หมออีอาร์ตัวร้ายกับนายซูเปอร์สตาร์
CHAPTER 1/3
MARK/JACKSON
“หมอคะอุบัติเหตุรถชน คนไข้เตียง6 อาการหนักค่ะหมอ”
ร่างของคุณหมอดีดตัวขึ้นจากเตียงนอนที่พึ่งเอนหลังลงไปได้ไม่ถึง30 นาที รวบเอาสเตโทสโคปมาไว้ในมือ เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือที่แสดงเวลา 04:27นี่เขาเข้าเวรมาเกินเกือบวันแล้วนะ ขอสาปแช่งไอ้พวกลาแล้วภาระมาตกอยู่กับเขาให้เจอเคสเยอะกว่าเขา10เท่าอยู่ในใจแต่ก็สาวเท้าที่สวมรองเท้ายางสีดำวิ่งตามพยาบาลที่มาตามตัวไปยังห้องฉุกเฉิน เป็น ERเนี่ย หาเวลานอนยากจริงๆอย่างที่ใครว่าไว้นั่นแหละ
“ยังไม่ได้นอนเลยจะสิบโมงเช้า~” ใช่ อารมณ์นั้นแหละเพราะต้องอัดกาแฟไปอีกสองแก้ว ตอนนี้จะสิบโมงเช้าแล้ว เขาก็ยังไม่หลับได้แต่นอนมองเพดานสีขาวต่อไป
“ไปร้องไกลๆกูรำคาญ”เขาโบกมือไล่เพื่อนสนิทที่หนีไปอยู่แผนกอายุรกรรมเพราะความรักสบายของเจ้าตัว
“สติไอ้ห่า นี่ห้องกู” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ป้ายชื่อหมอที่ประจำห้องตรวจวันนี้ที่เป็นชื่อของตัวเอง ไม่ใช่ชื่อใครอื่น “จะนอนก็กลับไปนอนเตียงมึงนู่นมานอนอะไรเตียงคนไข้กูล่ะ”
“กูอดนอนมาสองวันเต็มตาแม่งดันค้างเพราะยังเบิร์นคาเฟอีนไม่หมดอีก หลับไม่ลง” ว่าไปตามจริงแต่ก็ลุกจากเตียงสำหรับตรวจคนไข้ เปลี่ยนแผนจะกลับไปนอนที่ห้องพักแทน
“บ้างานเองกูช่วยไม่ได้” เพื่อนสนิทเปิดแฟ้มคนไข้ไป และยักไหล่กวนประสาทเขาไปพร้อมกัน
“กูจะไปบอกให้น้องคนนั้นที่คณะศิลปกรรมเกลียดมึงคอยดู”
“หาเวลานอนก่อนค้าบค่อยมาขู่กูเรื่องน้องบี” จินหัวเราะร่า และลุกขึ้นส่งเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมกับรับเคสคนไข้ที่พึ่งมาใหม่ “ไปๆ เดี๋ยวเย็นๆกูไปปลุกกินข้าว”
“เออรีบนอนก่อน กูเข้าคืนนี้ต่อแทนพี่จ๊อบ บัดซบจริงๆ”
“เลือกเองจะบ่นทำห่าไรทำงานเหมือนบ้านไม่มีเงินอ่ะมาร์ค ไปนอนไป” จินดันหลังเขาพร้อมยิ้มให้กับพยาบาลที่พาคนไข้มายังห้องตรวจรองเท้ายางสีดำคู่เดียวกับเมื่อคืนพาร่างเขาเดินกลับไปยังห้องพักที่ไม่ได้กลับไปเลยตั้งแต่มีเคสตอนตี4หนักหัวเป็นบ้า พอจะ30แล้ว อะไรๆก็ไม่ฟิตอย่างเคยลุยเวรติดกันแบบนี้เขาอาจจะช็อคจนล้มไปได้เลยด้วยซ้ำ แต่เลือกได้ก็ทำอยู่ดีเพราะเขาไม่ต้องมีอย่างอื่นไปทำแล้ว อาชีพที่อดทนเรียนมาตั้งหลายปีกว่าจะได้เป็นเขาเลือกทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“หมอคะช่วยดูเคสนี้หน่อยค่ะ” พยาบาลที่อยู่เวรด้วยกันคืนนี้เดินมาเรียกเขาที่ยืนกรอกอาการคนไข้ที่ได้รับอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนอยู่
“เตียงไหนครับ?”เมื่อหันไปมองเขาก็ไม่เห็นใคร นอกจากเคสรถล้มในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา และเขายังไม่เห็นเคสไหนมาเพิ่มสักเคสนึง
“อยู่ที่ห้องตรวจหนึ่งค่ะ”คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นเล็กน้อยความอาการงง ปกติคนไข้ที่มายามวิกาลแบบนี้ก็ต้องตรงมาที่ห้องฉุกเฉินกันทั้งนั้น“ดาราค่ะหมอ” คุณหมอร้องอ๋อและพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามพยาบาลที่เดินนำไปที่ห้องตรวจด้านนอกห้องฉุกเฉิน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาเจอผู้ชายคนหนึ่ง สวมแว่นกันแดดและปิดแมสก์สีดำดึกดื่นป่านนี้ใครมันยังกลัวแสงแดดอีกหรือ คุณหมอนั่งลงฝั่งตรงข้ามของคนไข้เริ่มซักถามความเป็นมาตามสิ่งที่ทำเป็นประจำ พร้อมกับเปิดดูข้อมูลจากแฟ้มที่พยาบาลส่งให้ด้วย
“เป็นอะไรมาครับ?”เหมือนรอคำตอบอยู่นานหลายวินาที จนเขาเงยหน้ามอง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนตรงหน้า“ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ไว้มาอายุรกรรมใหม่ตอน8โมงเช้านะครับ ผมขอตัว”เมื่อเขาทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ มือของอีกฝ่ายก็เอื้อมมาจับเขาไว้ซะก่อน
“จะบ้าหรือไงหมอ?! มาตอนกลางวันคนก็เยอะไปหมด” เขานั่งลงอย่างเดิมแต่เพิ่มเติมคืออารมณ์หงุดหงิด
“หมอตอนกลางวันพร้อมทำหน้าที่ตรวจอาการคุณมากกว่าผมที่อยู่เวรฉุกเฉิน”พูดไปตามความจริง
“เป็นหมอเหมือนกันจะตรวจให้หน่อยไม่ได้หรือไงล่ะ?” ผู้ชายตรงหน้าเขาก็ดูโมโหขึ้นมาเฉยๆ
“ตอนผมถามคุณก็ไม่พูดตอนนี้จะมาให้ตรวจ จะเอาไงแน่ครับ?”
“ผมเป็นคนไข้นะจ่ายเงินมารับบริการไม่ได้ให้มาทำฟรีๆ พูดให้มันดีๆหน่อย”
“ค่อยมาตอนกลางวันนะครับเดี๋ยวผมส่งเคสให้เพื่อนผมดูแลเป็นพิเศษเลย สวัสดีครับ”เขาพูดจบแล้วรีบลุกออกจากห้องคิดว่าเป็นดาราแล้วจะมีอิทธิพลเหนือคนอื่นหรือยังไงกัน มาหาหมอตอนตีสอง มีความตั้งใจเดินมาตรวจให้ก็ดีเท่าไหร่แล้วยังจะมาทำตัวเป็นเด็กอยู่ได้
“พี่น้ำครับเดี๋ยวช่วยบอกจินว่าตอนเช้าเข้ามาแล้วช่วยรับเคสนี้ด้วยนะครับ”เขาฝากฝังพยาบาลที่ไปตามเขาจากห้องฉุกเฉิน ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนว่า “เฮงซวย”ดังมาจากด้านหลัง ได้ส่ายหน้าแล้วหันกลับไปบอกว่า “ร้องเรียนได้เลยนะครับคุณดาราผมชื่อ มาร์ค”
“ได้ข่าวตีกับคนไข้มาเมื่อคืนเก๋านักอ๋อไอ้สัด”จินที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวยาวเดินมาหาเขาถึงห้องพักที่อีกไม่กี่สิบนาทีก็จะถึงเวลาออกเวลาของพี่จ๊อบแล้ว
“เออบอกพี่น้ำให้เอาเข้าเป็นคนไข้มึงละ เป็นดาราแล้วเยอะ”เขาคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนเตียง แล้วเดินผ่านเพื่อนรักที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่
“ใจเย็นยังไงเขาก็เป็นคนไข้ แล้วเป็นไงวะ หล่อป้ะ?”
“หล่อห่าไรหน้ากูยังไม่เห็นเลย ใส่ทั้งแว่นทั้งแมสก์” เหมือนจินจะยังไม่อยากจบบทสนทนาเลยเดินคุยไปส่งเขาถึงทางออกลานจอดรถ
“เอ้าจริงดิ ฮ่าๆๆๆๆ ไว้เขามาแล้วกูจะบอก กลับบ้านดีๆอ่ะ นอนบ้างไอ้เหี้ย ตาดำหมดแล้ว”จินตบที่บ่าเขา แล้วโบกมือไล่
“เออรู้แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”
“จินกินข้าวกัน...” คุณหมอในชุดสครับสีเขียวเปิดประตูเข้าไปหาเพื่อนสนิทในห้องตรวจอย่างเคยชินแต่หากพบว่ามีอีกคนนั่งอยู่ด้วยและกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
“เอ้ามาร์ค เข้ามารอก่อนดิ” จินกวักมือเรียกเพื่นสนิทให้เดินเข้าไปนั่งรอในห้อง
“ไม่เป็นไรมึงตรวจไปก่อน”ผู้มาใหม่เตรียมจะปิดประตูและหันหลังกลับไปรอที่อื่นก็มีเสียงอื่นดังขึ้นเหมือนเรียกเขาไว้
“ไอ้หมอเฮงซวย!”
มาร์คชะงักชัดเลยว่าคงมีอยู่คนเดียวที่ช่วงนี้น่าจะเรียกเขาแบบนั้นพ่อดาราคืนก่อนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“สวัสดีครับคุณดาราวันนี้เป็นอะไรมาอีกล่ะครับ?”
“กวนตีนไอ้สัดดีนะน้องเขาไม่บอกให้คนมาดักฆ่ามึงหลังโรงบาล” จินพูดตอนพวกเขากำลังนั่งกินข้าวกลางวันกันอยู่แต่มาร์คไม่สนหรอก “เขาก็น่ารักดีนี่ คุยสนุกเลย ทำไมมีปัญหากับมึงได้วะ?” นั่นสิคงมาผิดเวลาล่ะมั้ง? หรือพฤติกรรมขัดหูขัดตาเมื่อกี้ไม่เห็นต้องใส่อะไรบังหน้าบังตาตอนให้จินตรวจให้สักหน่อย แต่กับเขาดันไม่ถอดและไม่ให้ความร่วมมือสักอย่าง
“ช่างเหอะกูไม่ขอเจออีกดีกว่า” ขืนเจออีกก็คงได้มีเรื่องกันอีกแน่
“กูว่ามาอีกแน่พักผ่อนน้อย บางทีอาจจะมาดึกๆให้มึงแทงน้ำเกลือให้ก็ได้” มาร์คมองค้อนให้เพื่อนรักหนึ่งทีก่อนรีบลงมือกินอาหารกลางวันให้หมด
สมพรปากหมอจินจริงๆไม่กี่คืนถัดมาผู้จัดการดาราดังก็วิ่งหน้าตาตื่นเข็นเตียงคนที่นอนสลบอยู่บนเตียงมาหาเขาจนได้ใบหน้าและร่างกายของดาราคนนั้นผอมกว่าที่เห็นจากรูปที่พยาบาลและหมอผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดเอามาให้ดูเมื่อวันก่อนเสียอีก
พยาบาลจัดการให้น้ำเกลือตามคำบอกของคุณหมอและบอกผู้จัดการว่าให้รออีกสักหน่อยดาราคนดังก็คงจะฟื้นมาต่อปากต่อคำใครๆได้เหมือนเดิม
“คนไข้เตียง4ชื่ออะไรนะครับพี่วิ” เขาถามพยาบาลที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อจะลงบันทีกเคสคนไข้ในระบบ
“น้องชื่อแจ็คสันค่ะน้องมาร์คไม่รู้จักเหรอคะ ดังจะเทียบณเดชน์แล้วนะ” เขาเลิกคิ้วในประเทศนี้จะมีคนชื่อแจ็คสันด้วยเหรอ?
“ชื่อจริงก็ชื่อแจ็คสันเหรอครับ?” และถามต่อด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะน้องเป็นลูกครึ่งค่ะ” คุณหมอพยักหน้าแล้วร้องอ๋อเมื่อได้รับคำตอบ ต่อด้วยลงมือไล่ตรวจคนไข้เตียงอื่นๆอีกครั้งก่อนจะวนไปถึงเตียงที่4ก็เห็นดาราดังนอนลืมตาอยู่แล้ว
“ไงคุณรู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ?” เขาสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าได้จากดวงตาของอีกฝ่ายรอยดำและบวมใต้ดวงตากลมนั่นคงไม่ดีต่ออาชีพดาราสักเท่าไหร่
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับผู้จัดการคุณบอกว่าคุณล้มลงไปแรงเหมือนกัน” หากแต่อีกฝ่ายเมินหน้าหนีเขาซะได้ “โอเคไม่บอกไม่เป็นไร ผมจะให้หมอท่านอื่นมารับผิดชอบคุณแทนโอเคนะ?” ไม่สบอารมณ์แต่ก็พูดจนจบและยื่นแฟ้มให้พี่จ๊อบที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
ในเมื่อเขาไม่อยากให้ตรวจก็ไม่ตรวจก็ได้ มาร์คคิดแบบนั้น
หากแต่อาการของอีกฝ่ายก็ยังกวนใจเขาอยู่แม้กระทั่งตอนกลับไปนอนที่ห้องพักหากเป็นปกติคงเอ่ยปากด่ากันฉอดๆไปแล้วแต่วันนี้ไม่มีซักคำพูดที่หลุดออกมาจากปากไร้สีนั่นเลย
ก่อนออกเวรเขาจึงตัดสินใจวนไปหาอีกที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้งแต่ก็พบว่าคุณดารากำลังนั่งอยู่บนวีลแชร์ละเข็นไปยังลานจอดรถ
“อาการเขาเป็นไงอ่ะครับพี่วิ คุณดาราน่ะ” พยาบาลตรงหน้าร้องอ๋อขึ้นมา
“น้องพึ่งกลับไปก่อนน้องมาร์คเดินมาเมื่อกี้เองค่ะแต่เห็นว่าน่าจะยังยืนไม่ไหว ขาดสารอาหาร โหมงานหนัก หมอจ๊อบสั่งให้ทานข้าวบ้างค่ะ”
“อ่อครับกลัวว่าจะเป็นอะไรหนัก เห็นไม่ด่าผมเลยแปลกใจ”
“นี่ที่เขาลือกันว่าไม่ถูกกันนี่จริงเหรอคะพี่ไม่รู้เลย”
“ประมาณนั้นครับพี่น้ำอยู่กับผมตอนนั้น ลองไปถามดูได้ ผมก็ไปตรวจให้นะแต่เขาไม่ให้ตรวจแล้วยังมาด่าอีก”
“ปกติคงมีคนเอาอกเอาใจเยอะน่ะค่ะหรือไม่หมอก็คงทำหน้าง่วงเกินไปจนน้องเขาไม่พอใจ” ก็พอจะรู้มาบ้างว่าสีหน้าไร้ความรู้สึกของเขานั้นเป็นที่กล่าวขานถึงแต่คนที่เข้ามารู้จักจะรู้ได้ว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากง่วงเท่านั้นเอง
“ผมก็ทำปกตินะครับไม่เคยละเลยหน้าที่”
“พี่รู้ค่ะแต่เวลาหมอง่วงนอน หน้าหมอเหวี่ยงนะคะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับไว้ถ้าเขามาใหม่ผมจะไปขอโทษเขาละกัน”
“ลองไปถามทริคจากหมอจินสิคะคนไข้ติดตรึมขนาดนั้น” พี่พยาบาลหยอก
“ถ้าขนาดนั้นผมคงไม่ถนัดอ่ะครับพี่วิ”
“เผื่อจะมีใครมาถูกใจหมอมาร์คของพี่ซะทีนะถ้ายิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น” มาร์คยิ้มรับกับคำพูดของรุ่นพี่ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าจะหาใครมาเป็นคนๆนั้นแค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
ถัดมาสองคืนคนไข้เงียบกว่าคืนไหนๆ แต่เขาถูกตามตัวจากห้องพักอีกครั้ง พยาบาลแจ้งว่ามีคนมาขอพบเขางุนงงกับสถานะการณ์นั้นเล็กน้อย แต่ก็เดินไปยังห้องฉุกเฉิน
“เป็นอะไรมาครับ?”คุณหมอถามด้วยความสงสัย ดาราที่นั่งรอเขาอยู่หน้าทางเข้าห้องพร้อมถุงกระดาษลายนางเงือกสีเขียว
“ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรเลยซื้อมาทั้งอเมริกาโน่กับชาเขียว”
“ซื้อมาให้ผมเหรอ?”
“ใช่สิ...ขอโทษด้วยที่เสียมารยาทใส่หมอตั้งหลายครั้ง” สีหน้าของคุณดาราดูเศร้าหมองลงเล็กน้อยราวกับรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับผมก็คงไม่ได้ทำดีกับคุณเท่าไหร่เหมือนกัน ขอโทษครับ” เขานั่งลงสนทนาด้วยข้างๆ“แล้วนี่หายหรือยังครับ?”
“ได้พักแล้วตั้งแต่เมื่อวานพอจะหายใจหายคอได้หน่อย” ไม่ว่าเปล่าแต่แสดงท่าทางว่ามีเรี่ยวแรงเหลือใช้เกินอัตราด้วยซ้ำ
“แล้วดึกดื่นทำไมไม่กลับไปพักผ่อนนอนให้เต็มอิ่มล่ะครับ?” คุณหมอถามต่อด้วยความสงสัยเพราะเวลาตอนนี้ก็ใกล้จะตี1อยู่รอมร่อ
“มาตอนอื่นก็ไม่เจอหมอสิจะเอากาแฟมาให้ เผื่อต้องอยู่ยันเช้า” ถุงกระดาษถูกเลื่อนมาให้เขาอีกครั้ง
“ขอบคุณมากครับไม่รับไว้คงเสียมารยาทใช่ไหม”
“รู้ก็ดีงั้นผมไปแล้วนะ กลัวนักข่าวเจอ” พูดจบก็รีบเอาอุปกรณ์พรางตัวอย่างแว่นดำขึ้นมาสวม
“ครับกลับบ้านดีๆนะ น้องแจ็คสัน”
คุณดาราที่เดินจากไปแล้วหันกลับมามองและยิ้มให้เขาจางๆ แต่ก็รีบพาตัวเองออกไปจากบริเวณโรงพยาบาล
มาร์คคิดว่าถ้าไม่เจอกันในเวลาทำงานก็อาจจะผูกมิตรกันง่ายกว่านี้เพราะเจ้าตัวก็ดูเป็นคนอัธยาสัยดีซะขนาดนั้นเขามองถุงกระดาษบนตักพร้อมกับสงสัยว่าคนอะไรทำไมซื้ออเมริกาโน่กับชาเขียวมาให้มันไม่ต่างกันไปหน่อยหรือไงนะ แต่ช่างเถอะ ถ้าได้เจอกันอีกเขาก็จะทำดีกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้เหมือนกันนัดกินข้าวดีไหมนะ?
TBC.
#icgshot
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in