— แด่คุณคนที่เคยสบตา
จากที่เราเคยเจอกันเกือบทุกปี ลดความถี่ลง จนนี่สี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอ มันนานเกินไปจริง ๆ ช่วงนี้ก็เลยนึกถึงเป็นพิเศษ การได้แต่เฝ้ามองทุกความเป็นไปของสิ่งที่มีผลต่อจิตต่อใจ แต่ไม่สามารถไปพบหน้าได้เนี่ย เป็นความนึกถึงที่สามารถยกระดับกลายเป็นความคิดถึงได้เลยนะ รู้สึกว่าไม่ได้พบเจอกันนานมาก แต่พอนึกมานึกไป ภาพนั้นก็ยังชัดเจนเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง
โซลคือสถานที่ แต่บางทีก็คือผู้คน
สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างเราคงเป็นกาแฟขมร้อนแก้วนั้น บทสนทนาต่าง ๆ มีกาแฟเป็นตัวขับเคลื่อน บ่อยครั้งฉันใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อมาพบหน้า แค่เพียงได้นั่งดื่มกาแฟข้าง ๆ กัน คุณบอกว่ากาแฟที่คุณชอบเปลี่ยนไปทุกปี เคยชอบเมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย เดี๋ยวนี้ชอบเคนย่า และอาจจะเปลี่ยนไปชอบตัวอื่นได้อีก คุณถามฉันบ้าง ว่าฉันชอบเมล็ดตัวไหน สำหรับฉันเมล็ดตัวไหนก็ได้ทั้งนั้น ฉันชอบทุกแก้วที่คุณชง
และแน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป
แย่หน่อยที่บางครั้งเราก็ไม่สามารถพูดทุกอย่างออกไปได้อย่างที่ใจคิด
เลยทำให้ทุกอย่างมันดูยากไปหมด
คุณเคยตัดพ้อว่า ฉันกลับไทยโดยไร้คำร่ำลา ตอนนั้นฉันไม่ทันคิดว่าการจะอยู่หรือไปของฉันมันมีความหมายอะไรกับใครขนาดไหน เมื่อได้มาเยือนเกาหลีอีกครั้ง ค่ำวันหนึ่งในฤดูหนาว หลังจากนั่งดื่มกาแฟจนหมดแก้ว
“คุณคะ อีกครั้งแล้วสินะ ที่ฉันต้องโยกย้าย”
ฉันจะไม่จากไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยคำลาอีกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณจะยืนคุยอยู่กับใครอีกคน ฉันจึงได้แต่โบกมือแล้วยิ้มให้ก่อนจะผลักประตูกระจกบานหนานั้นออกมารอเพื่อนด้านนอก ละอองหิมะยังคงโปรยปราย ลมหนาวตีประทะใบหน้า ช่างเป็นวันที่เหมาะกับการร่ำลาใครบางคนเสียจริง ต่อจากนี้โลกเราก็ยังคงหมุนไปเหมือนกับทุกวัน เราต่างคนก็ต่างต้องกลับไปสู่โลกของตัวเอง แล้วเราจะได้พบกันอีกไหม ฉันไม่รู้เลย
แต่ใครจะไปคิดว่าชีวิตตัวเองจะเหมือนนางเอกซีรีส์ขนาดนี้ ชอนจีฮยอนเลยไหม ซงเฮคโย หรือแบซูจี ยังไงนะ ใครบอกว่าหนุ่มเกาหลีไม่เหมือนในซีรีส์ ฉันเถียงขาดใจเลย อย่างน้อยอนุมานจากคนรู้จักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
คุณเดินตามออกมาเรียกชื่อฉันแผ่วเบา ปลายเสียงนั้นสั่นนิด ๆ แต่แปลกที่ฉันได้ยินเสียงนั้นชัดเจนและยังดังก้องอยู่ในความทรงจำจนถึงวันนี้ ร่างสูงนั้นโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด และยิ่งชัดเจนขึ้นแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน เราสบตากันนิ่งนาน ความเศร้าสร้อยยังลอยวนอยู่ในแววตาคู่นั้น ไม่ต่างจากหัวใจของฉันเลย เรายืนมองกันอยู่แบบนั้น จนคนรอบข้างฉันพากันนิ่งงันไปหมด รวมไปถึงคนที่ยืนคุยกับคุณในร้านด้วย
“คุณมีแพลนจะกลับมาเกาหลีอีกไหม?” คุณถาม น้ำเสียงนั้นร้อนรนผิดกับสภาพอากาศอันแสนหนาวเหน็บ
“ค่ะ คงเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้เปลี่ยนสี เพราะอากาศไม่หนาวจัด”
“แล้วจะแวะมาที่ร้านผมไหม?”
เป็นคำถามที่ฉันก็รู้ว่าคุณรู้คำตอบนั้นดี เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน เราต่างใช้ชีวิตของตัวเองไป พบเจอใครมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราเฝ้ารอวันเวลาที่ผ่านไปอย่างเนิบช้า กว่าจะเวียนมาถึงฤดูใบไม้ผลิ เพื่อที่จะได้พบกันอีกครั้ง แล้วก็จากลากัน ครั้งแล้วครั้งเล่า เราบอกคิดถึงกันผ่านรูปภาพที่โพสต์ ผ่านเพลงที่เราฟัง บอกคิดถึงกันผ่านการสบตาทุกครั้งที่พบหน้า ผ่านกาแฟแก้วโปรดที่เราดื่ม แต่เรากลับไม่เคยขยับเข้าไปใกล้กันมากกว่านี้ เราต่างโหยหากันและกันอย่างเงียบ ๆ มีนัยยะซ่อนอยู่ในประโยคสนทนามากมายเต็มไปหมด แล้วสุดท้ายเราก็เก็บมันไว้ในซอกลึกที่สุดของหัวใจ จะว่าไประหว่างเราก็นับเป็นความสัมพันธ์ที่ออกจะประหลาด ไม่ขยับเข้าไปใกล้ แต่ก็ไม่ผลักไส ทิ้งระยะห่างระหว่างกันไว้ ปล่อยให้ความคิดถึงทำงานของมันไป บ่อยครั้งที่เราต่างนั่งดื่มกาแฟกับคู่สนทนาที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่ใจกลับลอยไปถึงใครอีีีีกคน ซึ่งเรารู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหน
แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแค่ไหน น่าแปลกที่เรายังมองเห็นกัน แม้ว่าใครมากมายจะมองไปที่คุณ แต่กลับเป็นฉันที่คุณมองมาเสมอ ทุกอย่างระหว่างเรามันชัดเจนมากจนคนรอบข้างรับรู้และสัมผัสได้ คงมีแต่เราทั้งคู่ที่ไม่เคยรู้หัวใจตัวเองเลย จนปล่อยให้ทุกอย่างจบลง แล้วเราต่างก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
สถานะของเราคงเป็นเหมือนเส้นขนาน ไปด้วยกันเรื่อยไปอย่างนี้ แต่ไม่มีวันบรรจบ ระยะห่างระหว่างเราก็ยังคงเท่าเดิม และเราเองก็ยินดีที่จะให้มันเป็นเช่นนั้น
เราผ่านพบก็เพียงเพื่อจากลา แล้ววันข้างหน้าเราก็อาจจะกลับมาพบกันใหม่
หรือไม่เราก็อาจจะไม่ได้พบกันอีก
ADVERTISEMENT
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in