เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
REVIEW รีวิวโครงการ Disney International Programspeachual
REVIEW รีวิวโครงการ Disney International Programs [1 การสมัครและสัมภาษณ์]
  • สวัสดีค่า (‾◡◝) เราชื่อพลอยนะคะ วันนี้เราจะมารีวิวการสัมภาษณ์โครงการ Disney International Programs ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราผ่านสัมภาษณ์และได้ไปทำงานที่ Walt Disney World Resort, Orlando มาเมื่อปีที่แล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดถึงหน้าร้อนนั้นอยู่ทุกวันเลยค่ะ `(*>﹏<*)′ เราก็เลยตัดสินใจจะมาทำรีวิวโครงการตั้งแต่การสมัคร สัมภาษณ์ และการทำงานที่นั่น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากไปโครงการนี้ในรุ่นต่อ ๆ ไปบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ 

    ถ้าทุกคนสนใจ สามารถกดติดตามเอาไว้ได้ เพราะว่าจะมีพาร์ทต่อ ๆ ไปแน่นอนค่ะ 

    โครงการ Disney International Programs หรือ Disney Cultural Exchange Program เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์การทำงาน 3 เดือนที่สวนสนุกระดับโลก Walt Disney World Resort, Orlando ในหลาย ๆ ตำแหน่งด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Merchandise, Quick Service Food & Beverage, Attraction, Seater etc. และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อน ๆ หลากหลายสัญชาติรวมถึงได้รับประสบการณ์แสนวิเศษราวเวทมนตร์ที่ไม่มีวันลืม

    การสมัคร
    หากต้องการทราบรายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ สามารถเข้าไปชมเว็บไซต์ของเอเจนซี LondonHouse และสำคัญมาก!! กดติดตาม Facebook LondonHouse Chiangmai เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารการรับสมัครค่ะ

    โครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รอบด้วยกัน คือ
    รอบ Spring  (มี.ค.-มิ.ย.)
    รอบ Summer (พ.ค.-ส.ค.)
    แบ่งตามวันเวลาเปิด-ปิดเทอมของแต่ละมหาวิทยาลัย ****ไม่รับนักศึกษาปี 1 และปีสุดท้าย เพื่อน ๆ สามารถสมัครเช็ครายชื่อมหาวิทยาลัย และสมัครตามรอบนั้น ๆ ได้เลย จะบอกว่ากระบวนการรับสมัครนั้นยาวนานมาก ๆ ตอนที่เราสมัคร ก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเลยค่ะถึงจะรู้ผลว่าได้ไปแน่ ๆ รอจนเครียดค่ะ 55555555 

    ที่บอกว่าต้องกดติดตาม Facebook เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสาร ก็เพราะว่า การสมัคร ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะสามารถดาวน์โหลดใบสมัครแล้วกรอกส่งได้เลย แต่ว่าเราจะต้องเข้าร่วม Roadshow ก่อน เพื่อรับรหัสมากรอกในใบสมัครค่ะ 

    Roadshow เป็นเหมือนการแนะแนวโครงการ หากเป็นออนไซต์จะจัด 2 ที่คือกรุงเทพและเชียงใหม่ สามารถเลือกได้ตามสะดวกค่ะ ส่วนเราไปช่วงโควิด ยังจัดเป็นออนไลน์อยู่ ก็สะดวกไปอีกแบบค่ะ Roadshow มีจัดหลายรอบก็จริง แต่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ เข้าไปเช็คการเปิดรับสมัครเป็นระยะตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน เพื่อที่จะได้ไม่พลาดค่ะ

    หลังจากที่เราได้รหัสมาแล้ว ก็กรอกใบสมัครตามปกติ และรออีเมลนัดเวลาสัมภาษณ์รอบแรกค่ะ ตอนนั้นเราส่งใบสมัครไปเดือนกันยายน (เราไปรอบ Summer) และได้สัมภาษณ์รอบแรกในเดือนตุลาคมค่ะ

    สัมภาษณ์รอบที่ 1
    มาถึงการสัมภาษณ์กันแล้ว เย้ \( ̄︶ ̄*\)) การสัมภาษณ์ของโครงการมีทั้งหมด 2 รอบด้วยกัน รอบแรกเราจะสัมภาษณ์กับศิษย์เก่าคนไทย ส่วนรอบสองเราจะได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ของทางดิสนีย์ค่ะ

    สำหรับการสัมภาษณ์รอบแรก ปีของเราสัมภาษณ์ผ่าน Zoom โดยระยะเวลาในการสัมภาษณ์ไม่เกิน 15 นาที และจะสัมภาษณ์แบบ 1 ต่อ 1 กับศิษย์เก่าค่ะ 

    สิ่งที่เขาจะวัดในรอบนี้คือ ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของเราค่ะ ดังนั้นคำถามรอบนี้เลยแรนด้อมมาก ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราได้สัมภาษณ์กับพี่คนไหน จากที่ไปถามเพื่อน ๆ มา บางคนไม่โดนถามอะไรเลย ให้พูดเกี่ยวกับตัวเองอย่างเดียว ส่วนบางคนก็ถามคำถามทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงาน บางคนที่โดนคำถามจริงจังไปเลยก็มีค่ะ

    ตอนที่เข้าไปในซูม สำคัญมากที่เราจะต้องทักทายด้วยใบหน้ายิิ้มแย้มและมั่นใจค่ะ เพราะดิสนีย์ค่อนข้างให้ความสำคัญกับรอยยิ้ม (ความเป็นมิตร) เป็นอันดับแรก หลังจากนั้น พี่ศิษย์เก่าก็จะเปิด Resume ของเราขึ้นมา ของเรา เราใส่ไปว่าเราเรียนเอกเกาหลี เขาก็ให้เราแนะนำตัวเป็นภาษาเกาหลีค่ะ 

    จากนั้นก็เริ่มคุยกัน คำถามที่เราได้คือ งานอดิเรกของเราคืออะไร  เราสนใจไปทำงานตำแหน่งไหน (เราตอบไปว่าอยากทำ Quick service Food & Beverage) เขาก็ถามต่อว่าหากไปทำงานแล้วเจอสถานการณ์ที่เพื่อนรวมงานแอบกินอาหารที่ขายจะทำยังไง ตอนได้คำถามนี้ก็แอบช้็อกนิดนึง (;′⌒`) แต่ก็ตั้งสติแล้วตอบออกไปค่ะ จากนั้นก็ตีเนียนถามกลับไปว่าแล้วตอนพี่ไป พี่เจอแบบนี้ไหมคะ ทำยังไงคะ 55555555555 

    ทริกที่เรารู้สึกว่าใช้ได้ผลโดยส่วนตัวคือ พยายามชวนเขาคุยด้วยค่ะ ไม่ให้เขาสัมภาษณ์เราฝ่ายเดียว นอกจากจะช่วยลดเวลาสัมภาษณ์ของเราแล้ว ยังเป็นการแสดงว่าเรามีทักษะการสื่อสารที่ดี สามารถพูดคุยโต้ตอบได้เป็นธรรมชาติค่ะ 

    ต่อจากนั้นเขาก็ถามคำถามว่า Which Disney character...เกริ่นมาแค่นี้ เรายิ้มในใจละ เพราะว่าไปอ่านประสบการณ์คนอื่น ๆ มา เขาบอกว่าให้เตรียมไปเลยนะว่าชอบตัวละครดิสนีย์ตัวไหนมากที่สุด เพราะเป็นคำถามพื้นฐานที่จะถามแน่นอน แต่ปรากฏว่าพี่ที่ัสัมภาษณ์เราพูดต่อว่า ...is your least favorite? 

    (⊙o⊙)อึ้งเลย อึ้งกว่าคำถามสถานการณ์ข้อก่อนหน้าอีกค่ะ 5555555 ไม่เคยคิดถึงคำถามนี้ แล้วก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนด้วย คิด ๆ ๆ อยู่แปปนึงก็ตอบไปว่า 'ไม่มีเลยค่ะ คิดว่าตัวละครที่เป็นตัวร้ายทุกตัว บางทีก็สำนึกผิดและกลับตัวเป็นคนดีในตอนสุดท้าย เราไม่ควรไปตัดสินการกระทำของใคร' เราตอบแบบนี้จริง ๆ อย่าขำดังค่ะทุกคน จริง ๆ มันไปเรื่อยมาก แต่ด้วยความที่คิดไม่ออกก็เลยต้องตอบแบบนี้ไปก่อน มาย้อนคิดอีกที ก็เสียดายว่าตอนนั้นน่าจะตอบแกสตองจากเรื่อง Beauty & The Beast ไปค่ะ ಥ_ಥ

    มาถึงคำถามสุดท้าย ก็คือคำถามว่า เรามีอะไรจะถามไหม อันนี้อยา่กแนะนำให้ทุกคนไปเตรียมตัวมาเลย ถึงคำถามข้ออื่น ๆ จะได้ไม่เหมือนกัน แต่พี่ทุกคนจะถามคำถามนี้ค่ะ มันเป็นการวัดว่าเรามีความสนใจในโครงการแค่ไหน ของเรา เราได้ไปหาข้อมูลมาว่า ที่ดิสนีย์มีคอร์สเรียนต่าง ๆ ให้เราเรียนฟรีได้ เราก็เลยขอให้เขาอธิบายว่ามันเป็นคอร์สเรียนแบบไหนค่ะ 

    แต่อย่างที่บอกคือคำถามรอบนี้แรนด้อมมาก ๆ คำถามที่เราโดนอาจจะใช้ยึดเป็นหลักไม่ได้ ดังนั้น อ่านไว้เป็นแนวทางก็พอ แล้วไปเน้นฝึกการโต้ตอบสื่อสารให้ได้ดี ๆ ในทุกสถานการณ์ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ก่อนสัมภาษณ์ เราก็เคยไปอ่านประสบการณ์ของคนอื่น ๆ มาเหมือนกันว่าเขาโดนถามยังไง แล้วก็นั่งเก็งคำถาม คำถามฮิต ๆ แต่ทุกคนก็เห็นแล้วว่าเรา โดนแกง ค่า /(ㄒoㄒ)/~~ 

    พอสัมภาษณ์เสร็จ เราจะรอผลสัมภาษณ์ไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากผ่านแล้วเราจะต้องรออีกประมาณ 2 เดือนเพื่อสัมภาษณ์รอบ 2 โดยระหว่างนั้น จะมีรุ่นพี่ศิษย์เก่ามาแนะนำ roles ต่าง ๆ เพื่อเป็นไอเดียว่าเราจะเลือกทำอันไหน และอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องหอพักต่าง ๆ ค่ะ


    สัมภาษณ์รอบที่ 2
    สัมภาษณ์รอบที่ 2 จะสัมภาษณ์ช่วงเดือนมกราคม คราวนี้เราไปสัมภาษณ์ที่โรงแรมค่ะ ตอนช่วงเช้าจะมีการแนะนำโครงการจากเจ้าหน้าที่ของทางดิสนีย์ และหลังจากนั้น เขาก็จะเรียกเราเข้าห้องสัมภาษณ์ตามช่วงเวลาที่เราเลือกไว้ค่ะ 

    อ๋อ ในระหว่างนี้ จะมีอีเมลส่งมาเพื่อให้เราเลือก Role หรือตำแหน่งที่เราต้องการทำที่ดิสนีย์ (ตามความสนใจ) Role ที่เปิดรับสำหรับคนไทยก็จะมี

    - Merchandise ประจำอยู่ร้านขายสินค้า ของที่ระลึก ดูแลสต็อกสินค้า คิดเงิน และจัดเตรียมขนมในกรณีที่เป็นร้านของหวาน
    - Quick Service Food & Beverage ประจำอยู่ที่ร้านอาหารและเครื่องดื่ม จัดเตรียมและเสิร์ฟอาหารแก่ลูกค้า ดูแลความสะอาดภายในร้าน และในบางร้านอาจต้องดูแลการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
    - Attraction ประจำอยู่แต่ละเครื่องเล่น อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับแขก ในบางกรณีอาจจะไม่ได้ประจำอยู่ที่เครื่องเล่น แต่ประจำอยู่ที่ทางเข้าพาร์ค หรือเป็นผู้อำนวยความสะดวกระหว่างที่มีการแสดงพลุ
    - Seater ผู้จัดสรรคิวและที่นั่งให้แก่แขก และต้อนรับแขกเข้าร้านอาหาร คอยอำนวยความสะดวกและให้บริการต่าง ๆ จัดโต๊ะและทำความสะอาด รวมถึงคิดเงิน มักจะประจำอยู่ที่ร้านอาหารแบบบุฟเฟต์
    - Custodial ทำความสะอาดถนน ห้องน้ำ ถังขยะ และดูแลความสะอาดทั่วไปภายในพาร์ค เป็นตำแหน่งที่จะต้องอยู่กลางแจ้งตลอดเวลา
    - Lifeguard ประจำอยู่ที่สวนน้ำ ดูแลความปลอดภัยของแขก มีการทดสอบว่ายน้ำก่อนเข้าทำงาน

    ****เราไม่สามารถเลือกพาร์คที่เราจะทำได้ และเราก็อาจจะไม่ได้ตำแหน่งที่เราสนใจมากที่สุด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรรมการค่ะ****

    รอบนี้การสัมภาษณ์ก็จะกินเวลาพอ ๆ กันคือ 15-20 นาที ในห้องจะมีกรรมการอยู่ 3 คน นั่งอยู่คนละมุม หากคนไหนสัมภาษณ์เสร็จก่อน เราก็จะเข้าไปแทนที่คนนั้น เป็นการสัมภาษณ์แบบ 1 ต่อ 1 เช่นเคยค่ะ ในรอบนี้ คำถามสัมภาษณ์จะเน้นไปเรื่องของประสบการณ์การทำงานของเรา เงื่อนไขการทำงาน ข้อสงสัยที่เรามีเกี่ยวกับงาน และตำแหน่งงานที่เราอยากทำ เพื่อพิจารณาตำแหน่งที่จะมอบให้เราค่ะ

    เราโดนถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยากทำในอนาคต สิ่งที่คาดหวังจากดิสนีย์ ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา เห็นมีเพื่อน ๆ บางคนโดนถามเกี่ยวกับเงื่อนไขสุขภาพต่าง ๆ เช่น ทำงานกลางแจ้งได้ไหม ยืนนาน ๆ ได้ไหม ยกของหนักไหวไหม มีรอยสักไหม เป็นต้นด้วยค่ะ กรรมการชิลมาก ๆ ถ้าผ่านการสัมภาษณ์รอบแรกมาได้แล้ว รอบนี้ก็สบายแน่นอนค่ะ (^∀^●)ノシ

    คราวนี้เรารอผลสัมภาษณ์ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็ได้รับอีเมลแจ้งว่าเราผ่านการสัมภาษณ์และได้ไปดิสนีย์แล้วค่ะ! ฮือ หลังจากนี้เรายังจะต้องเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์วีซ่าและขั้นตอนการชำระเงินอื่น ๆ อีก ไว้จะมาเล่าให้ฟังในพาร์ทต่อ ๆ ไปนะคะ มาเดาไปพลาง ๆ กันว่าเราได้ทำงานที่ไหนและตำแหน่งอะไร ไปอเมริกากันค่า ( ̄︶ ̄)↗ 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in