...ทันทีที่ฉันมาถึงโขงเจียม ฉันทิ้งเอ้ไว้ในห้องลำพังแล้วออกมาสูดอากาศข้างนอกระเบียง ที่นี่เงียบสงัดจนได้ยินเสียงฝีเท้าของก้อนที่วิ่งเล่นกลางลานกว้างๆสีครึ้มอยู่บนท้องฟ้า ดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ถูกล้อมรอบด้วยดวงดาวระยิบระยับเพียงสี่ดวง มันทอแสงสะท้อนกับเงาน้ำจนฉันเห็นลูกคลื่นค่อยๆกระเพื่อมเป็นระลอกอย่างช้าๆ วันนี้แล้วสินะที่ค่าย Political camp พาฉันมาลงพื้นที่ที่นี่...
"ห้อง 102 มารับกุญแจค่ะ" อาจารย์บิ๋มส่งยื่นกุญแจให้ชายฉรรจ์คนหนึ่งสวมเสื้อฮาวายสีฟ้าเหมือน The Toys
ฉันกับเอ้ยื่นรอรับกุญแจห้องพักกับอาจารย์ข้างๆรถบัสคันโต เสียงเครื่องยนตร์ดังกระหึ่มมาพร้อมกับกลิ่นควันสีเทาที่พ่นออกมาจากท่อไอเสียไม่หยุดสาย ไอร้อนของมันแผดเผาผิวบางๆของฉันจนรู้สึกร้อนระอุดั่งอุโมงค์เตาผิง
เมื่อถึงคิวของฉันกับเอ้ ห้อง 101 กลับไม่มีกุญแจเพราะอาจารย์แจ้งว่ามีคนรับกุญแจไปแล้ว ให้ตายสิ! มีฉันกับเอ้แค่สองคนที่เป็นเจ้าของห้องนั้น
เมื่อเปิดประตูห้องไอเย็นจากแอร์กระทบผิวฉันจนทำให้รู้สึกสดชื่นและโรแมนติกเพราะแสงนีออนจากหลอดไฟกลางห้อง ฉันสังเกตเห็นว่าตู้เย็นสีขาวไซต์มินิที่ตั้งอยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้ง ประตูของมันถูกแง้มไว้จนผิดสังเกต เอ้เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำที่ถูกเปิดแล้วและปริมาณน้ำหายไปค่อนขวด และนั่นก็เป็นหลักฐานบ่งบอกว่า มีคนเคลมห้องนี้ไปก่อนหน้าแน่
อาจารย์ปุ๊กับอาจารย์บิ๋มได้แต่ปลอบใจและบอกให้ย้ายห้องใหม่ เพราะเป็นความผิดพลาดของรีสอร์ท ด้วยความที่ฉันกับเอ้ขี้เกียจและต้องการพักผ่อนโดยเร็ว จึงปักหลักกันที่ห้องเดิม นี่เป็นเรื่องที่ฉันกระวนกระวายใจมากๆจนต้องออกไปสูดออกซิเจนข้างนอกคนเดียว
ฉันเหม่อมองท้องฟ้าสีครึ้มและชะโงกหน้าลงไปดูระลอกคลื่นแม่น้ำโขง อย่างน้อยๆเสียงคลื่นซัดซ่านก็ทำให้ฉันใจเย็นลง เมื่อมองไปฝั่งทางขวามือ ฉันเห็นระเบียงห้อง 102 วับๆแวมๆและไม่คิดว่ามีใครอยู่ ฉันเลยโผล่หน้าไปส่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จังหวะที่ชะเง้อไประเบียงห้องข้างๆ ทันใดนั้น ภาพหน้าชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็โผล่มาราวกับแสงแฟลชกล้องโพลาลอยด์
" พ่องตาย! " ฉันอุทานเสียงหลง" ขอโทษครับๆ คุณเป็นอะไรไหมครับ " นัยย์ตาสีน้ำตาลเข้มดั่งไม้โอ๊ก จมูกสันคมเข้ากับรูปหน้าไข่ผิวสองสี เจ้าของใบหน้าไทๆคนนั้นถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ
" ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่จะมาส่องระเบียงห้องพี่เฉยๆว่าเหมือนกับห้องหนูไหม งั้นเราสลับกันส่องเนอะ " ฉันตอบรับด้วยน้ำเสียงสดใสและขี้เล่นเพื่อกลบเกลื่อนความโรคจิตของตัวเองที่ไปส่องห้องชาวบ้านแบบเสียมารยาท
" ไม่ๆครับ ผมแค่จะดูวิวฝั่งโน้นเฉยๆ" เขาพลางชี้นิ้วมาฝั่งห้องฉัน
" อ้อค่ะ โอ้ะห้องพี่มีเบียร์ด้วย " ฉันเห็นว่ามันตั้งเป็นแพ็คคู่อยู่บนพื้นระเบียง พร้อมกับภาพชายเสื้อฮาวายสีฟ้าเหมือน The Toys คนนั้นก็เดินเข้ามานั่งเล่นมือถือที่ระเบียง
" เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ภู นี่มึงรู้จักน้องเขาหรอ " เสียงทุ้มๆแหบๆ กับคิ้วขมวดจนเหมือนผูกโบว์บนใบหน้าเหลี่ยมมนๆของเขา พร้อมกับสายตาและท่าทางเหมือนคนเมากรึ่มๆ แต่ยังไม่แอ๋พอจะไฝว้และโวยวาย
" อ๋อ คือกูจะส่องวิวทางโน้น ส่วนน้องเขาจะส่องระเบียงห้องเรา หน้าเราก็เลยมาป๊ะกันโดยบังเอิญ " พ่อหน้าทรงไทคนนั้นอธิบายด้วยท่าทางสนิทสนมกับพ่อหนุ่ม The Toys
" ถ้างั้นหนูเข้าห้องก่อนนะคะ " ฉันขอตัวอย่างมีมารยาท
" เอ้อ คุณชื่ออะไรหรอครับ ผมชื่อภูนะครับ มาจากคณะรัฐศาตร์ปี 3 ส่วนนี้ไอ้ไปป์ เพื่อนสนิทผม "
" หนูชื่อ ฝ้าย ศิลปศาสตร์ "
" เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจ คุณจะมาจอยวงเบียร์กับพวกผมที่ห้องพรุ่งนี้ได้นะครับ " เขาชวนฉันอย่างสุภาพ
" โอเคได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้หนูจะปีนระเบียงไปแล้วกันเนอะ " ฉันผู้ซึ่งเป็นชะนีชุดเดรสสีเหลืองแบบปากกาไฮไลท์ทำท่าจะปีนระเบียง
" โอ๊ะๆ อย่าปีนเลยครับ เข้าทางประตูง่ายกว่า " เขาทำท่าห้ามปรามฉัน
" โอเค งั้นเดี๋ยวหนูเข้าห้องก่อนนะคะ " ฉันขอแยกย้ายก่อนที่จะดึก
พอรุ่งเช้าเสียงทุบประตูดังขึ้น ไอ้ตั้มเด็กศิลป์ญี่ปุ่นมาทุบราวกับผีเจ้าที่ทวงห้องคืน " เอ้อ กูลุกแล้วตั้ม " ฉันลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย " อ.บิ๋มบอกให้ไปประชุมได้แล้ว ล้อหมุน 9 โมง ตอนนี้มัน 8 โมงแล้วทุกคนเขารอที่โต๊ะกินข้าว" อิตั้มหน้าตาตื่นและร้อนรน
ชิบหายแล้ว ฉันวิ่งพรวดไปปลุกเอ้ เราทั้งคู่ล้างหน้า แปรงฟันและเปลี่ยนชุดภายใน 5 นาที วิ่งสี่คูณร้อยไปหาอาจารย์รุจ ผู้สอนวิชา Folk Literature ของฉัน โชคดี อาจารย์ก็แค่ถามว่าลงพื้นที่ครั้งนี้สนใจเรื่องอะไรก็เท่านั้นแล้วปล่อยไปกินข้าวเลย
ขณะที่กำลังตักบุฟเฟต์อาหารเช้า พี่ภู พ่อหนุ่มระเบียงสะเดิดคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เขาสวมกางเกงวอมสีดำ เสื้อค่ายคอกลมแขนสั้นสีดำ พร้อมแบกเป้เขียวเลมอนมาด้วย ฉันกับเอ้ทักทายเขาพอเป็นพิธี พอฉันตักก๋วยจั๊บมาซดที่โต๊ะรอเอ้ พี่เขาก็เดินมานั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม เขานั่งบนเก้าอี้ไม้โอ๊คแล้วถามฉันอย่างสุภาพว่า
" คืนนี้ ตอนสองทุ่ม ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณสามารถมาดื่มกับพวกผมได้นะครับ มีไอ้ไปป์ น้องเฟิล พวกรุ่นพี่และก็อาจารย์ครับ "
" ค่าๆ โอเคค่ะ" ฉันตอบรับพอส่งเดทไปงั้นแล้วโซ้ยก๋วยจั๊บต่อ
พอตกเย็น เสียงทุบประตูราวกับเจ้าที่ทวงห้องมาอีกครั้ง ครานี้ไอ้ตั้มคงมีเรื่องร้อนใจอีกแน่ๆ
" เอ้อ อะไรของมึง ตั้ม " ฉันพลางเปิดประตูแล้วเงยหน้าขึ้นพบว่า ไม่ใช่ตั้ม แต่เป็นพี่ภู
" คือผมว่าจะมาชวนคุณไปดื่มด้วยที่โต๊ะกินข้าวน่ะครับ ตอนนี้ก็เริ่มตั้งวงกันแล้ว ไม่ทราบว่า คุณจะสะดวกไหม เอ่อ...ชวนเอ้ไปด้วยก็ได้ จะได้ดูไม่น่าเกียจไป "
" ค่าาาาา แล้วเจอกันนะคะ " ฉันตอบรับไปงั้นๆแหละ" เอ้ พี่ภูชวนแดกเบียร์ "" ไปไม่ได้ว่ะมึง ผัวไม่อนุมัติ " เริ่ด! กูไปคนเดียวก็ได้ค่าาา เพราะฉันเองก็ลำไยมันวิดิโอคอลกับผัวไม่น้อย ถือว่าซดเบียร์ฟรีแก้เซ็ง
พอไปถึง ฉันยกมืือไว้รุ่นพี่ทุกคน ส่วนพี่ภูก็เชิญฉันนั่งข้างๆเขา โดยที่เขาก็นั่งบนโต๊ะฝั่งขวามือของฉัน ถัดไปทางซ้ายมือ ก็มีชายแปลกหน้านั่งข้างฉัน และถัดไปอีกก็เป็นพ่อหนุ่ม The Toys คนนั้นนี่ พี่ไปป์คนคูล ในวงเบียร์ของชายฉกรรจ์ก็ต้องเสียงดังเป็นธรรมดา มีเพียงฉันกับพี่ภูที่นั่งเสวนากันอยู่สอง ราวกับไม่มีใครอยู่เลย
เขาอวดรองเท้าแตะสีดำของเขา เขาเรียกหมาจรจัดเพราะเห็นว่าฉันยื่นมันฝรั่งทอดให้กับมัน เราทั้งคู่คุยเรื่องต้นไม้ เทย์เลอร์ สวิฟนักร้องโปรดของฉัน การศึกษา และยาเสพติด ฉันสนุกมากเลยนะที่ได้คุยกับเขา แต่มันติดอยู่ที่ว่าเขาดูวิชาการมากไปหน่อย พอปิดจ๊อบวงเบียร์ ระหว่างที่ฉันช่วยพวกพี่ๆ เก็บแก้วเก็บขวด พี่ภูก็ถามว่า "แก้วเบียร์นี้เป็นของใคร " ก็แหงล่ะ มันเป็นของฉัน เพราะฉันดื่มได้ไม่เยอะเท่ากาแฟนี่หน่า
จากนั้นพี่ภูเขาก็หมุนแก้ว เพื่อหาอะไรก็ไม่รู้แล้วซดจนหมด เหลือแต่แก้วใสๆที่ว่างเปล่า ฉันอึ้งไปสักพัก ฉันไม่ยักรู้ว่าเขาจะกล้าเสี่ยงกับโควิด 19 และคราบน้ำลายของหญิงแปลกหน้าบนระเบียงที่พบโดยบังเอิญได้แค่ข้ามคืน
ช่างเถอะ ระหว่างทางกลับ ฉันกางร่มสีดำเพิื่อกันหยดน้ำฝนโปรยปรายจากท้องฟ้า เพราะเกรงว่าจะป่วยเสียก่อน พี่ภูเขาเดินเข้ามาในร่มเพื่อคุยกับฉันเรื่องคณะ ว่าฉันเรียนเป็นไงบ้าง ขณะนั้นฉันสัมผัสได้ถึงแขนอุ่นๆนุ่มๆของเขาที่ชนแขนบ่อยมากจนเราเดินมาถึงหน้าห้อง 101 และ 102
เขาบอกกับฉันส่งท้ายว่า " อย่าลืมแปรงฟันนะครับ " แทนที่จะบอกว่า ฝันดีนะครับ แบบที่คนอื่นๆเขาทำกัน ไอ้หมอนี่ชักประหลาดแฮะ แต่ก็ดี ฉันเองก็ประหลาดไม่แพ้กัน
ระหว่างที่ทุบประตูไปสามแมทซ์ อิเอ้ยังไม่เปิดห้องให้อีก เพราะมัวแต่สระผมอยู่ พี่ภูก็มายืนรอเป็นเพื่อนจนกว่าเอ้จะมาเปิดให้ ฉันยังจำภาพของเขาได้ดี เขาพิงหลังกับผนังหน้าห้องและแอบมองฉันบ่อยๆ ทุกครั้งที่ฉันหันไปสบตาเขามักหันหน้าไปทางอื่นเสมอ ฉันรู้สึกได้ว่า ไอ้หมอนี่อาจจะไม่ได้มาชวนก๊งเพราะอยากเป็นเพื่อนร่วมงานแน่ๆ
เมื่อเข้าห้องได้ ฉันเล่าทุกอย่างให้เอ้ฟังและถามว่า เนี้ยจีบไหม เอ้บอกว่าไม่ เพราะ ฉันบุคลิกตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง ไม่มีทางที่เขาจะชอบฉันหรอก
พอรุ่งเช้าวันสุดท้ายของค่ายก็มาถึง พี่ภูชวนเอ้ไปนั่งกินข้าวด้วย และมีฉันเข้าไปแจมด้วยพร้อมยื่นขนมปังทาแยมผลไม้ให้พี่ภู จากนั้นเราทั้งสามก็ไปที่ร้านกาแฟ ความทรงจำคาเฟ่ ฉันสั่งคาราเมล มัคคิอาโต้หวานน้อย ครึ่งช็อตของโปรดไป แล้วเหลือบเห็นว่าพี่ภูมัวยืนมองเมนูอยู่นาน ฉันเลยแนะนำเมนูให้เขา เพราะรู้เลยว่าเขาคงไม่รู้จะสั่งอะไร
หลังจากที่ได้กาแฟมา เขาบอกกับฉันว่ามันแปลกที่ฉันสั่งกาแฟไม่เหมือนคนอื่นๆ โดยปกติแล้วก็แค่เรียกชื่อเมนูก็เท่านั้น แต่ฉันรู้สึกว่า ไม่เห็นจะแปลกใครๆก็สั่งรสชาติที่ตัวเองต้องการได้ทั้งนั้น อาจจะเป็นพราะเขาไม่ค่อยกินกาแฟกระมัง
พอกินกาแฟเสร็จ เขาพาฉันไปนั่งห้อยขาตองแตงที่ม้านั่งหน้าความทรงจำคาเฟ่ เราทั้งคู่ชมทิวทิศน์ภูเขาที่สูงชันริมแม่น้ำโขง สายลมที่พัดผมฉันปลิวไสวกับผู้ชายแสนใจดีคนนั้น ทำให้ฉันรู้สึกเย็นราวกับสายน้ำ ฉันดีใจนะที่ฉันได้เพื่อนใหม่แบบเขา...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in