คุ้นหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเธอเล่นเรื่องไหนมาบ้าง การแสดงของเธอในเรื่องนี้ทำให้เราจำชื่อเธอได้ขึ้นใจแล้ว สัญญาว่า ถ้าเห็นเธอในเรื่องอื่นๆ ต่อจากนี้เราจะติดตามนะจ๊ะ
Refresh Man คือเรื่องราวของ จงอวี่ถัง สาวสวยที่ทำงานเป็นเลขนุการมาตลอด 4 ปีกว่าๆ และกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเลขาของ CEO คนใหม่ แต่ทว่า เจ้านายคนใหม่ของเธอนั้นกลับเป็นคู่ปรับสมัยมัธยมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จี้เหวินข่าย เขาก้าวเข้ามาทดสอบความสามารถของอวี่ถังอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้เพราะโชคชะตาเล่นตลกหรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะหญิงสาวไม่สามารถผ่านมาตรฐานอันสูงส่งของเขาได้ เธอจึงถูกผลักตกจากหอคอยงาช้างไปสู่บ่อขยะของบริษัท จากตำแหน่งหัวหน้าเลขาผู้บริหาร กลายเป็นพนักงานขายทีม 3 ทีมที่ทำยอดแย่ที่สุดในบริษัท ทีมที่รู้กันดีว่าใครไปที่นั่น ก็ได้แต่รอวันโดนเด้งออกไปเท่านั้น
ยัยถังคะแนนเต็ม และ ราชาไข่เป็ด เมื่อ 10 ปีที่แล้วในวัยมัธยม เสียหน้า เสียตำแหน่ง แล้วยังต้องมาแค้นใจที่ถูกอริเก่าแก้แค้นแบบนี้ อวี่ถัง ผู้เคยได้รับฉายา “ยัยถังคะแนนเต็ม” เมื่อสมัยเรียนมัธยมจึงยอมไม่ได้ ที่จะให้ “ราชาไข่เป็ด” ผู้ในอดีตสอบได้ที่โหล่ตลอดๆ อย่างจี้เหวินข่ายกลับมาเยาะเย้ยเธอแบบนี้ แม้จะถูกถีบลงมาที่บ่อขยะ เธอก็จะสู้จนกลับไปให้ได้
เรื่องมันก็เริ่มแบบนั้น ตอนแรกๆ พ่อพระเอกก็ยื่นหน้ายื่นตาใส่เขาซะเหลือเกิน ไหนจะปากคอที่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้บริหารละก็ หึหึ เป็นนางเอกนี่อาจมีตบกันแล้วงานนี้ แต่ในความปากร้ายของท่าน CEO นั้น เรากลับเห็นความจริงอยู่ในนั้น อวี่ถังทำงานเป็นเลขามาจนชินและชิว คือเธอก็ทำได้ดีในมาตรฐานเลขาทั่วไป แต่ไม่มีการวางแผนเตรียมรับมือเหตุการณ์สุดขีดใดๆ ที่พระเอกสร้างมาทดสอบเลย ดังนั้นสำหรับเหวินข่ายแล้ว อวี่ถังยังต้องฝึกฝนอยู่อีกมาก ทุกประโยคที่เหวินข่ายต่อว่า ไม่มีข้อไหนที่ไม่ใช่เรื่องจริง อวี่ถังเลยเถียงกลับไม่ได้ แก้ตัวไม่ออก ก็ต้องกัดฟันยอมรับกันไป
แต่อะไรที่ทำให้เหวินข่ายโยนอวี่ถังลงมาที่ทีมขาย 3 ทั้งๆที่ไม่ใช่สายงานของอวี่ถังเลย หญิงสาวทำงานเลขามาตลอด แล้วทำไม่อยู่ดีๆ ก็ได้มาเป็นพนักงานขาย จะว่าเป็นการลงโทษ บีบให้ออกก็ไม่ใช่ เพราะเหวินข่ายก็ลงมาสอนและดูแลอวี่ถังอยู่โดยตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง แม้แรกๆ นางเอกของเราจะงอแงง้องแง้งไปบ้าง แต่โชคดีที่พระเอกของเราประคองเอาไว้ได้ ทำให้อวี่ถังตั้งสติได้ในที่สุด และดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ รวมถึงพยายามกอบกู้ทีมขาย 3 ขึ้นมาใหม่
โอ๊ยยยย เขาวางนางเอกไว้เป็นควีนบนยอดของแผนการของเขาจ้าาาา ไม่รักเลย การทำสงครามจะพึ่งแต่แม่ทัพคนเดียวก็ยากที่จะชนะศึกได้ แม้อวี่ถังจะพยายามมากขนาดไหน ถ้าคนในทีมไม่ร่วมด้วยช่วยกัน งานก็ยากที่จะสำเร็จ เหวินข่ายจึงต้องกระตุ้นด้วยการลงไปบีบด้วยการมอบโปรเจคใหญ่ให้ และถ้าทำไม่สำเร็จภายใน 3 เดือน สัญญาเลิกจ้างจะมาวางตรงหน้าของทุกคนในทีมขาย 3 อย่างแน่นอน อวี่ถังทุ่มเททุกอย่างของตัวเองจนในที่สุด ก็สามารถเอาชนะใจทุกคนในทีมได้ แต่การทำงานที่แท้จริงของทีมขาย 3 เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เพราะสินค้าที่ทีมต้องรับผิดชอบนั้น เป็นสินค้าที่เหมือนจะตายไปแล้วของบริษัท และร้านค้าที่เป็นคู่ค้ากันมาอย่างยาวนานก็ทำท่าจะเอาสินค้าออกจากชั้น ยกเลิกสัญญากันไปซะนี่ อย่าว่าแต่จะขยายตลาดอะไรเลย เอาแค่ไม่โดนยกเลิกสัญญาก็หนักหนาพอแล้ว ทั้งทีมจึงต้องทำงานกันอย่างหนัก ถึงแม้อวี่ถังจะเป็นน้องใหม่ด้านการตลาด แต่ก็ได้ทั้งหัวหน้าทีมและรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์คอยช่วยเหลือ การทำงานจึงค่อยๆ พัฒนาขึ้น
และใครจะเชื่อว่าจากทีมบ่อขยะจะสามารถทำสัญญาครั้งสำคัญให้บริษัทได้ พร้อมกับรีแบนด์สินค้าที่เหมือนตายไปแล้วให้กลับมาฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยนี้ อยู่ดีๆ ก็เกิดวิกฤตของเลียนแบบปล่อยไปในตลาดและการเข้ามาเทคโอเวอร์ของบริษัท ทั้งเหวินข่ายและอวี่ถังจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง ต้องไปลุ้นกันในเรื่อง บอกหมดเดี๋ยวไม่สนุก
สิ่งที่ประทับใจจนต้องเก็บมาเขียนเอาไว้ในบันทึกสำหรับเรื่องนี้มีหลายเรื่องมาก
1.บทละครดีมาก ฟินอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่รู้จะชมคนเขียนบทกับผู้กำกับยังไงดี ให้สาสมกับความดีที่เขาทำละครเรื่องนี้ออกมา ตลอดเวลาที่ดูละครเรื่องนี้ เหมือนไม่ใช่ละคร เหมือนดูคนทำงานกลุ่มหนึ่งอยู่จริงๆ มีเม้าท์มอยนินทา จิกกัดกันข้ามแผนก บทพระเอกก็แยกได้ดีว่า ตอนนี้เป็นประธานทำงานอยู่ บุคลิก การพูดจาก็เป็นทางการ ดูเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำ แต่พอเป็นเวลาส่วนตัวก็ผ่อนคลายลง มีความกวนโอ๊ยที่ลูกน้องในที่ทำงานไม่ได้เห็น ส่วนนางเอก แรกๆ เข้าใจว่ายังแยกไม่ได้ว่าเพื่อนมาเป็นเจ้านายตัวเองแล้ว ก็เลยยังแหวดๆ ใส่เขาอยู่ แต่พอตั้งสติได้แล้ว เวลาอยู่ที่ทำงานก็เป็นทางการมากขึ้น ส่วนเวลาส่วนตัวนางก็ขอด่ากลับบ้างอะไรบ้าง นางเก็บกดจากที่ทำงาน ให้นางระบายบ้าง อันนี้เข้าใจได้
ไม่มีบทสวีทแหววในที่ทำงานเลย อันนี้ดี๊ดี คือถ้ามีมันจะแปลกๆ ไปเลย เพราะจะทำลายภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำและความน่าเชื่อถือของพระเอกในที่ทำงานไปหมด รวมถึงของนางเอกด้วย ต่อให้ทำงานออกมาดีแค่ไหน พวกปากหอยปากปูก็จะพูดเอาได้ว่าก็แหงสิ เพราะเป็นแฟนประธานนี่นา หรือไม่ก็ ประธานต้องเข้าข้างแฟนตัวเองอยู่แล้ว เวลาจะหวานกัน จิกกัด ทะเลาะกัน สองคนก็จะมาปะทะกันในเวลาส่วนตัว ในเวลางานคือเจ้านายลูกน้อง พอเลิกงานก็เป็นเพื่อนกัน สบายๆได้
มีการแยกชัดระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว งานเป็นงาน ทำดีก็ชม ทำไม่ดีก็ว่ากันตรงๆ ในที่ทำงานเลย นางเอกทีแรกก็โกรธแหละ แต่พอมาทำเข้าใจว่า เออ ก็ทำงานออกมาไม่ดีตามที่เขาว่าจริง ก็พยายามปรับตัว ทำงานให้ดีขึ้น พอหลังๆ มาเจอท่านประธานว่าอะไร เธอก็วางฐานะตัวเองเป็นพนักงาน ไม่ใช่แฟนท่านประธาน ทุกคนตั้งใจทำงานจริงจังกันดีมาก แม้แต่เพื่อนนางเอกที่เหมือนจะตลกโปกฮา นางยังมีการมีงานทำเลยจ้าาาาาา บทดีเลิศประเสิรฐศรี จนอยากให้ละครไทยทำตามบ้างอะไรบ้าง
2.วางพล็อตเรื่องได้น่าสนใจและน่าติดตาม
แรกๆ ที่ดูก็คิดว่า เออ เหวินข่ายก็คงอารมณ์กลับมาแก้แค้น เอาคืนอวี่ถังที่เคยแกล้งเขาไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แล้วก็คงหลงรักกันโดยไม่รู้ตัวอะไรทำนองนั้น เหมือนพล็อตที่เราคุ้นเคยกัน แต่ดูๆ ไปไม่ใช่แหะ จากสายตาท่าทางของเหวินข่ายนี่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาแก้แค้นอย่างเดียวแน่ๆ คือการเอาคืนเมื่อ 10 ปีที่แล้วนี่เหมือนอยากย้อนอดีตให้อวี่ถังจำตัวเองได้มากกว่าจะแก้แค้นจริงจัง ไหนจะเรียกอวี่ถังมาสอนงานให้เองโดยตรงอีก แล้วโยนอวี่ถังลงไปในทีมขาย 3 ทั้งๆ ที่เป็นคนละสายงานแสดงว่าเหวินข่ายต้องมีแผนอะไร
เราก็เดาไปอีกว่า งั้นเหวินข่ายก็ต้องการฟื้นฟูทีมขาย 3 ขึ้นมาจริงๆ เพราะบุคลากรในทีมนั้นใช่ว่าจะกากเกลื้อนอะไร เพียงแต่เป็นพวกหมดไฟเท่านั้น เลยหวังจะใช้อวี่ถังลงไปปลุกพลังกันขึ้นมา แต่จะแค่นั้นจริงๆ เหรอ เพราะพอทีมขาย 3 เริ่มมีไฟกลับมาทำงานกันแล้ว เหวินข่ายกลับปล่อยให้ทีมขาย 1 มาท้าตีท้าต่อยพนันยอดขายกัน ทำไมต้องปล่อยให้พนักงานในบริษัททะเลาะกันเองด้วย เราก็ลุ้นไปกับทีมขาย 3 เรื่อยๆ ว่าจะรอดไหมหน้อ จะโดนไล่ออกไหมเนี่ย แต่สุดท้ายที่เฉลยทุกอย่างแล้ว อื้อหืออออ ไม่คิดว่ามันจะกลายมาเป็นแบบนี้ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องปฏิวัติภายในองค์กรอย่างเดียวนี่หว่า เหวินข่ายนี่มันสุดยอดจริงๆ ดูรอบแรกว่าประทับใจแล้ว พอกลับมาดูรอบที่ 2 3 4 แล้วยิ่งปลื้มเข้าไปอีก ทุกการกระทำของพระเอกที่เราเคยเดา เคยคิดว่ามันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้นี่คือผิดหมด เขาวางแผนเอาไว้ทุกอย่างแล้วจริงๆ และเขาก็ทำตามแผนได้อย่างสุดยอดมาก ถึงหลุดไปบ้างแต่ก็ตบกลับมาเข้าทางได้อีกครั้ง ชื่นชมคนเขียนบท เขียนบทได้น่าสนใจมากๆ เดาผิดเดาถูกตั้งแต่ตอนต้นจนถึงตอนจบเลยเนี่ย
3. ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง
ไม่เฉพาะพระเอกนางเอกนะ แต่ทุกตัวละครเลย มันดูเรียล พบเจอได้ในสังคมที่ทำงานอะ ทั้งอดีตเพื่อนร่วมงานที่พอเราตกต่ำก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ทันกันยังไม่พอ นางยังนินทาว่าร้ายเราเข้าให้อีก ทั้งๆที่เมื่อก่อนยังนั่งดริ๊งค์เฮฮากันอยู่เลย หรือเพื่อนร่วมงานในทีมที่ฝ่าฟันอะไรด้วยกันมาจนเหมือนครอบครัว มันก็ไม่ใช่แค่ทำงานด้วยกันแค่วันละแปดชั่วโมงแล้ว ก็มีนัดไปเที่ยวกัน ไปสังสรรค์ ลามไปถึงปัญหาชีวิตส่วนตัวกันบ้าง ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ถ้าใครเจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้ก็ดีใจด้วย ส่วนประเภทแรกนั้นเจอบ่อยจนชิน
ส่วนพระนางของเรานั้น ละครก็ค่อยๆ เล่าว่าเขารู้จักกัน ผูกพันกันมายังไง ชอบตรงที่เขาเชื่อมั่นในกันและกัน และรู้จักกันดีพอนี่แหละ ที่ทำให้ความสัมพันธ์เขาสองคนไม่สั่นคลอนเลย จากเพื่อนสนิทแล้วก็เข้าใจผิดกัน ห่างหายกันไปถึง 10 ปี กลับมาเจอกันใหม่ ก็นึกว่าจะเป็นคู่อริ แต่ก็ไม่ใช่ กลายมาเป็นดูแลกัน ปกป้องกัน มีอะไรก็พูดคุยกันมากขึ้น เชื่อใจกัน ทำให้ความรักที่มีอยู่มันเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรง เหมือนพระเอกกลับมาแรกๆ ก็ไม่กล้าที่จะรัก แต่เพราะใจหนึ่งก็กลัวว่านางเอกในตอนนี้จะไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้สึกดีๆ ด้วยในอดีต แต่พอได้เฝ้าดูนางเอกผ่านปัญหา ผ่านอุปสรรคทุกอย่าง พระเอกก็แน่ใจแล้วว่านางเอกยังเป็นคนเดิม ไอ้ความรู้สึกที่เคยกดไว้ก็เริ่มยั้งตัวเองไม่อยู่แล้ว จนในที่สุดก็ต้องสารภาพกับเขาไป
และเรื่องนี้ไม่มีนางร้าย ตัวอิจฉามากรีดร้องแย่งพระเอกนางเอกให้น่าปวดหูปวดตา ถึงจะมีคนมาชอบ แต่ทั้งสองคนก็ชัดเจนว่าไม่ได้ชอบเขา ก็ปฏิเสธกันไป คนที่โดนปฏิเสธก็โอเค๊ ไม่รักไม่ว่า ฉันแค่อยากสารภาพไง๊ บอกไปแล้วก็สบายใจ กลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม เท่สุดๆ มนุษย์จริงๆ ไม่มีใครเสียการเสียงานเพราะความรักเลย ยกนิ้วให้
4. แฟชั่นไม่หลุดโลก
สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของละครจีนหรือไต้หวันมาโดยตลอดก็คือ เสื้อผ้าหน้าผมพระนางที่มักจะล้ำสมัย ไม่มีใครกล้าตาม แต่เรื่องนี้ขอบคุณสวรรค์ รอดจ้าาาาา พระเอกหล่อเป๊ะ ไม่มีชุดไหนพิสดาร ส่วนนางเอกปลื้มมมากกกกกกก ชุดสาวออฟฟิศของนางเอกสวยดูดีทุกชุดเลย นี่เห็นแล้วอยากซื้อมาใส่ตาม และที่ชอบมากๆ อีกอย่างคือ พอพระนางเขารักกัน คบกันแล้ว แอบมีแฟชั่นชุดคู่นะจ๊ะ สีแอบเมชกันแทบทุกชุด เป็นความร้ายกาจของทีมเสื้อผ้าที่เราขอนับถือ
ฉันเกลียดชุดคู่ในการไปทำงานของสองคนนี้มาก อิจมาก บอกเลย 5. เพลงประกอบละคร
เพลงประกอบละครเป็นส่วนที่ส่งเสริมละครให้มันดียิ่งขึ้นไปอีก เพลงเปิดชื่อเพลง Partners ก็เป็นตัวแทนการทำงานของทีมขาย 3 ในเรื่อง ส่วนเพลง Think Of You First นี่แทนความรู้สึกของจี้เหวินข่ายได้ลึกซึ้งและกระจ่างแจ้งมาก ไปหาฟังเพลงเต็มๆ แล้วนั่งซึ้งน้ำตาไหลแทนจงอวี่ถังไปเรียบร้อย โอ้โห ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงรักเธอได้มากขนาดนี้เนี่ยยยยยยย ยัยถังคะแนนเต็ม และเพลงหน่วงๆ อย่างเพลง We ก็บ่งบอกถึงช่วงที่ทั้งสองคนกำลังงงๆในความรู้สึกว่าจะเดินหน้าดีหรือจะถอย ยังมีเพลงอื่นๆ อีก แต่ชอบหมดเลย อะไรจะดียันเพลงประกอบขนาดนี้
ผ่านไปนานถึง 10 ปีเลยนะ กว่าที่จะได้มายิ้มให้กันที่สวนสนุกแบบนี้ เรื่องนี้ดูจบแล้วอิ่มอกอิ่มใจไปกับจี้เหวินข่ายและจงอวี่ถัง ดีใจที่เมื่อผ่านมา 10 ปีแล้วเขาทั้งสองคนได้มีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้ง และมีความสุขด้วยกันอย่างที่ควรจะเป็น เราชอบความรักในเรื่องนี้มาก ความรักที่จี้เหวินข่ายมีต่อจงอวี่ถัง ทำให้เขาพยายามทุ่มเทเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอด 10 ปีที่จากกัน จากราชาไข่เป็ด ที่โหล่ตลอดกาลของห้อง กลายมาเป็น CEO ที่น่าจับตามองคนหนึ่งในวงการธุรกิจ และทำให้เขากลับมายืนอยู่ต่อหน้าจงอวี่ถังด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนความรักของจงอวี่ถังที่มีต่อจี้เหวินข่ายนอกจากจะเป็นแรงผลักดันและกำลังใจให้ชายหนุ่มก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงแล้ว อวี่ถังยังพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีพร้อมยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อที่จะยืนอยู่เคียงข้างจี้เหวินข่ายและก้าวไปด้วยกัน ความรักที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อคนที่เรารักเป็นแบบนี้นี่เอง
ใครที่ทำการตลาดอยู่ หรือเคยทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตลาดน่าจะอินกับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะแต่ละเคสที่อวี่ถังและทีมขาย 3 ต้องเจอนั้น การตลาดแต่ละคนต้องเคยได้เจอกับตัวบ้างไม่มากก็น้อยแหละ ในละครดีที่ประธานก็ช่วยเหลือ เข้าใจ เอาใจใส่ แต่ชีวิตจริงนั้น น้ำตาไหลพรากกันมาเท่าไหร่แล้ว ส่วนตัวเลยเชื่อว่า ค่าคอมมิชชั่นใดเล่าจะสำคัญเท่าสุขภาพจิตของเราเป็นไม่มี
ชอบเพลงเหมือนกันเลย
โดยเฉพาะ Think Of You First ที่ weibird ร้อง
อยากชวนให้ไปฟังเพลงอื่นๆของนักร้องคนนี้ด้วยค่ะ
เพราะมากกกก เป็นสายเขียนเพลงทำเพลงเอง