เราเริ่มอ่านหนังสือเพื่อการสอบแพทอย่างจริงจังช่วงประมาณปิดเทอมขึ้นม.6 ค่ะ แต่เนื่องจากเราอยู่สายศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ทำให้เราได้เรียนญี่ปุ่นตั้งแต่ม.4-6 จริงๆเราเรียนตั้งแต่ม.1 ตอนนั้นเป็นชมรม ให้เลือก แต่ก็ไม่นับดีกว่า เพราะเรียนไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว55555 ตอนนั้นมีแค่เซนเซย์สอนค่ะ ญี่ปุ่นล้วน งงเลย 3ปีไม่มีความหมาย T-T
เราเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะตอนนั้นชอบดูอนิเมะค่ะ ความฝันสูงสุดคือดูรู้เรื่องโดยไม่มีซับได้ จนประมาณม.2ได้รู้จักกับAKB48ค่ะ กลายเป็นว่าตกหลุมรักทั้งเพลง ทั้งไอดอล ทั้งวัฒนธรรมต่างๆของประเทศญี่ปุ่น เลยรู้สึกว่าชอบขนาดนี้ต้องจริงจังกับมันแล้วแหละ การเรียนโดยมีไอดอลเป็นแรงผลักดันนี่มันมีพลังมากนะคะ พูดเป็นเล่นไป ฮ่าๆ
หนังสือ
ในการเตรียมตัวสอบแพทญี่ปุ่นเราอ่านไปพร้อมกับสอบN4นะคะ เราเริ่มอ่านหนังสือประมาณเดือนเมษายน สอบN4ประมาณเดือนกรกฏาคมค่ะ ส่วนใหญ่เราอ่านด้วยตัวเองบวกกับดูรายการญี่ปุ่นของวงที่ชอบแล้วก็ตั้งใจเรียนในห้อง ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลย แต่ก็ดูคลิปสอนในยูทูปบ้างค่ะ 5555 มันสะดวกแถมฟรีด้วย เวลาไม่เข้าใจเรื่องไหนและอยากได้คนอธิบายก็พึ่งกูเกิ้ลกับยูทูปนี่แหละค่ะ
เราคิดว่าถ้าจะสอบแพทญี่ปุ่นควรเรียน/อ่านอะกิโกะจบทั้ง6เล่มแบบจำไวยากรณ์และการผันแม่นนะคะ เพราะมันสำคัญมาก รวมทั้งเราจะได้ศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือพบเห็นบ่อยๆในข้อสอบด้วย
หนังสือเพิ่มเติมที่เราอ่านนอกจากแบบเรียนอะกิโกะคือ
1.คันจิสอบวัดระดับ N1-N5 6,900คำ ของ ผศ.สุเทพ น้อมสวัสดิ์ ราคา250
เราจะท่องคันจิของN5ไปจนN4 สำหรับการจำคันจิของเราคือ คัดค่ะ คัดวนไป5555 ยังไม่เจอวิธีไหนที่จะจำได้ดีกว่านี้ ลองไปถามเพื่อนที่เรียนจีนเค้าก็บอกว่าคัดนั่นแหละ จนกว่าจะจำได้ เราคิดว่าการเรียนคันจิมันไม่มีวิธีลัด ต้องใช้ความพยายามคัดให้มันคุ้นตาให้มันชินมือ ตอนแรกๆอาจจะน่าเบื่อนะคะ แต่พอคัดไปเรื่อยๆจนชินมันก็สนุกขึ้นมานิดนึง ฝึกสมาธิดีด้วย เวลาจำคันจิแล้วบังเอิญเจอที่อื่นมันจะแบบ เห้ยตัวนี้เคยท่องมาแล้ว จำได้ (แต่มันอ่านว่าไรนะ...) เราเรียกว่าเป็นเมจิคเวลาท่องศัพท์เลยค่ะ ทำให้อยากอ่านอีก เวลาบังเอิญเจอแล้วจำได้มันรู้สึกดีมากเลยนะ :- )
2.200รูปประโยคภาษาญี่ปุ่น N4-N5 ราคา260
เล่มนี้ช่วยได้ดีมากกก ในส่วนของไวยากรณ์ มีตัวเลขกำกับไว้ว่าตัวนี้คือไวยากรณ์ในระดับN4นะ ตัวนี้ของN5 ประมาณนี้ และมีแบบทดสอบเล็กน้อยในแต่ละบทด้วย จัดเป็นหมวดหมู่ อ่านง่าย ตัวอย่างก็เข้าใจง่าย แนะนำเลยค่ะ
3.พจนานุกรมญี่ปุ่น-ไทย ราคา199
บอกเลยว่าพจนานุกรมนี่แหละเป็นแหล่งรวมคำศัพท์มากที่สุดแล้ว (จริงๆนะ) เล่มนี้มีตัวอย่างการใช้ศัพท์ในบางคำด้วย เราชอบหยิบมาเปิดอ่านเวลาว่างๆ ดูจากสภาพก็พอรู้ว่าผ่านอะไรมามากมาย55555 อ่านแล้วก็ใช้ไฮไลต์ขีดบางคำที่เจอบ่อยๆหรือบางคำที่เราคิดว่ามันน่าสนใจ มันต้องได้เจอกันในข้อสอบซักคำแหละ!
4.TRY N3 ราคา265
เล่มนี้เราซื้อมาอ่านหลังสุด ตอนที่สอบN4ผ่านแล้ว (ด้วยคะแนนแบบเฉียดฉิว) เนื่องจากมันยังพอมีเวลาเลยอยากหามาอ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เล่มนี้มีทั้งบทอ่าน อธิบายไวยากรณ์จากบทอ่าน มีข้อสอบให้ทำท้ายบททั้งจับคู่ เติมคำ พาร์ทดาวแบบในแพทญี่ปุ่นก็มี ตรงนี้เราชอบมากเพราะเราอ่อนพาร์ทนี้มาก ตอนแรกทำไม่เป็นเลย วงมั่ว5555ไม่รู้มันคืออะไร มารู้ว่ามันก็คือการเรียงประโยคนั่นแหละ เราต้องหาประธาน กริยา กรรม ดูว่าไวยากรณ์ที่ให้มามันควรไปต่อตรงไหน เอาคำช่วยตัวนี้ไปต่อตรงไหน เอาadjนี้ไปขยายตัวไหน ลองฝึกทำไปเรื่อยๆพอเราจับทางได้จะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น
แนวการเตรียมตัว
เราชอบเขียนสรุปค่ะ สำหรับเรานั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะเราจะได้อ่านทบทวนซ้ำในแบบที่ตัวเองเข้าใจด้วย เวลาอ่านหนังสือเราก็จะมีสมุดโน๊ตเล่มเล็กๆไว้สรุปไวยากรณ์แต่ละตัวพร้อมยกตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่เราเข้าใจได้ เวลาไปเรียนก็พกไปด้วย เผื่อว่ามีเวลาว่างไม่อยากเล่นมือถือก็หยิบมาอ่านทบทวนค่ะ
ในส่วนของความรู้รอบตัวนั้นกว่าครึ่งนึงของสมองเราได้มาจากรายการไอดอลที่ดูค่ะ55555 เวลาเค้าแข่งตอบคำถามกันในรายการ เด็กฝึกภาษาอย่างเราเนี่ยแหละได้ประโยชน์ไปด้วย แต่เราก็หาพวกวันสำคัญไว้นะคะ จำตั้งแต่วันหยุดสำคัญ ฤดูต่างๆว่าฤดูนี้มีวันสำคัญอะไร ดอกไม้ประจำฤดู พวกจังหวัดในประเทศญี่ปุ่นที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ติดตามข่าวสารในช่วงเวลานั้นไว้ มันไม่สามารถคาดการ์ณล่วงหน้าได้ ทำได้แค่เดาๆเพราะมันออกครอบไปหมด ฮ่าๆ รู้สึกเหมือนปีนี้จะออกว่าอาหารอะไรไม่มีส่วนผสมของข้าวนะคะ วันก่อนหน้านั้นเราอ่านหนังสือTRY N3 ทบทวน บทสุดท้ายมีคำศัพท์คำว่าข้าวต้มด้วย พอมาสอบก็เจอคำนี้ในข้อสอบ ยิ้มมุมปากเลยที่ทวนมา ฮ่าๆๆ ตัดช้อยไปได้หนึ่งและ
สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่าการเรียนภาษาไม่ใช่แค่เฉพาะญี่ปุ่นแต่รวมทุกภาษา เราต้องมีใจรักมันจริงๆนะ ไม่งั้นคงทนคัดทนท่องไม่ได้ ต่อให้ทำได้เพื่อการไปสอบแต่พอเข้าไปเรียนในสิ่งที่เราไม่ได้รักมันก็ไปต่อไม่ไหวอยู่ดี อยากให้น้องๆที่กำลังลังเลคิดดีๆ การเรียนภาษาไม่ใช่แค่เรียนแต่เราต้องเป็นส่วนนึงของมันถึงจะทำได้ดีนะ แต่ถ้าใครที่มั่นใจแล้วและอ่านมาถึงตรงนี้เราก็ขอให้เก็บความรู้สึกนี้ไว้นะคะ อาจจะมีลำบากบ้าง ท้อบ้าง แต่เรากำลังทำสิ่งที่เราเลือก ก็ต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุด จะได้ไม่มาเสียใจหรือโทษตัวเองภายหลังนะคะ
นี่เป็นเพียงบันทึกการอ่านในแบบของเรา อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแต่ถ้าสิ่งที่เราแนะนำไปจะสามารถนำไปปรับใช้กับการอ่านหนังสือของน้องๆได้เราก็ดีใจนะคะ พยายามเข้านะคะ
อาจจะขาดตกตรงไหนไปบ้าง ถ้ามีอะไรสอบถามเพิ่มเติมถามask.fmที่นี่ได้นะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in