Asa Butterfield Alex Lawther .
.
. .
VIDEO
It's a quarter after one, I'm all alone and I need you now
Said I wouldn't call but I lost all control and I need you now
And I don't know how I can do without, I just need you now
เพลง need you now ของ Lady Antebellum บรรเลงขึ้นพร้อมๆกับเสียงเตือนครบชั่วโมงของนาฬิกาเรือนเก่าบนผนัง เด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือกองใหญ่เงยหน้าขึ้นมา เขาสะบัดหัวไล่ความงัวเงีย พยายามเพ่งสายตาไปยังนาฬิกาเรือนที่กำลังส่งเสียง ตีหนึ่งแล้ว เอซ่า บัทเตอร์ฟิลด์ ที่ใครๆก็รู้จักในฐานะนักแสดงเด็กจากภาพยนตร์เรื่อง boy in striped pajama, hugo, ender’s game กำลังนั่งตาปรืออยู่ในชุดลำลองที่ดูเผินๆแล้วไม่ต่างจากชุดนอน บนโต๊ะเรียงรายไปด้วยหนังสือ ชีทและแก้วกาแฟ แน่นอน ทุกคนรู้จักเอซ่าในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงเด็กมากความสามารถและกำลังเป็นที่จับตามอง แต่ตอนนี้เอซ่าเป็นแค่ เอซ่า เด็กมัธยมธรรมดาๆคนหนึ่งที่กำลังจะอ่านหนังสือสอบไม่ทัน
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ร้านกาแฟ 24 ชั่วโมงที่เคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คนเงียบสงบลงจนได้ยินแต่เสียงเครื่องทำกาแฟหน้าเคาท์เตอร์ เอซ่ามาตั้งรกรากอ่านหนังสือที่นี่ตั้งแต่ตอนสายๆ หักโหมอ่านเอาๆจนลืมเวลา ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งเพื่อนที่มานั่งอ่านด้วยกัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนั้นทยอยกลับไปตั้งแต่ตอนไหน
เอซ่าถอนหายใจออกมา ในใจได้แต่ด่าตัวเอง เขาไม่น่าเอาแต่เล่นเกมส์ตลอดทั้งอาทิตย์ น่าจะจัดเวลาหยิบหนังสือออกมาอ่านบ้าง จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยคืนก่อนสอบไม่กี่วันแบบนี้ แต่ทำไงได้ ตอนนี้เขาช้ากว่าคนอื่นมากแล้ว
“รับกาแฟเพิ่มไหมคะ”พยักหน้าตอบพร้อมยิ้มแห้งๆให้กับพนักงานเสิร์ฟ กาแฟร้อนหอมกรุ่นแก้วที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่ถูกเทใส่แก้วสีขาวตรงหน้า เอซ่าค่อยๆจิบมัน หวังว่ากาแฟเข้มๆแก้วนี้จะช่วยให้เขาตื่นเหมือนแก้วที่ผ่านๆมา แต่มันจืดสนิทและไม่ช่วยพยุงตาเลยสักนิด พยายามจิบต่อ แต่ท่าทางคาเฟอีนจะกลายเป็นน้ำเปล่าสำหรับเขาไปซะแล้ว
“ให้ตายเถอะ”เอซ่ายอมแพ้ เขาวางแก้วลงก่อนที่จะฟุบไปกับโต๊ะ หรือเขาควรถอดใจแล้วกลับบ้านนอนดี ยังเหลือที่ต้องทวนอยู่อีกหน่อย หากกลับบ้าน เขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางอ่านต่อแน่ๆ
“เหนื่อยจัง”บ่นพึมพำกับตัวเอง หันสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกนั่นโล่งไปหมด ทั้งถนน ทั้งท้องฟ้า มันทั้งโล่ง ทั้งว่างเปล่าจนอยู่ๆก็รู้สึกเหงาขึ้นมา นอกจากจะไม่มีแรงกาย แรงใจก็ติดลบไปด้วย จะโทรหาเพื่อน ป่านนี้ก็คงนอนกันหมดแล้ว คนที่อยากโทรหาจริงๆก็ไม่กล้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ด้วยซ้ำ
ตอนนี้จะทำอะไรอยู่นะ กี่เดือนแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน กี่เดือนแล้วที่ได้แต่คุยกันผ่านข้อความ และทุกครั้งที่คุยกัน ก็เป็นทางนั้นตลอดที่ติดต่อมา ไม่ใช่ว่าเอซ่าหยิ่ง ทิฐิสูง ถือตัวหรืออะไร เขาแค่ไม่กล้า ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้า ทั้งๆที่ต่อหน้าตอนที่อยู่ถ่ายหนังด้วยกันห้าหกเดือนตอนนั้น ก็ยังคุยกันปกติ ถึงแม้คำว่าปกติของเอซ่า จะเป็นการพยายามสร้างระยะห่าง ที่ต่อให้คนคนนั้นเข้ามาใกล้แค่ไหน เขาก็จะสร้างระยะไม่ให้คนอื่นสังเกตท่าทางตลกๆที่ทั้งawkward และไปไม่เป็นเพียงเพราะอยู่ใกล้ๆคนที่ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตลกดีที่พยายามสร้างระยะห่างแต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา
อยากเจอชะมัด แต่ก็นั่นแหละ เอซ่าปากแข็งเกินไป การกระทำของเขาไปคนละทางกับสิ่งที่รู้สึกมาตลอด แต่วันนี้ ณ ตอนนี้ ไม่รู้ว่าด้วยความเหนื่อยล้าจนทำให้เอซ่าไม่มีสติที่จะบังคับตัวเองหรืออะไร มือเจ้ากรรมกลับหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดบัญชีรายชื่อขึ้นก็เจอชื่อคนคนนั้นเป็นชื่อแรก มองอยู่แบบนั้นแต่ไม่กล้ากดมันลงไป สองจิตสองใจอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะปิด “เฮ้ย” ตื่นเต็มตาเมื่อรู้ตัวว่าแทนที่จะกดปิด นิ้วดันไปโดนปุ่มโทรออก ไม่ทันที่จะได้ตัดสายทิ้ง คนปลายสายก็กดรับ “ฮัลโหล...”
ทำไงดี ทำไงดี จะคุยอะไรดี “...ฮัลโหล” เอาวะ “...... เฮย์...” “เอซ่า?”
“ใช่... เออ.... ขอโทษนะที่โทรมารบกวนตอนดึกขนาดนี้”
“อื้ม ไม่เป็นไร มีอะไรรึเปล่า”
“...จริงๆเผลอกดไปโดนเบอร์น่ะ” ไอ้บ้าเอซ่า หยุดพูดจาห้าวๆแบบนั้นใส่เขาได้แล้ว “อ้าวเหรอ”
“...แต่... แต่ว่า” . .
“ตอนนี้ว่างไหม” . . ไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ กำลังจะนอนรึเปล่า หรือติดธุระอะไรไหม เพียงแค่คนคนนั้นตอบกลับมาแค่ โอเค คำเดียว กำลังใจที่เคยติดลบก็กลับมาเพิ่มทวีคูณ หลังจากวางสาย เอซ่าไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้ เขาเอาเก็บโต๊ะ จัดกองหนังสือให้เป็นระเบียบสลับกับมองนาฬิกาและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาได้แต่รอเวลา รอ และรอ “กริ๊ง...”
ตีหนึ่ง สามสิบนาที
เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่บนประตูร้านดังขึ้นพร้อมๆกับการปรากฎตัวของเด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดนอนสีฟ้าอ่อนคลุมด้วยโค้ทสีน้ำตาลตัวหนาอีกที ผมลอนสีทองของเขาชี้ไปชี้มาเหมือนรีบออกจากบ้านจนไม่ได้จัดทรง แก้มกลมๆขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับลูกเชอร์รี่ เด็กหนุ่มหอบเบาๆ แต่ก็ยังยกยิ้มกว้างให้เอซ่า รอยยิ้มที่ฤทธิ์แรงยิ่งกว่าคาเฟอีนในกาแฟแก้วไหนๆ รอยยิ้มที่เสมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก “มา ฉันช่วย”เอซ่าเด้งตัวลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งออกไปช่วยแบ่งหนังสือเล่มหนาที่อีกคนถือมาด้วยอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนที่จะเดินนำอีกฝ่ายมาที่โต๊ะ ไม่กล้าสบตาแต่หันไปสั่งเครื่องดื่มเป็นโกโก้ร้อนให้เสร็จสรรพ จัดให้นั่งตรงข้ามกัน สูดหายใจรวบรวมความกล้าเข้าไปเต็มปอด ตีหนึ่ง สามสิบนาที เอซ่าไม่ได้อยู่อ่านหนังสือคนเดียวอีกต่อไป “ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนนะ” “ขอบคุณนะ อเล็ก...”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แต่งไว้นานมากๆแล้วค่ะ แต่จำไม่ได้ว่าตัวเองลงไว้ที่ไหน ก็เลยเอามาลงใหม่ในนี้แหละ สองคนนี้เคยเล่นหนังด้วยกันแค่เรื่องเดียว (X + Y) และในหนังที่เล่นด้วยกันตัวละครก็ค่อนข้างที่จะเกลียดกันด้วย ฮาาา แต่พออายเจอคลิปเบื้องหลังที่เด็กๆไปตลาดกลางคืนที่ไต้หวันด้วยกัน (
x ) ก็รู้สึกว่าเออ น่ารักดีจังงงงง ดูเป็นสองคนที่นิสัยไม่เข้ากันเลยจริงๆแล้ว555555555555555 เพราะยังงั้นแหละค่ะเลยชอบ เรือผีที่แท้จริง55555555555
เอซ่าดูเป็นเด็กป่วนๆอ่ะ แสบๆ ซนๆ
อเล็กดูจะนิ่งกว่า โตกว่าเป็นพี่ชาย นุ่มนิ่มๆ
แล้วในคลิปคือเอซ่าป่วนทุกคน ยกเว้นอเล็ก แต่ก็แอบจ้องๆมองๆกันไปเรื่อย (ก็ไม่ค่อยชงอ่ะเนอะ555) นั่นแหละค่ะ มาชงน้องด้วยกันได้นะคะ ตอนนี้ก็ติดตามผลงานแยกของเด็กๆไปก่อน เป็นสองนักแสดงที่ผลงานสุดยอดทั้งคู่เลยยย ฝากน้องๆด้วยนะคะ
หวังว่าในอนาคต น้องๆจะมีโอกาสได้กลับมาร่วมงานกันอีก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in