วันที่ 27 : ลมพัดแรง Special V (ทศอนันต์xว่านปราชญ์)
ทำไมเจ้าเด็กว่านปราชญ์ถึงได้คิดว่าผมไม่รู้...
เอาเถอะ ถึงจะจำเรื่องคืนนั้นได้ไม่หมด และไม่รู้จริงๆ ว่าผมไปกับเด็กนั่นได้ยังไง รวมถึงเกินเลยกันถึงขนาดไหน แต่กลิ่นของผมที่โชยออกมาจากตัวเด็กนั่นทำให้ผมเดาได้เลยว่ามันเกินเลยไปมากแล้วทีเดียว
จมูกนกไม่ดีเท่าเสือ ตัวว่านปราชญ์เองก็อาจจะไม่รู้ตัว แต่ผมและอีกหลายคนที่รู้จักกลิ่นผมรับรู้ได้ในทันทีที่ว่านปราชญ์เดินผ่าน มันฟุ้งกระจาย แสดงความเป็นเจ้าของ
ผมไปทำอะไรให้กลิ่นผมติดตัวเด็กคนนั้นขนาดนี้เนี่ย…
อยากจะนึกออกสักนิดนะ แต่ในห้วกลับว่างเปล่าไปเสียหมด หลงเหลือเพียงแต่ตะกอนความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ผมเริ่มยึดติดในตัวเด็กว่านนั่นทีละนิด ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นพวกสนุกไปเรื่อยๆ ถูกใจก็ตกลงกัน แม้จะไม่บ่อยนักแต่ก็ไม่ใช่จะไม่มี
แต่กับเด็กคนนั้น…
วันนั้นผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพเละเทะ… ทุกอย่างเละเทะไปหมดไม่ว่าจะเป็นตัวผม เตียง หรือสภาพห้อง แต่หัวที่ปวดตุบทำให้ผมยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมากลับมาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเปิดน้ำก่อนถอยหลังออกเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิของน้ำ
ผมไม่อาบน้ำอุ่น
ผมหมุนปุ่มลดอุณหภูมิให้กลับมาเป็นอุณภูมิปกติของผมก่อนจะชำระร่างกายตัวเอง ผิวหนังบางแห่งแสบขึ้นมาเมื่อโดนน้ำ ผมเลยส่องกระจกเห็นรอยเล็บมือข่วนตามแผ่นหลัง หน้าอก และตามที่อื่นๆ จนเป็นรอยทางยาว…
เมื่อคืนดุเดือดน่าดู…
ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวปิดช่วงเอวลงมา มองสภาพห้องด้วยสายตาเหม่อลอย แต่แม้พยายามจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็นึกไม่ออก จำได้รางๆ วันได้นอนกับใครสักคนแน่ๆ
แต่ใครกันล่ะ!?
.
.
.
คืนนั้นผ่านพ้นไปโดยที่ผมยังไม่ได้รับคำตอบ แต่จะให้ผมตระเวนหาตัวคู่นอนที่หายไปมันก็ไม่ใช่นิสัยผม ผมจึงปล่อยให้มันผ่านไป สองสามวันต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดระเบียบ 2-3 คนเดินเข้ามาในร้านผมเช่นปกติ เพราะร้านผมมีกรัชวาลเข้าออกมากกว่าคนธรรมดา เลยต้องมีการตรวจตราเป็นระยะ
และเด็กคนนั้นก็เดินเข้ามา
ว่านปราชญ์เป็นกรัชวาลตระกูลนกที่มีปีกสีขาวบริสุทธิ์ ผมเคยเจอกับเขาเมื่อตอนที่เข้าฝ่ายใหม่ๆ ผมก็หยอกเบาๆ ไปบ้างตามนิสัยเพราะเด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก ผิวขาวดูบอบบาง ผมสีน้ำตาลทองพริ้วสวยเมื่อเจ้าของมันขยับตัวจนผมอดมองตามไม่ได้
อยู่ๆ สายลมจากข้างนอกร้านก็พัดเข้ามาอย่างแรงไล่หลังประตูที่กำลังจะปิดลง ว่านปราชญ์ที่อยู่คนสุดท้ายสะดุ้งนิดๆ ก่อนปิดมันลงเบาๆ แต่ผมในตอนนั้นชะงักไปเลย ในหัวเบลอมึนไปหมด
กลิ่นของผม…
จากตัวเด็กคนนั้น…
มันฟุ้งปะทะจมูกแรงมากเมื่อเด็กคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม เมนูช็อคโกแลตเย็นที่เขาสั่งไม่เข้าหัวผมเลย จนเด็กในร้านต้องรับออเดอร์แทน ว่านปราชญ์มองผมนิดๆ แต่ก็เดินไปที่โต๊ะด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
“เฮีย ไหวรึเปล่าครับ”
เด็กในร้านถามผม ผมอยากตอบออกไปมากว่าไม่ไหว แต่ตอนนั้นแค่ตอบคำถามผมยังทำไม่ได้ ผมเลยยกมือให้เขาก่อนเดินไปทางหลังร้าน ผมนั่งพักตรงเก้าอี้สำหรับพนักงานแลัวลูบหน้าตัวเองอย่างหนัก กลิ่นของผม… ผมไปปล่อยให้กลิ่นตัวเองติดตัวใครขนาดนั้นได้ยังไง…
ผมไม่เคยทำ!
การปล่อยให้กลิ่นของตัวเองให้ติดตัวใครสักคนนั้นแสดงว่าเราต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ แสดงว่าคนคนนั้นเป็นของเรา… ว่านปราชญ์เป็นของผม…
ฉิบเถอะ! ผมแทบไม่รู้จักเด็กว่านเลย เคยคุยกันก็แทบนับครั้งได้ แล้วผมไปอยากแสดงความเป็นเจ้าของว่านปราชญ์ได้ยังไง ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แต่สายตาและท่าทางที่เด็กคนนั้นแสดงออกมา…
ผมไปใช้กำลังกับเขารึเปล่านะ…
ผมลูบหน้าตัวเองอีกรอบ ตัดสินใจเดินเข้าไปเรียกเด็กคนนั้นมาคุย ว่านปราชญ์เลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็เดินตามออกมา ผมนิ่งไปนานเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร เด็กคนนั้นทำหน้าหงุดหงิดแล้วเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“ถ้าไม่มีอะไรจะเรียกออกมาทำไมครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปทำงานแล้วนะ เสียเวลาชะมัด”
เฮ้ยๆๆ เด็กคนนี้มันไม่น่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก่อนยังแค่นิ่งๆ อยู่เลย ตอนนี้ปากนี่มัน…
ปาก… รอยแผลที่ปาก…
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ลิ้นที่มีแผลเล็กๆ ของผมวันนั้นหวนย้อนเข้ามาในหัวผม เหอะ… ไม่ผิดคนแล้วล่ะ แต่ไอ้ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของว่านปราชญ์ทำเอาผมหงุดหงิดชะมัด
“ไม่มีอะไร ขอโทษทีนะ”
ผมเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าอยากทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นก็ได้ ผมจัดให้
เด็กคนนั้นหัวเสียน่าดู ทำปากขมุบขมิบเหมือนอยากด่าผมเต็มแก่ ตางี้ขวางเชียว น่าแกล้งไม่หยอก เอาเถอะ มาดูกันว่าใครจะหลุดออกมาก่อนกันแล้วกันนะ
ว่านปราชญ์…
……………….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in