โดยคุณยูสุเกะ ทสึรุตะ นักเขียนจากหนังสือพิมพ์โยมิอุริ
แต่งแต้มเสียงเพลงด้วยทำนองเร้าใจ ทุกท่วงทำนองของฮิเกะดันจึงราวกับท่อนฮุคเสมอ วงป๊อบเปียโนนี้จึงกวาดความสนใจจากผู้คนไปได้ ส่วน “ฮิเกะ” ในชื่อวงนั้นแปลว่าหนวด
สมาชิกของวงเครื่องดนตรีสี่ชิ้นนี้พบกันสมัยเป็นนักเรียน รวมเป็นวงชื่อว่าฮิเกะดัน ค่อย ๆ เผยความสามารถแท้จริงของพวกเขาขณะทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วญี่ปุ่น หลังจากกระแสตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ในฐานะดาวรุ่ง แต่ความรักที่มีให้การเล่นดนตรีก็ไม่เคยหายไป พวกเขาถึงขั้นยกให้มันเป็นปัจจัยหลักในการยังเล่นดนตรีอยู่
พลังที่ถูกปล่อยมาจากนักร้องและนักเปียโน ฟุจิฮาระ ซาโตชิ ทำให้บทเพลงในคอนเสิร์ตที่แปซิฟิโก โยโกฮามา ในวันที่ 11 กุมภา เข้มข้นขึ้น
นาราซากิ มาโกโตะ เปลี่ยนจากเบสที่เคยเล่นไปเล่นแซกโซโฟนแทน และเดินนวยนาดไปรอบ ๆ เวทีกับนักดนตรีคนอื่น ขณะที่มือกีตาร์ โอซาสะ ไดสุเกะ เล่นท่อนโซโล่อันน่าทึ่ง มือกลองมัตสึระ มาซากิ อีกหัวใจหลักของวงก็เข้ามาร่วมในจังหวะสนุกสนานนี้ในไม่ช้า
ด้วยพลังดนตรีที่ปะทุออกมา การแสดงของพวกเขาต่างจากภาพพจน์ของวงป๊อบเปียโนทั่วไป
ด้วยเพลงฮิตเช่น “Pretender” หรือ “Shukumei” (โชคชะตา) ได้ทำให้ชาร์ตของวงอยู่ในอันดับสูงลิ่วของแอพสตรีมเพลง เช่นเดียวกับอัลบั้ม “Traveler” ที่เกาะชาร์ตอย่างเหนียวแน่นแม้จะปล่อยมานานกว่า 10 เดือนแล้ว แถมวงนี้ยังได้ขึ้นแสดงในงานขาวแดงส่งท้ายปีเก่าของ NHK อีกด้วย
“ผมว่าการที่เราค่อย ๆ ได้ฝึกทักษะในการรวมวงทีละนิดเป็นตัวช่วยสำคัญของเราเลยครับ” มัตสึอุระกล่าว
หลังจากก่อตั้งวงในภูมิภาคซานิน สมาชิกวงก็ทุ่มเทตัวเองกับการเขียนเพลง และแสดงคอนเสิร์ตในหลายเมืองช่วงวันหยุดขณะที่ทำงานอยู่ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะพวกเขาเลือกที่จะทำเพลงเงียบ ๆ แต่ด้วยความพยายามอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จึงมายืนในจุดนี้ได้ พวกเขาเป็นประเภทที่ปั้นดนตรีด้วยตัวเขาเองมาตลอด
ต้นกำเนิดของวงมาจากชมรมเพลงสบาย ๆ ในเขตชิมาเนะที่สมาชิก 3 ใน 4 คน เรียนมหาวิทยาลัยที่นั่น ซาโตชิ (ฟุจิฮาระ) เข้าร่วมในตอนที่นาราซากิเป็นรุ่นพี่
ซาโตชิ (ฟุจิฮาระ) เป็นเทพสุดยอด ไม่ใช่แค่เล่นกลองได้ดี แต่ก็เล่นเปียโนและคีย์บอร์ดได้ด้วยเช่นกัน ตอนนั้นผมก็คิดว่า “ในวงเรามีคนระดับตำนานแล้วล่ะ” นาราซากิระลึกความหลัง
ในทางกลับกัน เขาเองก็จำได้ว่าฟุจิฮาระมีมนุษย์สัมพันธ์ดีและมีเสน่ห์มากแค่ไหน “ตอนนั้นน่ะ ผมก็คิดตลอดเลยว่าผมต้องรักษาภาพพจน์รุ่นพี่สุดเท่ต่อหน้าน้อง ๆ แต่ถึงผมจะคิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้น เขาก็เดินมาหาผมง่าย ๆ และก็พูดว่า มาทำวงกันเถอะ ผมชอบดนตรีของนายจริง ๆ”
มัตสึอุระที่เป็นรุ่นพี่ฟุจิฮาระปีนึงได้เข้ามาเป็นมือกลอง และสามคนนี้ก็รวมเป็นวงเล่นดนตรีโคฟเวอร์วงชื่อดังเช่น Earth Wind & Fire, TOTO และ Denki Groove นี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ฟุจิฮาระยังทำวงโคฟเวอร์พร้อมกับมือกีตาร์โอซาสะ ที่เจอกันในร้านขายเครื่องดนตรีสมัยมัธยม การที่เขาเล่นเพลงได้หลากหลายแนวกลายเป็นแต้มต่อที่ดีสำหรับวงของเขา เขากล่าวไว้
“ไม่เคยมองว่ามันเป็นอะไรที่ยากเลยนะครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังอยากทำวงโคฟเวอร์อยู่” ฟุจิฮาระพูด
เมื่อฟุจิฮาระเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม เขาเรียกรุ่นน้องอย่างมัตสึอุระ รุ่นพี่นาราซากิที่จบไปแล้ว กับโอซาสะที่เรียนวิทยาลัยเทคนิคอยู่ในขณะนั้นมาทำวง และเริ่มทำเพลงของตัวเอง ทำให้จุดกำเนิดของ Official Hige Dandism คือปี 2012
“การทำวงไม่ใช่แค่เล่นดนตรีเก่ง หากไม่สามารถคงความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมวงได้ยังไงก็ไปไม่รอด ผมรู้สึกว่าเราจะทำเพลงที่เราพอใจโดยสมบูรณ์ไม่ได้หากไม่ได้ออกนอกรั้วมหาลัย” ฟุจิฮาระพูด
อย่างไรก็ตาม ในการเล่นรวมวงพร้อมสมาชิก 4 คนครั้งแรก พวกเขา “เล่นกันอย่างห่วยแตก” นาราซากิย้อนอดีตให้ฟัง ขณะที่โอซาสะให้คำจำกัดความว่ามันคือ “หายนะโดยสมบูรณ์แบบ” และฟุจิฮาระก็รู้สึกว่า ”การทำวงกับพวกนี้คงเป็นการตัดสินใจที่ผิด”
ความประทับใจแรกไม่มี แถมฟรีหายนะ แต่ทำไมไม่จบแค่นั้นล่ะ?
“ซาโตชิเป็นนักแต่งเพลงที่เยี่ยมยอด” นาราซากิพูด
“เพลงมันเร้าอารมณ์สุด ๆ” มัตสึอุระชม
“เพลงเขามันน่าเหลือเชื่อ” โอซาสะกล่าว
ถึงแม้ทั้งสามจะชมทักษะการแต่งเพลงของฟุจิฮาระ ฟุจิฮาระก็เผยว่า “จริง ๆ พวกเขาบอกผมว่าเพลงมันไม่ได้ดีขนาดนั้น ตอนเราคิดว่าบางอย่างมันแย่ เราก็จะบอกอีกฝ่ายตรง ๆ ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องปรับส่วนที่ไม่เข้าท่านั้นยังไง”
ความหลงใหลและความทุ่มเทที่พวกเขามีให้ต่อดนตรีคงที่มาตลอด
“ผมภูมิใจถ้าจะได้บอกกับตัวผมในอดีตว่าตาถึงจริง ๆ ที่ชวนพวกเขามาทำวง” ฟุจิฮาระพูด
ในตอนนั้นนาราซากิตั้งใจว่าจะเป็น “วงที่ผู้ชมดูอย่างมีความสุขที่สุดในจังหวัดชิมาเนะ”
เมื่อเป้าหมายนั้นสำเร็จแล้ว ปลายทางของพวกเขายังอยู่อีกไกล
ในตอนนี้ Official Hige Dandism ได้ข้ามผ่านเขตจังหวัด และความนิยมในตัวเพลงพวกเขาก็กระจายไปทั่วญี่ปุ่น
“เราก็เป็นตัวเอง ไม่เห็นต้องไปปากหวานใส่ใครหรือทำตัวแบบที่ไม่ใช่เรา”
“เพราะเราเชื่อว่าเราเป็นตัวเอง และตัวเราเองดีที่สุดแล้ว”
นี่เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเพลงเพลงใหม่ “Hello” ที่ทรงพลังและสามารถเรียกได้ว่าเป็นเพลงบัลลาดผจญภัยได้อย่างเต็มปาก เป็นหนึ่งใน 4 เพลงของอัลบั้ม Hello EP ภายใต้ต้นสังกัด Pony Canyon
“เมื่อเจอคนใหม่ ๆ ชีวิตเราก็เปลี่ยนแปลงเสมอ พวกเราทั้งสี่คน สต๊าฟ แฟนคลับ เราจะพยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และอยู่ข้างกันตลอดไป” ฟุจิฮาระกล่าว และเสริมว่าขณะคิดไอเดียแต่งเพลงนี้ ก็ได้ใช้เครื่อง Synthesizer ด้วยนิดหน่อย “ถึงจะเรียกตัวเองว่าเป็นวงป๊อบเปียโน แต่เพลงนี้ก็แทบไม่ได้ยินเสียงเปียโนเลย”
เพลงนี้เป็นเพลงแห่งความทะเยอทะยานที่อธิบายความโด่งดังของวงอย่างง่ายดาย
จากที่โอซาสะพูดไว้ เพลงพวกนี้ถูกทำขึ้นก่อนที่วงจะมาโตเกียวในปี 2016 ด้วยซ้ำ
“มันเป็นเพลงแนว ๆ ที่ปลุกความเป็นวงร็อคแอนด์โรลกลางเวทีคอนเสิร์ต” เขากล่าว “บางทีเราได้แสดงดนตรีที่ดีถึงแม้จะทำเพลงแบบนี้”
“Parabola” และ “Laughter” ซึ่งเป็นเพลงใน “Hello EP” ก็เป็นเพลงป๊อบที่สนุกสนาน สามารถปล่อยเป็นเพลงแยกได้ด้วยซ้ำ
“ซาโตชิมีเพลงดี ๆ ในคลังเขาเยอะแยะ นาราซากิพูด ”พวกเราเลยไม่เคยรู้สึกเสียดายที่จะเอาเพลงเหล่านี้มาใช้”
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการสนับสนุนฮิเกะดันด้วยนะคะ สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่
FB: https://www.facebook.com/higedanth/
Twitter: @HigedanTh
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in