นานแล้วที่เราไม่ได้อ่านหนังสือของนักเขียนไทยจนเมื่อมาเจอร้านหนังสือที่มีพ่อค้าน่ารักอย่างร้าน
มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้เราได้พบเจอกับความสวยงามของเนื้อเรื่องเหมือนอย่างที่มนุษย์ตัวน้อยควอน โช ชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ เธอได้บังเอิญพบกับความงดงามราวรูปปั้นกรีกอย่างเบลล่าโบเทวทูตผู้มีปีนสีดำ ผู้ที่พยายามจะเรียนรู้ความหมายลึกซึ้งของการเป็นมนุษย์จากสิ่งนึกคิดของมนุษย์ผ่านควอนโชในวัยเด็กแสนสดใสและวัยเติบโตแสนมืดหม่น
......
“รูปร่างที่มนุษย์มองเห็นข้าพเจ้าจะเป็นตามที่พวกเขาอยากเห็น”
......
นี่คือหน้าแรกของบทนำที่กำลังอธิบายถึงความเป็น Non-Binary
และนั่นก็คือความซึมเศร้าที่ควอนโชต้องประสบในตอนโตอันเป็นผลมาจากความคาดหวังของสังคมที่พยายามละทิ้งพื้นที่ของคนที่ไม่เข้าพวกหรือคนที่แตกต่างออกไปหนังสือไม่ได้เปิดเผยตรงๆว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ควอน โชต้องวนเวียนอยู่กับความโศกเศร้าจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนขนมหวานทุตตีฟรุตตีของโปรดขึ้นหิ้งชวนให้มีความสุขในวัยเด็กเป็นบุหรี่และขวดยาเพื่อเยียวยาความหม่นหมองในวัยโตนักอ่านอย่างเราสามารถค้นพบคำตอบที่คลุมเครือได้อย่างหลากหลายไม่จำกัดผ่านคำบรรยายและคำถามที่นำมาสู่การสนทนากันระหว่างของทั้งคู่ได้
“มนุษย์ตัดสินความถนัดที่มีด้วยตัวอักษรหรอกหรือ...ประหลาดดีที่มีตัวอักษรอยู่แค่นั้น
แค่ห้าตัว อีกทั้งรายชื่อวิชาก็มีแค่สิบกว่าๆเพียงแค่นั้นจะพอได้อย่างไร
ในเมื่อมนุษย์มีมากกว่าดวงดาวและหลากหลายกว่าพันธุ์ไม้ข้าพเจ้าไม่เข้าใจความแปลกประหลาดนี่เลย”
......
สำหรับเรา ควอน โชคือตัวแทนของ “คนนอก”เต็มไปด้วยบาดแผลลึกในจิตใจอีกคนที่พยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มีชีวิตอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ไร้เหตุผลที่เกิดขึ้นของโลกใบนี้ยิ่งฝืนทนเท่าไหร่ก็ยิ่งดิ่งลงเหว่มากเท่านั้น ในขณะเดียวกัน เบลล่าโบคือผู้ที่เข้ามาเยียวยา ให้ความหมายและเรียกคุณค่าของควอน โชกลับคืนมา
เราชอบตัวละครเทวทูตมากๆเราว่าเบลล่าโบเป็นคนที่ล่วงรู้ถึงความเป็นมนุษย์จริงๆแม้ในตอนแรกๆเธอจะสงสัยการกระทำของมนุษย์ก็ตามการบอกเล่าของเบลล่า โบ เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อเสียของมนุษย์ที่อยากจะได้ในสิ่งที่อยากได้อยากจะเห็นแค่ในสิ่งที่อยากเห็น สิ่งเหล่านั้นทำให้มนุษย์ต่างโลภ เปราะบาง ผิดหวังเราได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของตัวเราเอง ตัวเราที่ถูกเคลื่อนไหวให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ลืมหูลืมตาถ้าเปรียบดั่งความคิดเจ้าแมวขนสีส้มผู้เป็นดั่งนักปรัชญาในเรื่องก็คือ ใช้ชีวิตเหมือนจะวิ่งไปอยู่ในโลงศพเร็วๆนั่นเองแต่ขณะเดียวกันนี้เอง เทวทูตอย่างเบลล่าโบกลับชื่นชมและมองเห็นคุณค่าความดีงามของมนุษย์ได้ลึกซึ้งมากกว่าที่สายตาของมนุษย์ด้วยกันเองจะมองเห็นมันเสียอีก
......
“มันน่าอัศจรรย์ที่แม้จะมีอายุขัยสั้นเพียงแค่นั้น
ก็ยังสามารถสร้างสิ่งที่คงอยู่มาตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นของข้าพเจ้าได้”
......
Beau is Non-Binary ofEverything จึงเป็นหนังสือที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดของมนุษย์ได้อย่างสวยงามทั้งภาษาสำนวนเปรียบเสมือนบทกวีที่ทำให้เราต้องค่อยๆอ่านอย่างละเมียด เพราะทุกการสนทนาทุกการบรรยายมักมีความหมายที่หลากหลายให้เราได้ตีความอย่างลึกซึ้งเราว่านี่คือความเป็นNon-binary ที่คุณนักเขียนต้องการให้นักอ่านทั้งหลายได้เข้ามาสัมผัสเพื่อเรียนรู้เพื่อเข้าใจ เพื่อให้พื้นที่ถึงนิยามของคำๆนี้ ส่งต่อให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับมนุษย์โลกด้วยหัวใจที่เบิกกว้างไร้ขีดจำกัด
“เพื่อสวนดอกไม้ที่กว้างขวางมากพอสำหรับดอกไม้อันหลากหลายเพื่อให้ความโดดเดี่ยวถูกโอบกอด เพื่อให้การปล่อยทิ้งถูกไขว่คว้าขอให้เธอมีแมวสีส้ม มีเบลล่า โบ และทุตตีฟรุตตีในกระเป๋าอยู่เสมอ...”
“เมื่อตัวเล็กนั้นเปี่ยมล้นด้วยความฝันแต่เมื่อเติบโตขึ้นมนุษย์บางคนกลับเรียกร้องความตายราวกับเห็นว่าการดับสูญนั้นเป็นวันหยุดกลางฤดูร้อนราวกับสุสานคือชายหาดและป้ายสลักคือโขดหินกลางทะเลเงียบสงบบางทีความหนักหนาที่เผชิญอยู่อย่างไม่เว้นแต่ละวันอาจทำให้พวกเขาใฝ่หาวันหยุดที่ลมหายใจหยิบยื่นให้ไม่ได้...”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in