สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น(
วันที่สอบจะสอบวันเดียวกันทั่วโลกแต่เวลาจะบวกลบกันนิดหน่อยค่ะ
โดยการสอบวัดระดับนั้นจะแยกเป็น 5 ระดับ 5 – 1 จากน้อยไปหามาก (5 ง่ายสุด 1 ยากสุด)
ส่วนตัวเราน่าจะอีกนานกว่าจะเข้าใกล้คำว่าผ่านค่ะ ตอนนี้ยังไม่หวังละกัน ฮือออออ
เราเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นครั้งแรกตอนที่ขึ้นมหาลัยปี1 พอขึ้นปี2ก็ไปสอบวัดระดับ N3
แต่ด้วยความที่ความรู้ยังไม่ถึงบวกกับไม่ยอมอ่านหนังสือไปสอบด้วยก็เลยตกกันไปตามระเบียบ
สอบครั้งที่สองก็ยังเป็น N3 เหมือนเดิมเพราะสอบรอบแรกยังไม่ผ่าน
แต่กว่าจะยอมมาสอบใหม่อีกทีก็ตอนที่ตัวเองอยู่ปี4 แล้วค่ะ
ตอนนั้นคิดเอาไว้แค่อย่างเดียวว่า 'เรียนญี่ปุ่นมาตั้ง 4 ปีแล้วถ้าไม่ผ่านจะโกรธตัวเองมากๆ'
แต่สุดท้ายตอนออกจากห้องสอบก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนทำได้แค่ประมาณครึ่งเดียว
พอผลสอบออกมาคะแนนค่อนข้างน่าพอใจค่ะ ถึงจะดีใจแต่จริงๆแล้วก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันค่ะ แฮ่
พอผลสอบออก 2-3 เดือนต่อมาเราก็ตัดสินใจมาเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นเลย ตอนนั้นตั้งใจเอาไว้ว่าจะเรียน 1ปี ยังไงก็จะเอา N2 กลับมาให้ได้ เลยได้มีโอกาสมาลองสนามสอบวัดระดับในประเทศญี่ปุ่นไปด้วยเลย
ตอนที่เราสมัครสอบจะมีให้เลือกว่าเราจะให้โรงเรียนสอนภาษาสมัครให้หรือเราจะสมัครเองค่ะ
ซึ่งตัวเรามองว่าโรงเรียนสมัครให้ก็ง่ายดี แค่จ่ายตังจบเลยให้ทางโรงเรียนสมัครให้ค่ะ แต่ตอนหลังนี่รู้สึกว่าคิดผิดมากๆ เพราะโรงเรียนเล่นตัวไม่ยอมปริ้นท์คะแนนแยกพาร์ทให้ เพื่อนโรงเรียนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย ._.
แต่ที่ช็อคที่สุดคือค่าสอบบบบ แพงม๊ากกกกกกกกกกกกกกก แพงจนอยากกลับไปสอบที่ไทยเลยฮือๆๆๆ
ในไทย N4-5
แต่ที่ญี่ปุ่นคือ 5,500 เยน หรือ 1,650
ในใบจะมีบอกข้อมูลสถานที่สอบและห้องสอบค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะได้สถานที่สอบใกล้กับที่อยู่ที่เราระบุเอาไว้ตอนสมัคร
แต่ของเพื่อนเราที่สอบ N3 โดนเลือกสถานที่สอบไกลกับบ้านพอสมควรค่ะ (นั่งรถไฟ1ชั่วโมง เดินจากสถานีอีกประมาณเกือบ30นาที) ถ้าได้รับใบมาก็อย่าลืมเช็คสถานที่สอบให้ดีด้วยนะ จะได้เผื่อเวลาถูก
พอถึงวันสอบเราก็เดินไปตึกที่เค้าระบุได้เลย
ของเราไปถึงก่อนเวลาสอบประมาณ 1 ชั่วโมงแต่เค้าอนุญาตให้ขึ้นตึกก่อนเวลาสอบ30นาที
ก็ต้องนั่งรอยืนรอกันไปค่ะ..
ในห้องที่เราสอบอนุญาตให้อ่านหนังสือ-ใช้มือถือได้จนกว่าจะถึงเวลาสอบค่ะพอใกล้เวลาผู้คุมสอบจะบอกให้เราเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในกระเป๋า เหลือแค่ ดินสอยางลบ นาฬิกา(แบบเข็มเท่านั้น)
บนโต๊ะผู้เข้าสอบทุกคนจะมีซองพลาสติกใสอยู่หนึ่งถุงตอนที่เราเก็บมือถือเค้าจะให้เอามือถือเก็บเข้าไปในถุงก่อน แล้วค่อยเอาใส่กระเป๋าเพื่อป้องกันคนใช้มือถือระหว่างสอบค่ะ (น่าจะเพราะว่าจะใช้ต้องยุ่งยากเอาออกจากถุงก่อน ถ้ามีเสียงถุงดังขึ้นมาก็รู้ทั้งห้องแน่ๆ)
แต่ห้องเราผู้คุมสอบดันไม่ตรวจว่าเอามือถือใส่ในถุงจริงไหมขอแค่ไม่มีถุงวางเหลืออยู่บนโต๊ะก็พอ อันนี้ก็ผ่านกันไปแบบงงๆ555555555
สิ่งที่รู้สึกว่าเข้มกว่าที่ไทยมากๆน่าจะเป็นเรื่องยางลบและนาฬิกาค่ะ
ยางลบที่ใช้ตอนสอบ“จำเป็น” ต้องถอดปลอกออกด้วยค่ะ น่าจะป้องกันการแอบจดข้อมูลเข้ามาบวกกันปลอกยางลบมักจะมีภาษาญี่ปุ่นเขียนเอาไว้อยู่ด้วยเลยตัดปัญหาทุจริตออกไปเลยค่ะ
พวกน้ำดื่ม ยาดมก็ห้ามนะ
เราเป็นคนติดยาดมเวลาทำข้อสอบมากก
โดยเฉพาะตอนทำการอ่าน การฟังนี่ต้องการมากทรมาณพอสมควรค่ะTT
รวมถึงนาฬิกาที่จะใช้ดูตอนสอบ ต้องเป็นนาฬิกาเข็มเท่านั้นค่ะ
คนที่เอานาฬิกาดิจิตอลเข้ามาโดนสั่งให้เก็บหมด
ถ้าห้องสอบมีนาฬิกาก็โชคดีไปแต่เพื่อนเราหลายคนเจอห้องสอบที่ไม่มีนาฬิกาให้แล้วไม่ได้เอานาฬิกาข้อมือไปด้วยก็ต้องกะเวลากันเอาเอง (ซึ่งเสี่ยงกับการทำข้อสอบไม่ทันพอสมควรเพราะงั้นอย่าลืมพกนาฬิกาเข็มกันไปด้วยนะ)
((เราไม่ได้หยิบนาฬิกาเข็มไปเลยซื้อจากไดโซะเอา ราคา 500 เยนค่ะ))
บรรยากาศการสอบในญี่ปุ่นครั้งแรกสำหรับเรา เราว่าเข้มงวดกว่าที่ไทยค่ะ ค่าสอบก็แพงกว่าอีกแหนะ
แถมนิดหน่อย อันนี้เราไม่ได้เจอด้วยตัวเองแต่เพื่อนๆที่ไปสอบเค้ามานั่งคุยกันว่า ผู้คุมสอบดูเข้มงวดก็จริงแต่มีคนทุจริตโดยการแอบจดคำตอบออกห้องสอบไปเยอะพอสมควรค่ะ(เพื่อนเจอกันหลายคนมากๆ) บางคนก็จดใส่มือบ้าง จดใส่ยางลบแล้วปิดๆไว้บ้าง
ถ้าถามว่าชาติอะไร เราตอบแค่ว่าอยู่ในSEAเนี่ยแหละ ให้เดากันเอาเอง55555555
เอาเป็นว่าใครที่กำลังจะเตรียมตัวไปสอบวัดระดับรอบต่อไปก็พยายามเข้านะคะ
หวังว่าบล็อกครั้งนี้จะช่วยให้เตรียมตัวไปสอบได้บ้างนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in