อยู่ดีๆ ก็จำเรื่องที่เคยลืมไปแล้วได้ขึ้นมา
แม้ว่าจะเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ก็เถอะ
แต่ก็ทำให้ใจกระตุกวูบ
ยอมรับอย่างอายๆ ว่าเราเป็นคนไม่ปล่อยวาง
เหมือนจะเคยพยายามทำ เหมือนเคยทำได้
แต่อาจจะเป็นความพยายามหลักสิบเลยกว่าจะไปถึงตรงนั้น
นั่นแหละ มันอาจจะเหนื่อยมากกว่าการไม่ปล่อยวางก็ได้มั้ง
จริงๆ แล้วมันเหมือนการกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวมากกว่า
เหมือนเวลาหยุดหมุน แล้วก็รู้สึกอึดอัด
เหมือนขาดอากาศหายใจ แล้วรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง
ก็ไม่ใช่ไม่ปล่อยวาง แต่แค่ไม่อยากให้มันผ่านมาแล้วผ่านไป
อยากใช้เวลาพิจารณา อยากสัมผัสทุกซอกหลืบของความรู้สึก
เหมือนมีคนเคยบอกว่าเป็นพวกเสพติดความเจ็บปวด
ก็อาจจะถูก เราก็ไม่รู้มันเรียกว่าอะไร
ไม่ปล่อยวางก็ดูเข้าใจง่ายที่สุดเนอะ
ที่ไม่อยากพลาดทุกความรู้สึกไป คงเป็นเพราะอย่างนี้แหละ
กลัวว่าวันนึงถ้าไอ้ตะกอนในใจมันถูกผลักขึ้นมาบนพื้นผิวอีก
แล้วมันดันพัดเอาบางส่วนที่เราไม่เคยสัมผัสขึ้นมา
ถึงตอนนั้นก็คงจะไปไกลกว่าอาการใจกระตุกไปเยอะอยู่
อย่างเช่นวันนี้..
เราก็แค่อยากจะเตรียมรับมือกับมันให้ได้มากที่สุด
If you don’t get it off your chest, you’ll never be able to breath.
ประโยคที่ตั้งเป็นหน้าจอโทรศัพท์มาแสนนาน รู้สึกมีสติทุกครั้งที่อ่าน
แม้ว่าจะบอกว่าไม่ชอบปล่อยวางก็เถอะ
แต่จริงๆ แล้วปลายทางมันก็คือการก้าวผ่านความรู้สึกพวกนั้นไปโดยที่ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรไป
แค่อาจจะใช้เวลานานไปหน่อย เป็นเดือน เป็นปี หรืออาจจะหลายปี
แม้ว่าจะชอบเผชิญหน้ากับความรู้สึกพวกนั้นคนเดียว
แต่บางเรื่องมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะก้าวผ่านไปได้ด้วยตัวเองคนเดียว
ในตอนที่จัดการไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยได้เรียนรู้ที่จะพูดระบายมันออกไป
แลกกับการที่ได้กลับมาหายใจเข้าลึกๆ อีก 1 ที
พอมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองคือจีนในฮาวทูทิ้งเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in