เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OS/SF จับฉ่ายLoading 48%
พันธนาการ | #ปิ่งจา


  • ; NeZha AU
    ; Aobing x Nezha
    warning ; OOC

    enjoy reading :-)


    ณ ด่านเฉิงถังกวาน มีเรือนเล็กหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางป่า รายล้อมด้วยบุปผานานาพันธุ์ ทั้งยังตกแต่งด้วยหยกและทองคำ ทว่าสถานที่งามวิจิตรแห่งนี้กลับเงียบเหงาปานเรือนร้าง ทั้งยังถูกร่ายเวทมนต์คาถาเอาไว้เสียแน่นหนา มีเพียงผู้เป็นเจ้าของเท่านั้นจึงจักย่างกรายเข้าไปได้ ชาวบ้านต่างเล่าลือกันว่าเรือนหลังนี้เป็นที่สิงสถิตของภูตผีปีศาจ ปุจฉา เหตุใดปีศาจมารร้ายจึงต้องอาศัยในเรือนที่ตกแต่งเสียงดงามปานนี้ ใยไม่ถูกส่งลงไปขังไว้ในคุกใต้บาดาลเล่า




    ค่ำคืนหนึ่ง ณ เรือนร้าง เสียงฮึมฮัมเบาหวิวคลอไปกับสายลมพัด เด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูนอนเอกเขนกอยู่บนพื้น สอดส่ายสายตาไปทั่วป่าใหญ่ยามราตรี คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ นัยน์ตาสีแดงฉานจ้องมองดวงจันทราพลางขบขัน เขาเป็นถึงบุตรชายของแม่ทัพหลี่ผู้เลื่องชื่อ ใยจึงต้องถูกจองจำไว้ในเรือนร้างกลางป่าไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์คนอื่น ๆ

    "ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรว่าอย่านอนตากน้ำค้าง"

    "ช่างหัวข้าสิ เจ้าจะเข้ามายุ่งให้ได้อะไร"

    เด็กน้อยกลิ้งตัวไปจนชนเข้ากับเสาอีกต้นหนึ่งของเรือน หลับตาลงฟังเสียงถอนใจของบุรุษผู้ซึ่งเป็นอาคันตุกะเพียงหนึ่งเดียวของเรือนหลังนี้ ไม่บ่อยนักที่จะมีคนมาเยี่ยมเยียนเขาถึงเรือน กระนั้นเด็กน้อยผู้ถือตัวกลับไม่แสดงท่าทีดีใจแม้กระผีกเดียว กลับแสดงอาการเบื่อหน่ายเสียเต็มทน

    "นาจา"

    "หากเจ้ายังเอ่ยนามข้าอีกแม้เพียงครั้งเดียวข้าจะหักคอเจ้าเสียเดี๋ยวนี้"

    ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับไม่ได้เกรงกลัวคำขู่เลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือเย็นเยียบแตะลงบนห่วงเฉียนคุนที่ลำคอของเจ้าของเรือน ขยับปากท่องคาถาเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน พลันเกิดแสงสีทองเจิดจ้า เพลิงไฟกองใหญ่เข้าห้อมล้อมตัวเด็กน้อยเอาไว้ ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีบุรุษหนุ่มก็ปรากฏกายแทนที่เด็กน้อยเมื่อครู่ ห่วงเฉียนคุนที่เคยประดับอยู่ที่ลำคอบัดนี้กลายเป็นกำไลข้อเท้า ยามเมื่อนาจาขยับตัวห่วงเฉียนคุนก็จะส่องประกายสีทองล้อแสงจันทร์ยามราตรี

    เมื่อถูกเปลี่ยนร่างตามอำเภอใจบุรุษเลือดร้อนก็พลันนึกโกรธ ผินหน้ากลับมามองผู้ที่กระทำการอุกอาจหวังจะด่าทอเสียจนต้องหนีเตลิดกลับเรือนตัวเองไปเสีย ทว่าเมื่อหันกลับมาเขาก็พบบุรุษผู้มีเรือนผมดุจสีของดอกฟองสมุทรส่งยิ้มละไมมาให้ ทั้งยังเอียงคอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงต้องโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนั้น นาจาโถมตัวเข้าใส่สหายเพียงหนึ่งเดียวพลางส่งเสียงคำราม พลิกฝ่ามือขึ้นสั่งผ้าแพรวิเศษให้มุ่งตรงไปยังผู้ที่ยังคงยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ใครจะรู้ เสี้ยววินาทีเดียวเขาก็ถูกอาวุธของตัวเองเล่นงาน ผ้าแพรสีแดงพุ่งตรงมายังผู้เป็นนาย ตวัดพันรอบกายของบุรุษหนุ่ม

    "เป็นอย่างไรเล่า ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ แรงเจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอกนาจา"

    "หุบปาก!"

    "เจ้าคงจะลุกเดินไปนอนเองไม่ได้แล้วล่ะ ให้ข้าช่วยเถิดสหาย"

    เป็นจริงดังเอ๋าปิ่งว่า แม้จะออกแรงเสียจนหน้าดำหน้าแดงก็ไม่สามารถขยับกายได้แม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้นจึงต้องยอมให้เอ๋าปิ่งอุ้มไปยังฟูกนอนแต่โดยดี แม้เขาจะรู้สึกเสียหน้าที่ต้องถูกอุ้มดุจสตรีแต่ก็ต้องยอมรับว่าการมีคนปรนนิบัติดูแลก็สบายไม่น้อย

    "ข้าจะนั่งอ่านตำราอยู่ตรงนี้ เจ้าอยากได้อะไรหรือไม่"

    "ข้าอยากให้เจ้าปล่อยข้า"

    เอ๋าปิ่งทำหูทวนลม ผินหน้ากลับมามองตำราในมือ ตั้งอกตั้งใจอ่านอย่างขมักเขม้นไม่สนคำเรียกร้องของผู้ที่ถูกมัดอยู่ ยามเมื่อนาจากระเสือกกระสนพาร่างตัวเองออกมานอกฟูกนอนได้เมื่อไร เอ๋าปิ่งก็จะอุ้มเขากลับไปอยู่บนฟูกนอนอีกครั้ง ทั้งยังจัดแจงห่มผ้าให้เสียเสร็จสรรพ

    "เอ๋าปิ่ง!"

    "หืม" เขาตอบรับคำโดยไม่ละสายตาออกจากตำราในมือ

    "ปล่อยข้าเถิด"

    นาจาเอ่ยคำนั้นด้วยเสียงผะแผ่วระคนออดอ้อน ข้อมือที่ถูกเสียดสีจนเริ่มแดงยิ่งทำให้ดูน่าสงสาร หากเขายังแกล้งมัดเอาไว้เช่นนี้นาจาจะต้องถูกผ้าเสียดสีจนได้แผลแน่

    "ข้าจะปล่อยเจ้าแล้ว ขยับมานี่สิ"

    ได้ยินดังนั้นบุรุษหนุ่มก็ตาลุกวาว กลิ้งตัวไปชนกับต้นขาของผู้พูด ฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเมื่อรู้ว่ากำลังจะเป็นอิสระ ทว่าฝ่ามือเย็นกลับทาบทับลงบนต้นแขน ปลายนิ้วเรียวก็ไล้ไปตามผิวกายอุ่นอย่างชื่นชม เอ๋าปิ่งโน้มตัวลงไปกระซิบชิดใบหูของผู้ที่ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยผ้าแพรสีสด

    "เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นคนหัวอ่อนอยู่งั้นหรือ.."

    "ให้ข้าได้เอาคืนที่เจ้าแกล้งข้าคราวก่อนสักหน่อยเถิด เมื่อข้าพอใจข้าจะปล่อยเจ้าไป"

    สิ้นเสียงกระซิบก็ตามมาด้วยแรงขบเบา ๆ ที่ใบหู เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกนาจาก็แยกเขี้ยวใส่บุตรแห่งราชามังกรผู้ที่กำลังยิ้มอ่อนโยนอยู่ตรงหน้า ทว่าฝ่ามือของเขากลับไม่ได้อ่อนโยนดังรอยยิ้ม สัมผัสเย็นเฉียบที่ประเดี๋ยวโผล่ตรงนั้นประเดี๋ยวจับตรงนี้ทำให้ผู้ถูกกระทำระส่ำระสาย ใบหน้าร้อนผะผ่าวเมื่อถูกเล็บยาวสีดำตะกรุยเสื้อผ้าอาภรณ์เสียจนขาดวิ่น เอ๋าปิ่งยามนี้ดูหิวกระหายราวสัตว์ป่าก็ไม่ปาน กระนั้นก็ยังพยายามถนอมกายเขาด้วยการสัมผัสอย่างเบามือ แต่เมื่อจดริมฝีปากลงบนผิวเนียนยามใดก็เผลอไผลกัดไปเสียเต็มแรง ทิ้งรอยคมเขี้ยวเอาไว้ทั่วเรือนร่าง

    "ข้าจะไม่ให้เจ้าเข้าเรือนอีกเลย!"

    "ข้าขอโทษ ข้าจะให้เจ้ากัดข้าคืนเป็นอย่างไร"

    "หากข้ากัดเจ้าจนเนื้อหลุดออกมากองที่พื้นเจ้าห้ามมาเสียใจทีหลังล่ะ"

    "เอาเถิด เชิญเจ้าลงโทษข้าเสีย"

    ว่าจบก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ เผยให้เห็นลาดไหล่ขาวเนียนดุจน้ำนม เอ๋าปิ่งโน้มกายลงไปหาผู้ที่แยกเขี้ยวรออยู่ที่พื้น กระซิบเอ่ยคำหวานเอาอกเอาใจทั้งประเคนเรือนร่างให้ขบกัดอย่างเต็มใจ

    "ทำไมไม่กัดข้าล่ะ หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะเอาคืนพันเท่า"

    "ถุย ข้านี่น่ะเหรอจะกลัวเจ้า" ทั้งที่ว่าอย่างนั้นกลับไม่ยอมสบตาบุรุษที่คร่อมร่างตนเองอยู่

    "เช่นนั้นเจ้าก็กัดข้าเสียสิ"

    เอ๋าปิ่งส่งสายตาท้าทาย แนบกายลงไปใกล้จนแผ่นอกเปลือยชิดติดกัน ยามนี้นาจารู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่ช่างยากเย็นนัก เขาอยากจะปลิดชีพตัวเองลงตรงนี้เสีย ลมหายใจที่ถี่กระชั้นรินรดอยู่ที่ลำคอยิ่งทำให้กามอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่านปะทุออกมาดังภูเขาไฟระเบิด นาจาขบเขี้ยวลงบนลาดไหล่ของเอ๋าปิ่ง ทิ้งรอยเขี้ยวเล็ก ๆ เอาไว้บนผิวกายขาว เขาอยากจะกอดรัดบุรุษตรงหน้าให้สมกับความอยากในครานี้แต่เพราะถูกพันธนาการเอาไว้จึงขยับกายไม่ได้ดังใจหวัง ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจเมื่อเอ๋าปิ่งยังคงขบขัน ไม่กระทำสิ่งใด ทั้งยังทำท่าจะลุกออกไปเสียดื้อ ๆ

    "เจ้าจะทำสิ่งใด"

    "ใกล้รุ่งแล้วข้าต้องกลับวังมังกร หากท่านพ่อรู้ว่าข้ายังคงออกมาเตร็ดเตร่จะถูกว่าเอาได้"

    ว่าพลางร่ายคาถาปลดพันธนาการให้แก่นาจา เอ๋าปิ่งกำลังจะหยัดตัวลุกขึ้นแต่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่คนใต้ร่าง นัยน์ตาสีครามเต็มไปด้วยอาลัย

    "แล้วข้าเล่า"

    แว่วเสียงกระซิบแผ่วเบาเต็มไปด้วยความน้อยใจ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกลั่นแกล้ง เหตุใดเอ๋าปิ่งจึงต้องทำเหมือนเขาเป็นเพียงก้อนเนื้อไร้ความรู้สึก นึกจะมาหยอกเอินอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ

    "เหตุใดจึงทำสีหน้าเช่นนั้น"

    "ข้าเบื่อขี้หน้าเจ้าเต็มทน อยากจะไปไหนก็เชิญ ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก เอาหอยสังข์ของเจ้ากลับไปด้วย"

    เอ๋าปิ่งเพียงส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ปรายตามองผู้ที่ทำสีหน้าปั้นปึ่ง

    "เหตุใดเจ้าจึงปากไม่ตรงกับใจเสียที"

    "ข้าจะเป็นอย่างไรมั--"

    ถ้อยคำถูกฉกฉวยไปโดยริมฝีปากของบุตรแห่งราชามังกร ฝ่ามือเย็นฟอนเฟ้นไปตามผิวกายเนียน สัมผัสเบาหวิวเป็นเหตุให้ใจดวงน้อยแกว่งไกว ไม่รู้ว่าเป็นคุณหรือโทษที่กางเกงของเขาใส่ง่ายถอดง่ายเสียเหลือเกิน เพียงไม่นานทั่วทั้งร่างก็ถูกโลมเล้าด้วยเสน่ห์หา กายที่เคยอุ่นก็คล้ายจะถูกความเย็นโอบกอดเสียจนหนาวเหน็บ

    "เจ้าหนาวหรือ"

    "ข้าไม่เป็นไร"

    "เจ้าอยากให้ข้าขยับออกไปหรือไม่"

    "ข้าไม่เป็นไรเอ๋าปิ่ง"

    ยามไม่มีเจ้า ข้าเคยหนาวกว่านี้เป็นร้อยเป็นพันเท่า

    บุรุษผู้มีเรือนผมสีดำสนิทเพียงแต่คิดในใจ เขายิ้มจนเห็นเขี้ยวเมื่อองค์ชายมังกรมีสีหน้าไม่เข้าใจ เมื่อไร้พันธนาการแล้วนาจาก็กลายเป็นลิงโลด พลิกร่างบุรุษตรงหน้าลงมาอยู่ใต้อาณัติของตนเอง กายขาวผ่องที่มีเศษผ้ารุ่งริ่งปกปิดอยู่ดูเย้ายวนไม่น้อย กองเพลิงในตาของเขาเจิดจ้ายามขบเขี้ยวลงบนฝ่ามือของเอ๋าปิ่งอย่างต้องการจะหยอกเอิน เพราะเป็นเทพจึงสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แล้วมีหรือที่การขยับตัวบนพื้นดินจะไม่ว่องไว เพียงเสี้ยววินาทีนาจาก็ขยับจากหน้าท้องของเอ๋าปิ่งลงไปอยู่ระหว่างขา เท้าคางพลางเคาะนิ้วลงบนพื้นไม้อย่างใจเย็น นัยน์ตาเฉียบคมช้อนขึ้นมามองผู้ที่มีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย

    "เหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนั้นเล่า"

    "เหตุใดครานี้เจ้าจึงใจร้อนนัก"

    เอ๋าปิ่งหยัดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย สบตากับผู้ที่ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่ระหว่างขาของเขา

    "ไม่ได้หรือ เราเล่นกันมานักต่อนัก ข้ายังไม่เคยเห็นของเจ้าเลยนะ!"

    เอ๋าปิ่งถอนใจ

    "แต่เจ้าทั้งได้เห็นของข้า ได้สัมผัสของข้า แล้วยังลิ้มร--!"

    "อย่าเอ่ยเช่นนั้น"

    นาจาสะบัดศีรษะเพื่อให้หลุดพ้นจากฝ่ามือเย็น ทั้งยังดึงดันจะมุดเข้าไปใต้ชุดสีขาวบริสุทธิ์ขององค์ชายมังกร แล้วมีหรือที่เอ๋าปิ่งจะห้ามปรามได้ เขาได้แต่มองนาจาทำตามอำเภอใจตนเองด้วยความจำยอม ทว่าผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีผู้ที่ดื้อรั้นไม่ฟังความก็กระโดดเด้งออกมาด้วยความตกใจ พวงแก้มแดงก่ำคล้ายมีลูกทับทิมสองลูกอยู่บนใบหน้า หลุบตามองต่ำไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเอ๋าปิ่ง ทั้งยังถามไม่ตอบคำ

    "เจ้าเป็นอะไร"

    "เจ้า..เจ้า..เจ้า..!"

    "เจ้าดึงดันจะดูให้ได้ แล้วเป็นอย่างไร ข้ามีอะไรที่เจ้าไม่มีงั้นหรือ"

    "เจ้า..เจ้า!"

    เอ๋าปิ่งเอียงคอ ขยับเข้าหาผู้ที่พูดไม่ได้ความ แต่มีหรือที่นาจาจะยอมให้เข้าใกล้

    "เจ้าถอยออกไป อย่ามาใกล้ข้า"

    "มันน่ากลัวนักหรือ"

    นาจารีบพยักหน้ายืนยันคำตอบ จะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไรในเมื่อ..

    "ข้าก็อยากจะน่ารักน่าชังอย่างเจ้า แต่เพราะชาติพันธุ์ ข้าไม่ได้ต้องการจะน่ากลัวอย่างนี้เสียหน่อย"

    เพียงปลายนิ้วสัมผัสกายบางก็สะดุ้งโหยง นัยน์ตาสีชาดวาววับ จ้องมองทุกการกระทำที่องค์ชายมังกรจะทำหลังจากนี้ ความหนาวเย็นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ กองไฟในกายของเขาลุกโชน

    และเพียงเศษเสี้ยวของเวลาเท่านั้นที่เขาเห็นว่าภายในดวงตาสีครามนั้นมีประกายของกองเพลิงที่วูบไหว

    "ตัวข้าก็น่ารักน่าชังไม่น้อย.."

    เอ๋าปิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

    "ใยเจ้าไม่ลองสัมผัสดูเล่า"

    เอ๋าปิ่งเอ่ยคำเย้าข้างใบหู ลูบไล้หยอกเอินข้อเท้าที่ประดับด้วยห่วงเฉียนคุน จดริมฝีปากลงบนพวงแก้มแดงด้วยความรักก่อนจะผละออกมา

    "เจ้าจะไม่ทำข้าเจ็บใช่หรือไม่"

    "ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บได้อย่างไร.."

    "หากเจ้าว่าเช่นนั้น.." นาจาขยับกายเข้าหาเอ๋าปิ่งอย่างอ้อยอิ่ง

    "หากข้ายอมให้เจ้า วันรุ่งขึ้นเจ้าจะยังอยู่ข้างกายข้าหรือไม่"

    เอ๋าปิ่งระบายยิ้มอ่อนหวาน จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเพลิง

    "ย่อมได้ หากเจ้าต้องการเช่นนั้น"




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in