ภายใต้แสงจันทร์กลางดึกผมและกราเช่ออกมาที่พิพิธภัณฑ์อีกรอบ
มั่นใจว่าตอนนี้คงไม่มีใครมาที่นี่อีกแล้วล่ะ นอกจากลุงยามแก่ ๆ คนนึงที่ผมต้องคอยหลบเขาสักหน่อย
ในตอนที่ผมกำลังเข้าไปเอากระดูกซี่โครงของกราเช่ออกมาจากพิพิธภัณฑ์นั้น
มันมีหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน มีทั้งความกลัว ความเครียด กังวล หวาดระแวง และตื่นเต้น แต่ผมว่ามันก็สนุกดีนะเหมือนผมกำลังอยู่ในเกมเลย
…และในที่สุดภารกิจของเราก็สำเร็จ
ขั้นต่อไปคือการเอามีดอาคมนั่นออกจากกระดูกซี่โครงของเขา
เพื่อถอนคำสาปปลดปล่อยวิญญาณของกราเช่ให้ได้ไปสู่สุคติสักที
ผมที่กำลังจะเอามีดเล่มนั้นออกจากกระดูกซี่โครงของเขาให้ อยู่ ๆ เขาก็ค้านผมขึ้นมา
“นี่เจ้าเด็ก… เดี๋ยวก่อน”
“ครับ ?”
ผมงงไปหมด ไหนว่าเขาอยากจะไปเกิดไม่ใช่เหรอ ผมเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยนั่นอีกแล้ว
“มันจะเป็นอะไรไหม ถ้าข้าจะขออยู่กับเจ้าต่ออีกสักช่วงนึงก่อนจะไป ข้าอยู่กับเจ้าแล้วสนุกดี บอกตรง ๆ ว่าข้ารู้สึกผูกพันกับเจ้าไปแล้ว ข้าอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งห้าหมื่นปี เหงาอยู่ในขวดโหลรูหนูนี่มาตลอด มันก็จะเศร้าหน่อยที่ต้องจากไปเฉย ๆ ตอนนี้น่ะ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา เพียงแค่พยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณว่ารับรู้แล้วเท่านั้น
ผมคงไม่ถือสาอะไรหรอก ถ้าเขาจะไม่ได้มาอยู่ด้วยตลอดไปก็โอเค อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์พันลึกอะไรแบบนี้ คงไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อย ๆ
:
.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in