ไม่รู้ทำไม ช่วงไหนที่จิตใจเปราะบางจะนึกถึงเจ้าจิ๋วทุกที
เจอกัน ออดอ้อน ลูบหัว งิ้งๆ
ความสัมพันธ์ของฉันและลูกแมวตัวนั้นมีอยู่เท่านี้
พอแวะโชห่วยก็เลยซื้อทาโร่ติดมือมาด้วย คิดว่าจิ๋วคงกินได้
แต่วันนั้นเราไม่เจอกัน ฉันก็เลยเก็บไว้ค่อยเอามาให้คราวหน้า
ที่จริงพอวันถัดมาที่เราเจอกัน ฉันก็ดันลืมหยิบมันออกมาด้วย
วันนั้นฉันไม่สบายด้วยโรคประหลาดประจำตัวอีกครั้ง
ทั้งร้อนและทั้งหนาว ใส่เสื้อแขนยาวแต่ใส่กางเกงขาสั้น (พอนึกขึ้นมาได้แล้วก็สงสัยว่ากางเกงตัวนั้นหายไปไหนแล้วนะ ตัวโปรดด้วย)
กินพาราแล้วนอนรอให้อาการหายไป ก่อนจะตื่นมาเดินทางกลับบ้านด้วยกายหยาบของตัวเอง
พี่สาวขับรถมารับที่สถานีปลายทาง แล้วเราก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน
ที่จริงไม่ได้กะว่าจะมาโรงพยาบาลทั้งสภาพแบบนี้เลยหรอกนะ
แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ขากลับเป็นทางผ่านและทุกคนก็อยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว
พอเข้าไปในห้องผู้ป่วย ฉันจึงรีบเดินไปใกล้เตียงให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นว่าฉันใส่ขาสั้นอยู่
— เขาไม่เคยชอบให้หลานผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นเลย และเท่าที่จำความได้ ตั้งแต่รับรู้เรื่องนี้ฉันก็เลี่ยงการใส่ขาสั้นไปเจอเขาเสมอ แต่ก็อย่างที่บอกครั้งนี้มันค่อนข้างกระทันหัน
วันนั้นเขาค่อนข้างแสดงความกังวลออกมาเรื่องอาการของตัวเอง แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เราเรียกพยาบาลมาดูแต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลไปมากกว่าปกติ ราวกับว่าอีกสักนิดก็คงได้กลับบ้าน
ฉันกลับไปที่เดิมอีกครั้ง แต่เจ้าจิ๋วไม่อยู่ที่นั่นอีกแล้ว
ไม่แน่ใจ(ที่จริงก็ไม่มีทางรู้ได้เลยต่างหาก)ว่ามันหายไปไหน
ช่วงนั้นเป็นหน้าฝน หวังว่ามันจะไม่ต้องหนาวสั่นอยู่ข้างนอกคนเดียว
ทาโร่ที่ยังไม่ได้แกะวางอยู่บนโต๊ะที่เดิม—พอมาคิดดูดีๆแล้ว มันน่าจะยังไม่หย่านมด้วยซ้ำ จะเอาทาโร่ไปให้มันกินได้ไง
ฉันคงทำพลาดเหมือนเดิมอีกแล้ว
ช่วงเวลาราวสองเดือนที่เหลือของฉันกับพื้นที่ตรงนั้นมันว่างเปล่ามากๆ
ทำทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
ในหัวมีแต่ภาพตัวเองวิ่งแล้ววิ่งอีก วิ่งสุดแรงเกิด วิ่งจนกว่าจะหมดแรง
คงเป็นฤดูฝนที่รั้งฉันเอาไว้ ไม่ให้ภาพในหัวเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง
ก็ฉันไม่ได้อยากหนาวสั่นอยู่ข้างนอกคนเดียวนี่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in