เราเป็นคนชอบฟังเพลงมาก โดยเฉพาะเพลงเกาหลี แล้วยิ่งพอได้เรียนภาษาเกาหลีช่วงมหาลัย เลยมีความคิดอยากตีความเพลงเกาหลีมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำจริงสักที จนเราได้ย้อนกลับไปดูคลิปคอนเสิร์ต wave to earth ที่เราเพิ่งไปมาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน เราได้รู้สึกถึงแรงกระแทกจากเพลง love. ของ wave to earth ขึ้นมาอีกครั้ง
0.1 flaws and all_documentary เป็นสารคดีที่พูดถึงการทำอัลบั้ม 0.1 flaws and all อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวง ช่วงท้ายของสารคดี คำพูดของดาเนียล นักร้องนำของวง ยังคงติดตรึงในใจเราเสมอ สรุปคำพูดของเขาสั้น ๆ ได้ว่า ระหว่างที่ทำอัลบั้มนี้ เขาพบว่า เราจะต้องรักตัวเองก่อน ถึงจะสามารถส่งต่อความรักให้คนอื่นต่อไปได้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถส่งต่อความรักนั้นได้ตลอดเวลา แต่อย่างน้อยขณะที่ได้ฟังอัลบั้มนี้ ก็อยากให้ผู้ฟังสามารถเป็นคนที่มอบความรักให้ตนเองได้ และสารคดีก็จบลงด้วยเพลง love.
พอดูสารคดีนี้จบ เราก็พบว่า เราฟังเพลงของ wave to earth อย่างตื้นเขินมาโดยตลอด เรารับรู้เพียงแค่ว่า เพลงของ wave to earth ส่วนใหญ่บอกเล่าเรื่องความรักเชิงโรแมนติกของคนสองคน และเฝ้ารอวันที่จะได้เจอความรักแบบนั้นบ้าง แต่เราลืมไปว่ายังมีความรักอีกหลากหลายรูปแบบอยู่บนโลกใบนี้ นั่นก็รวมไปถึง ความรักที่มีให้ตัวเองด้วย เราจำกัดการตีความความรักในเนื้อเพลงแคบเกินไป พอได้ลองตีความเนื้อเพลงให้กว้างขึ้น เราก็รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกความรู้สึกในใจว่า เราโหยหาความรักจากคนอื่นมาโดยตลอด จนลืมไปเลยว่าตนก็สามารถมอบความรักให้กับตัวเองได้ แล้วการฟังเพลง love. (รวมไปถึงเพลงอื่น ๆ ของ wave to earth) ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พอย้อนกลับมาฟังเพลง love. อีกครั้ง เรามองว่า เนื้อเพลงแบ่งได้เป็นสองส่วน ครึ่งเพลงแรกพูดถึง ความรักที่มีให้ตนเอง ส่วนครึ่งเพลงหลัง พูดถึงความรักระหว่างผู้คน โดยทั้งสองส่วนเรียบเรียงเนื้อหาในลักษณะที่เป็นคู่ขนานกัน ความเป็นคู่ขนานกันนี้เอง ทำให้เราได้เห็นว่า ความรักที่เรามีให้ตนเอง กับความรักที่เรามีให้คนอื่นนั้นแทบไม่แตกต่างกันเลย (แต่จริง ๆ แล้ว จะตีความเนื้อเพลงว่า ทั้งเพลงหมายถึงการรักตัวเองทั้งหมด ก็เป็นการตีความที่น่าสนใจเช่นกัน)
ลองมาฟังเพลง love. แล้วอ่านคำแปลไปด้วยกันนะคะ (เราชอบเวทีที่ wave to earth แสดงใน Seoul Jazz Festival 2023 เป็นพิเศษ เลยเลือกคลิปนี้มาค่ะ)
ออกตัวก่อนว่า ปกติ เราไม่ค่อยได้แปลเท่าไร ภาษาอาจไม่สละสลวย อาจแปลตรงตัวเกินไป หรือบางส่วนก็เสริมการตีความของเราไปด้วย หากแปลผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
[Verse 1]
사람 사이 사람
바람 사이 바람
각자의 염원이 바래고
덧칠되어
ผู้คนท่ามกลางผู้คน
สายลมท่ามกลางสายลม
สิ่งที่แต่ละคนปรารถนาซีดจางลง
และถูกระบายสีทับกัน
[Pre-Chorus]
발이 닿을 만큼 굳어지면
비로소 내 세상이 되어줘
เมื่อสิ่งนั้นแข็งแกร่งขึ้น จนเท้าสัมผัสได้
โปรดเป็นโลกทั้งใบให้ฉันในท้ายที่สุดเถอะนะ
[Chorus]
나의 작은 마음도
그 안에 자란 나음도
부서지고 굳어지고 녹아내리고나면
그제서야 보이는 나의 영원
หัวใจดวงเล็ก ๆ ของฉัน
รวมถึง การเติบโตภายในนั้นด้วย
เมื่อทั้งสองได้พังทลายลง แข็งแกร่งขึ้น และหลอมละลายไป
เมื่อนั้นเอง คือตอนที่ความเป็นนิจนิรันดร์ของฉันได้ปรากฏ
---------------------------------------------------------------------------
[Verse 2]
사람 사이 사랑
모두 함께 모여서
영원을 바라고
몸 마음 묻어내면
ความรักท่ามกลางผู้คน
ทุกคนรวมตัวพร้อมเพรียงกัน
แล้วปรารถนาความเป็นนิจนิรันดร์
เมื่อฝากฝังร่างกายและจิตใจลงไป
[Bridge]
비로소 우리의 세상이 완벽해
사랑으로
사랑으로
โลกของเราก็สมบูรณ์แบบด้วยความรักในท้ายที่สุด
[Chorus]
나의 작은 마음도
그 안에 작은 파도처럼
부서지고 밀려와선
네게 녹아내리고
그제서야 보이는 나의 영원
หัวใจดวงเล็ก ๆ ของฉัน
เฉกเช่นคลื่นเล็ก ๆ ภายในนั้น
ได้พังทลายลง ถาโถม แล้วหลอมละลายไปหาเธอ
เมื่อนั้นเอง คือตอนที่ความเป็นนิจนิรันดร์ของฉันได้ปรากฏ
นอกจากประเด็น เรื่องความรักที่มีให้ตนเองแล้ว เรายังชอบรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเนื้อเพลงด้วย เช่น เราสามารถมองเห็นความถ่อมตัวในเนื้อเพลงจากการบรรยายหัวใจตัวเองว่าเป็นเพียงหัวใจดวงเล็ก ๆ เท่านั้น สำหรับเรา เราคิดว่า การจะแต่งเพลงที่ได้ชื่อว่า “ความรัก” คนแต่งก็อาจรู้สึกกดดันจากคำคำนี้ที่พ่วงความหมายอันลึกซึ้งมาด้วย แม้ว่าความรักจะดูเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ดาเนียลกลับบรรยายว่า หัวใจเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ เท่านั้น นั่นก็แสดงให้เห็นว่า สิ่งเล็ก ๆ นั้นก็สามารถประกอบขึ้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
อีกประเด็นที่ชอบคือ การนำคลื่นมาใช้เปรียบเทียบในเนื้อเพลง หากจะพูดถึงคลื่นให้เห็นภาพชัดที่สุด ก็คงจะต้องยกตัวอย่างคลื่นในทะเล คลื่นในทะเลเคลื่อนที่ไปมา มีทั้งขึ้นสูง ลงต่ำ สลับกันไป แต่คลื่นก็ไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว ดังนั้น การนำคลื่นมาเปรียบเทียบกับความรักอันเป็นนิจนิรันดร์ จึงทำให้เห็นภาพความรักที่กล่าวถึงในเนื้อเพลงได้ชัดเจนขึ้นอีก กล่าวคือ หัวใจของเรานั้นล้วนเคยพังทลายลง แต่ก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้น จากประสบการณ์ในชีวิตที่ต้องผ่านทั้งเรื่องร้ายและดีปะปนกันไป จนกระทั่ง เราสามารถรักตนเองได้ในทุกรูปแบบ แล้วเมื่อความรักตนเองนี้ได้หลอมละลายไปหาเธอ ผู้เป็นที่รัก เมื่อนั้นเอง ความเป็นนิจนิรันดร์ก็จะปรากฏขึ้น เป็นความนิจนิรันดร์ที่เราทุกคนล้วนปรารถนาให้เกิดขึ้นในความรัก
ชีวิตในยุคนี้ หรือชีวิตวัยทำงาน บางครั้ง ก็ทำให้เราต้องเร่งทำสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ เรารู้สึกว่า เรามีความสุขกับการฟังเพลงน้อยลง อาจเป็นเพราะเราคิดว่า ตัวเองไม่ได้มีเวลามากพอให้มานั่งครุ่นคิดนัยยะที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง พอฟังเพลง เลยไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือเกิดความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างกับเพลงมากเท่าแต่ก่อน ต้องขอบคุณ wave to earth ที่บอกเล่าเรื่องราวการทำอัลบั้มผ่านสารคดี ทำให้เราได้เข้าใจเพลงอย่างลึกซึ้ง จนจุดประกายให้เราอยากแบ่งปันสิ่งที่เราได้รับจากเพลงให้คนอื่น ๆ ต่อไป และยังทำให้เราเห็นว่า นอกจากวรรณกรรมที่ต้องอ่านสมัยเรียนแล้ว เนื้อเพลงก็มีความหมายระหว่างบรรทัดที่ทำให้ผู้ฟังสามารถตีความสิ่งที่ฟังได้แตกต่างกัน ตามแต่สิ่งที่ตนได้ประสบมา ดาเนียลเองก็เคยพูดในไลฟ์ ด้วยว่า เมื่อเพลงของเขาได้ปล่อยสู่สาธารณะแล้ว เพลงนั้นก็ไม่ใช่เพลงของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นเพลงของทุกคน เพลงของ wave to earth ยังรอให้ทุกคนได้ตีความอยู่นะคะ :)
ท้ายที่สุดนี้ ตอนทุกคนฟังเพลงนี้ มีคนที่นึกถึงขึ้นมาบ้างไหมคะ ถ้ายังไม่มี ก็อย่าลืมนึกถึงตัวเองกันนะคะ
ขอให้ทุกคนมีวันที่ดีค่ะ
ด้วยรัก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in