ฉันมีความฝัน ฝันอันยิ่งใหญ่
เป็นประโยคในเพลงประกอบแอมิเมชั่นเจ้าหญิงดิสนีส์ที่ฉันชอบมากที่สุดในชีวิตแต่ฉันไม่สามารถร้องได้ทั้งเพลงความฝันของฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนักและก็เป็นความฝันก็พึ่งเกิดขึ้นในหัวของฉันเมื่อสามเดือนที่ผ่านมานี่เองฉันอยากเป็นนักเขียน เขียนอะไรซักอย่าง อาจจะเป็นนิยาย เรื่องสั้นหรือบทความดีๆซักชิ้น
ฉันลงมือเขียนนิยายเรื่องแรกในชีวิต ซึ่งตอนนี้มันมีแค่ห้าบทเท่านั้นเพราะฉันตันบางทีฉันอาจจะไม่ใช่นักเขียนที่ดีหรือเก่งมากนักแต่ฉันก็ไม่อยากยอมแพ้ให้กับความฝันครั้งนี้ของตัวเองฉันเคยยอมแพ้กับความฝันหลายๆอย่างของตัวเองซึ่งเคยคิดเอาไว้ว่าตัวเองอยากจะทำให้ได้เมื่อโตขึ้นแต่เมื่อได้ลงมือทำ ฉันเพียงทำพวกมันเพียงแค่สองสามครั้งเท่านั้นแล้วก็ยอมแพ้เพราะฉันคิดว่าฉันไม่มีความสุขที่จะลงมือทำสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป
ฉันเคยฝันว่าตัวเองอยากเป็นนักดนตรีฉันเคยสมัครเรียนไวโอลีนในสมัยเด็กแต่ก็ล้มเลิกลงเพียงไม่กี่เดือนทันมาไวโอลีนที่ตอนนี้กองอยู่ใต้เตียงนอนพร้อมกับขิม คีย์บอร์ดและไม้กลองที่เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวจากความไม่อดทนไม่พยายามในสมัยเด็กและเป็นหลักฐานที่ใช้ในการยืนยันความโลเลในการค้นหาตนเองของฉันได้เป็นอย่างดี
ฉันมีคุณพ่อที่ชื่นชอบการเล่นแบตมินตันตอนเด็กๆพ่อชอบพาฉันไปเล่นที่คอร์ดที่ท่านไปเป็นประจำท่านเคยถามว่าอยากลองสมัครเรียนกับที่คอร์ดไหมฉันปฏิเสธเพราะฉันไม่เคยมีความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักกีฬาเลยซักครั้งแม้แต่ตอนนี้เองแต่เมื่อโตขึ้นฉันกลับมาเสียดายโอกาสในครั้งนั้นหากฉันเลือกที่จะเรียนในตอนนั้นบางทีตอนนี้ฉันอาจจะชื่นชอบการออกกำลังกายไม่เป็นภูมิแพ้ เจ็บป่วยน้อยลงและมีสุขภาพที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้
ตอนประถมต้นฉันเคยอยากเป็นสัตวแพทย์เพราะชอบสุนัขเคยมีโปสเตอร์เกี่ยวกับพันธุ์สุนัขต่างๆแปะไว้ที่ผนังห้องนอนตื่นมาอ่านทุกเช้าและทุกครั้งก่อนเข้านอน แต่เมื่อฉันโตขึ้นฉันกลับพบว่าตัวเองชอบน้องแมวมากกว่าน้องหมาไม่รู้เหมือนกันว่าด้วยเหตุผลอะไรฉันยังชอบหมาอยู่นะเพียงแต่ชอบแมวมากกว่าเท่านั้นเอง และเมื่อฉันขึ้นชั้นประถมปลายแล้วรู้ว่าถ้าอยากเป็นสัตวแพทย์ในการเรียนฉันจะต้องล้วงแขนเข้าไปในทวารหนักของช้างหรือผ่าตัดกบโดยที่มันยังมีชีวิตอยู่ฉันก็ยอมแพ้ทันที
ความฝันที่เปลี่ยนไปอีกครั้งของฉัน คือวิศวกรตอนประถมปลายหลังจากที่ล้มเลิกความอยากเป็นหมอหมาแล้วฉันก็เริ่มมองหาความชอบอย่างต่อไปของตนเองทันทีตอนนั้นฉันชอบเรียนเลข พ่อฉันเป็นวิศวกรพ่อชอบสอนฉันทำการบ้านเลขและฉันก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีฉันเคยเข้าแข่งขันวิชาคณิตศาสตร์ด้วยแม้จะไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยก็ตามฉันจำได้ว่าพ่อดีใจมากที่ฉันเดินไปบอกท่านว่าฉันอยากเรียนวิศวะและก็ฉันมุ่งมั่นกับการเรียนเลขมากๆในช่วงเวลานั้น
จนกระทั่งฉันเข้าเรียนในระดับมัธยมต้นฉันเริ่มเรียนในโปรแกรมที่เน้นไปทางด้านภาษาเพราะพ่อแม่อยากให้ฉันต่อยอดความสามารถด้านภาษาอังกฤษไปด้วยฉันก็เริ่มรู้สึกชื่นชอบการเรียนภาษอังกฤษมากกว่าการเรียนวิชาเลขที่เคยชอบฉันเริ่มตั้งใจเรียนวิชาเลขน้อยลงและให้ความสนใจกับภาษาอังกฤษมากขึ้น จนมาถึงจุดที่ฉันเรียนเลขไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยตอนชั้นมอสองฉันสอบเกือบตกในการเก็บคะแนนย่อยและฉันได้เกรด 2.5 ในวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติมเป็นครั้งแรกในชีวิตการเรียนที่ฉันได้เกรดต่ำกว่าสามฉันเสียใจนะแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากจนพอขึ้นชั้นมอสามและหลังจากนั่นเป็นต้นมา
วิชาเลขกับฉันก็ไม่ใช่ของคู่กับอีกต่อไป
ฉันเลือกเรียนสายศิลป์-จีนตอนมอปลาย เพราะฉันต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการเรียนวิชาเลขที่เคยชอบมากตอนเด็กๆฉันเริ่มมุ่งมั่นอีกครั้งในการเรียนภาษาจีนและภาษาอังกฤษฉันมั่นใจมากว่าอนาคตของฉันจะต้องเรียนต่อเกี่ยวกับภาษาแน่นอนและฉันก็มาถึงจุดอิ่มตัวอีกครั้ง
ภาษาจีนของฉันได้แค่พื้นฐานง่ายๆและภาษาอังกฤษของฉันก็ไม่ได้ดีมากนักแต่ความสนุกในการเรียนภาษาของฉันก็เริ่มที่จะลดน้อยลงฉันเริ่มเบื่อหน่ายกับการต้องเข้าเรียนภาษาอังกฤษและเรียนเกี่ยวกับแกรมม่าซ้ำๆเดิมๆฉันเข้าใจว่าการเรียนแกรมม่าเป็นสิ่งที่จำเป็นฉันเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเราต้องฝึกฝนในเรื่องเดิมซ้ำไปมา แม้จะเข้าใจแต่ฉันก็ยังเบื่อหน่ายสิ่งที่ฉันชื่นชอบกลับกลายเป็นของตายอีกครั้งหนึ่ง ฉันเริ่มสงสัยในตัวเองและเริ่มตั้งคำถามว่าสรุปแล้วฉันชอบอะไรกันแน่และโตขึ้นฉันอยากเป็นอะไร แต่เมื่อคิดเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นๆที่ฉันทำได้ นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดในชีวิตการเรียน6ปีในระดับมัธยมศึกษา
เรียนจวนจะจบมอหก ฉันก็ยังคงไม่เคยรู้ตัวเองว่าตัวเองชอบอะไรเพราะฉันไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยซักอย่าง แต่เพราะความเบื่อการเรียนภาษาอังกฤษฉันจึงตัดสินใจทอดทิ้งมันและเลือกเรียนต่อในด้านสังคมศาสตร์เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าชอบรองจากภาษาอังกฤษฉันเคยคิดว่าตัวเองชื่นชอบประวัติศาสตร์จนกระทั่งได้สมัครและเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในคณะที่เกี่ยวข้องแล้วฉันกลับรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่สิ่งที่ฉันชื่นชอบหรือต้องการจริงๆซักหน่อยถ้าถามว่าฉันเรียนได้ไหมฉันเรียนได้แต่ก็ไม่ได้ทำได้ดีแล้วก็ไม่ได้มีความสุขมากนักมีเพียงสังคมเพื่อนๆเท่านั้นที่เยียวยาฉันให้อดทนเรียนต่อไปได้จนปีการศึกษาสุดท้ายแล้วถ้าถามฉันอีกว่า แล้วทำไมตอนนั้นฉันไม่ซิ่วไปล่ะ อดทนเรียนต่อทำไม ซึ่งมันเป็นคำถามที่ฉันกำลังถามตัวเองอยู่ตอนนี้เหมือนกันว่าฉันอดทนทำไมคงเป็นเพราะว่าตอนนั้นฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วฉันชอบอะไรกันแน่ ฉันเริ่มหวาดกลัวกับการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นรวมถึงการที่เริ่มหันกลับมามองหาตัวตนจริงๆอีกครั้ง และรู้สึกโหยหาโอกาสที่เคยได้รับในอดีตหากแต่ความพยายามและความอดทนของฉันในตอนนั้นมีไม่มากพอทำให้ฉันทอดทิ้งสิ่งต่างๆมากมายได้โดยไม่รู้ตัวฉันจึงไม่กล้าทอดทิ้งในสิ่งที่ฉันทำอยู่ในตอนนี้แม้ฉันจะไม่มีความสุขก็ตาม
จนกระทั่งตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปีสุดท้ายในชีวิตมหาลัยฉันเริ่มมองหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆอีกซักครั้งโดยฉันเริ่มมองหาจากงานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำงานอดิเรกก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ฉันทอดทิ้งความสนใจมากมายที่อยู่กับตัวฉันเพียงชั่วครู่ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายเงินหลายบาทที่ฉันทุ่มเทไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่สร้างความสุขให้ฉันเพียงชั่วคราวเท่านั้น
แต่ก็มีงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกแย่เลยซักครั้งที่ต้องควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายนั่นก็คือหนังสือ
ฉันชอบอ่านหนังสือแต่ไม่ใช่หนังสือเรียนนะ หนังสือเรียนบางเล่มก็สนุกดีแต่ฉันชอบอ่านนิยายมากกว่า หนังสือชีวประวัติหนังสือจิตวิทยา หนังสือท่องเที่ยว หนังสือให้กำลังใจฉันชอบอ่านงานเขียนที่เกี่ยวกับแนวคิดของคนๆนั้น และฉันเองก็อยากลองเขียนเรื่องราวในความคิดและจินตนาการของตนเองบ้างเอาเข้าจริงๆฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าความฝันชิ้นนี้ของฉันจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหนฉันจะทอดทิ้งมันอีกครั้งหรือไม่ แต่ฉันกล้ายอมรับได้อยากเต็มปากเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันไม่อยากจะยอมแพ้ให้กับความใฝ่ฝันครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของฉันแม้จะหวาดกลัวแต่ฉันก็ไม่อยากสูญเสียอีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญาว่าฉันจะอดทนแม้ว่าสิ่งที่ฉันทำอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตแต่ฉันให้สัญญากับตัวเองว่าฉันจะต้องไม่รู้สึกเสียดายที่ต้องทอดทิ้งความฝันอีกต่อไปเพราะฉันจะพยายามอย่างอย่างเต็มที่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in