ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่แน่ใจที่ไม่ว่าเขาจะหันไปข้างกายสักกี่ครั้งก็มักจะเจอกับองซองอูอยู่เสมอ
เป็นแบบนั้นทุกครั้งไม่ว่าจะในวันหยุด ช่วงเวลาหลังจากเลิกเรียน วันที่เหงาแทบบ้า หรือว่าวันที่ข้างกายไม่มีใคร ทุกครั้งที่หันไปมองข้างๆซองอูก็มักจะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งแล้วดุเขาอย่างไม่จริงจังนักเพราะข้อความที่ส่งไปเรียกให้ออกมาอยู่ด้วยกันอย่างกะทันหันบ่อยๆ
คังแดเนียลไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าอะไรด้วยซ้ำ เหมือนว่าจะเป็นเพื่อน แต่ว่าบางครั้งก็เหมือนจะมากกว่านั้น เขาไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์ทางกายชั่วครั้งชั่วคราวแต่กำลังพูดถึงความรู้สึกที่อยู่ในสายตาของตัวเอง
สายตาที่เปลี่ยนไปในระยะหลังมานี้
เขาคิดว่าตัวเองเคยมององซองอูด้วยสายตาแห่งความชื่นชม เชื่อมั่น และไว้ใจ เป็นเหมือนแบบทั่วๆ ไปที่เพื่อนสนิทมักจะมองกันจนกระทั่งวันหนึ่งในร้านกาแฟเล็กๆ ที่ชอบไปด้วยกัน โทรศัพท์ที่ยกขึ้นมาถ่ายรูปคู่ของซองอูสะท้อนให้เขาเห็นสายตาของตัวเองที่มองไปยังอีกคน
ไม่ใช่สายตาแบบเพื่อน
แต่ก็ไม่ใช่สายตาสำหรับคนรัก
แดเนียลไม่แน่ใจว่านั่นควรจะถูกตีความออกมาในรูปแบบไหน เขารู้แต่ว่าตัวเองเริ่มจะขยับออกห่างซองอูมากขึ้นอีกหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้เผลอใจไปกับอะไรก็ตามที่อาจจะเกิด แต่อีกฝ่ายที่ทำตัวเหมือนเดิมกลับทำให้คิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าจะปล่อยตัวเองให้ไปตามความรู้สึกที่ไม่มีทางเกินเลย
ซองอูก็คือเพื่อนสนิท
เขาคิดแบบนั้น
จนกระทั่งวันนี้ที่นั่งอยู่บนชิงช้าในสนามเด็กเล่นใกล้หอพักด้วยกันยามค่ำคืนหลังกลับจากปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างกลุ่มเพื่อน แสงไฟจากเสาข้างทางไม่มากเพียงพอที่จะกลบดวงดาวที่ส่องประกายอยู่บนฟากฟ้าในคืนวันสิ้นปีได้ เขาเห็นกลุ่มดาวมากมายสะท้อนอยู่ในดวงตาของซองอูเหมือนเป็นบ่อเกิดของดวงดาวทั้งจักรวาล สวยงามจนแทบลืมหายใจ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นเร็วตอนที่มองไปที่อีกคน
"วันนี้ดาวเยอะดีเนอะ"องซองอูพูดออกมาแบบนั้นโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากท้องฟ้า ขนตายาวๆ ของอีกฝ่ายปัดลงบนแก้มตอนกะพริบตา "แต่ฉันดูดาวไม่เป็นเลยน่ะสิ"
แดเนียลรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะพูดอะไรบางอย่างอะไรสักอย่างที่น่าประทับใจ ถึงแม้มันจะดูไม่เป็นตัวเองเลยสักนิดกับการพยายามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสนใจเขาขึ้นมา
มันไม่ใช่ความรัก คังแดเนียลก็แค่รู้สึกหวั่นไหวในคืนวันสิ้นปีที่พร่างด้วยแสงดาวเท่านั้น
ทั้งที่พยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่เมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวไปหมดตอนที่ซองอูหันมาสบตาเขาในระยะใกล้
"ผมรู้จักอยู่ดาวนึงนะนายพรานไง" ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้าให้อีกคนมองตามขึ้นไป หางตาเหลือบเห็นอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะกลายเป็นปมแล้วพยายามมองตาม
"ดวงไหน"
"กลุ่มดาวที่มีดาวสามจุดเรียงกันอยู่ตรงกลาง"
ซองอูนิ่งไปดูเหมือนจะกำลังเพ่งสายตามองหากลุ่มดาว ก่อนจะขยับพรวดพราดเข้ามาประชิดตัวเขาจนได้ยินเสียงโซ่ขยับเอี๊ยดอ๊าดของชิงช้าที่ถูกดึง
ไออุ่นจากตัวของอีกฝ่ายแผ่มาจนเขารู้สึกได้ ใบหน้าของอีกคนก็อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบจนเขาได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองตรงๆ องซองอูเบียดเข้ามาหาเขาจนไหล่ซ้อนกัน ดวงตาคู่นั้นพยายามมองตามปลายนิ้วที่ชี้ค้างขึ้นไปบนฟ้าของเขาด้วยมุมเดียวกับที่เขากำลังมอง
มุมเดียวกันที่หมายความว่าเกือบจะเอาคางขึ้นมาเกยบนไหล่ของเขาแล้ว
เป็นครั้งแรกที่แดเนียลรู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าวด้วยการใกล้ชิดกันระหว่างตัวเองกับเพื่อนสนิท
เพื่อนสนิทที่เหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำให้สติของเขาเตลิดไปไกล
ลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารดที่แก้มตอนพูดออกมา "เหมือนจะเห็นแล้ว ที่มีกรอบเหลี่ยมๆ ล้อมรอบใช่มั้ย"
แดเนียลพยักหน้า ดวงตาสะท้อนภาพของซองอูที่ยิ้มออกมาอย่างดีใจเหมือนเด็กๆ
"ฉันรู้จักดาวขึ้นมาอีกหนึ่งแล้วสินะ ขอบคุณนะคังแดเนียล" พูดจบแล้วก็หัวเราะพอใจจนเขาสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา บางทีอีกฝ่ายก็เป็นคนที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
ซองอูไม่ได้ขยับออกห่างจากเขาเท่าไหร่ตอนที่นาฬิกาข้อมือดิจิตอลส่งเสียงร้องบอกเวลาเที่ยงคืนทำลายความเงียบจนเขาสะดุ้ง คนข้างๆ หัวเราะคิกคักกับท่าทางตกใจง่ายของเขา อีกครั้งที่สายตาสบกันภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
อีกครั้งที่หัวใจของเขาเต้นแรง
เคยมีการทำวิจัยบ้างหรือเปล่านะว่าดวงดาวในคืนวันสิ้นปีส่งผลต่อความรู้สึกของคนเรามากแค่ไหน เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ตัวเองรู้สึกถึงผีเสื้อที่บินวนในท้องเวลาอยู่ใกล้กับองซองอูด้วยซ้ำ
ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบตอนที่อีกฝ่ายยิ้มออกมาแล้วยกมือขึ้นเขี่ยเส้นผมที่ปรกลงบนดวงตาไปจากใบหน้าของเขา
"สวัสดีปีใหม่นะแดเนียล ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของนาย"
เขาได้แต่นิ่ง อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามือไม้ที่มีอยู่ช่างเกะกะจนไม่รู้ว่าควรเอาไปวางไว้ตรงไหน เริ่มทำตัวไม่ถูกตอนที่สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างของซองอูมองมาที่เขา สายตาที่ปกติดูแพรวพราวและขี้เล่นแต่ในตอนนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความจริงจังและสงบนิ่ง
เวลาที่สบตากันท่ามกลางความเงียบงันของกลางคืนดูยาวนาน แดเนียลกลืนน้ำลายลงลำคอที่แห้งผากแล้วหยิบความกล้าทั้งหมดที่มีมารวบรวมในการพูดออกไป
พูดคำง่ายๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องยากเมื่ออยู่ใกล้กัน
"สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้ปีนี้เจอแต่เรื่องดีๆ นะ" เขาหลบสายตาคู่นั้นแล้วหัวเราะออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นเกี่ยวเส้นผมทัดที่หลังหูแก้เก้อ
ซองอูเองก็หัวเราะอยู่เหมือนกันตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง
"นายหูแดงไปหมดแล้ว อากาศหนาวมากหรือไงกันนะ" อีกฝ่ายยังคงหัวเราะอยู่ตอนที่ถีบตัวขึ้นจากพื้นมายืนตรง ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ มาหยุดตรงหน้าเขาพร้อมกับยื่นมือมาให้ "เข้าไปในห้องกันเถอะเดี๋ยวไม่สบายเอา"
แดเนียลได้แต่หัวเราะ หัวเราะเหมือนที่เขาเคยทำมาตลอดแม้ว่าจะมีหลายเรื่องในใจที่ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้
เขาคว้ามือของซองอูเอาไว้แล้วเด้งตัวลุกขึ้นจากชิงช้า ปล่อยร่างกายให้ถูกอีกคนดึงไปตามทางของถนนเพื่อกลับไปยังห้องพัก แผ่นหลังของคนตรงหน้าที่เคยมองด้วยความรู้สึกแบบเดิมในทุกวันในตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอยู่สักหน่อย
มันอาจจะเป็นอิทธิพลของคืนวันสิ้นปีกับดาวดวงที่พร่างเต็มฟ้าก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะคืนวันเริ่มต้นของปีใหม่กับดวงดาวที่ส่องประกายที่ทำให้เป็นเรื่องยากในการเก็บความรู้สึกที่มี
คังแดเนียลไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน
บางทีวันพรุ่งนี้เขาอาจจะมองซองอูด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจริงๆ ก็ได้ อย่างที่มีคนบอกว่าให้เริ่มปีใหม่ด้วยการยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
เขาน่ะ จริงๆแล้วกำลังคิดแบบไหนอยู่กันแน่นะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in