เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
RAINFALLanness
Come Rain, Come You (1/2)
  • -
    ขณะนี้เป็นเวลาห้าทุ่มนิด ๆ ฉันที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงหนังแทบจะฟื้นคืนจากห้วงอารมณ์ของหนังที่เพิ่งดูจบไปเกือบจะทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่กระทบหลังคา เสียงฝนเทเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำเอาหูฉันอื้ออึงไปหมด และสมองก็กำลังประมวลผลอย่างเร่งด่วนว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี

    ช่วงนี้คือหน้าฝน และพยากรณ์อากาศก็ประกาศเตือนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อประชาชนในประเทศว่าให้พกร่มออกไปข้างนอกด้วยเสมอ ... รู้ทั้งรู้ ฉันก็ยังไม่พกร่มคันจิ๋วนั่นมา ไม่ได้ลืม ไม่ได้ขี้เกียจ ก็แค่ความคิดแบบมักง่ายที่คิดว่าฝนที่ไหนจะมาตกตอนห้าทุ่มเที่ยงคืน กอปรกับตอนบ่ายคุณสายน้ำจากฟากฟ้าก็เทกระหน่ำราวกับโกรธโลกทั้งใบที่ทำตัวไม่ได้ดั่งใจซะขนาดนั้น

    ใครจะไปคิดว่าฟ้าฝนจะพากันตกต้อนรับการดูหนังรอบดึกของฉันอีกครั้งกันล่ะ

    ฉันออกมายืนมองหยาดฝนที่พากันร่วงหล่นจากท้องฟ้าสีดำภายใต้หลังคาของอาคารโรงหนังเล็ก ๆ แห่งนี้ มันไม่ได้ตกหนักเท่าตอนบ่าย แต่ก็พอทำให้เปียกมะล่อกมะแล่กได้ สายตาฉันจับจ้องที่เม็ดน้ำฝนยามแตกกระเซ็นซ่านเมื่อสัมผัสพื้นซีเมนต์แข็ง มอง ๆ แล้วก็เหมือนว่ามันกำลังเต้นระบำกันอยู่

    ฉันชอบฝนและรักโลกหลังฝนตกยิ่งกว่าอะไร แต่หากจะให้ฉันเดินฝ่าห่าฝนเหมือนนางเอกเอ็มวีเพลงอกหักของไทยก็คงไม่เอาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหวัดครั้งล่าสุดที่กินเวลากว่าครึ่งเดือนทำเอาฉันเข็ดขยาด การนั่งเขียนงานไปด้วยปาดน้ำมูกน้ำตาไปด้วยไม่ใช่เรื่องหรรษาเลยสักนิด 

    ฝนยังตกอยู่อย่างนั้น และฉันก็ยังยืนนิ่งไม่ไปไหน คนรอบตัวที่ดูหนังรอบเดียวกับฉันเริ่มตัดสินใจพากันวิ่งฝ่าฝนไปหาที่กำบังแห่งใหม่ ส่วนคนที่มีร่มก็เริ่มหยิบมันมากางแล้วเดินออกไปอย่างปลอดภัยจากเม็ดฝนสมกับที่เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ฉันเริ่มพร่ำบ่นกับตัวเองในใจ ตั้งแต่เรื่องที่งี่เง่าไม่ยอมพกร่มมาเรื่อยไปจนถึงการไม่ยอมอดทนรอดูรอบปกติธรรมดาจนต้องถ่อมาดูรอบ sneak preview และต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่ แต่เอาเถอะ สุดท้ายก็คงต้องรอให้ฝนซากว่านี้แล้วฝ่าไปอยู่ดี

    "เธอ ๆ ไปกับเราไหม เรามีร่ม" เสียงที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสที่ไหล่ฉันจากด้านหลัง 
    ดีจังที่ท้องฟ้ายังเห็นใจ นอกจากจะส่งฝนลงมาแล้วก็ยังส่งคนใจดีมาช่วยฉันจากวิกฤตนี้อีก
    "อ้าว เอย !/เฮ้ย" 
    เมื่อฉันหันตัวกลับไปประจันหน้าผู้มาช่วยเหลือ ทั้งฉันและเขาก็ต่างทำหน้าประหลาดใจ ตลกดีที่จู่ ๆ ฉันก็มาบังเอิญเจอเขาหลังจากที่ไม่ได้คุยและเห็นกันมานานนับปีหลังจากเรียนจบ

    "มาดูหนังหรอ" คำถามโง่ ๆ หลุดออกจากปากจนฉันอยากจะตบหน้าผากตัวเอง 
    ฉันเคยไม่เข้าใจเวลาคนรู้จักเจอฉันที่โรงหนังแล้วถามคำถามประเภทนี้ แต่พอได้มาเจอสถานการณ์กับตัวก็ทำให้เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าเวลาเราต้องการจะทักหรือหาเรื่องคุยกับใครสักคนเพื่อไม่ให้กระอักกระอ่วน มันยากแบบนี้นี่เอง 
    "ใช่ เรื่องเดียวกับเมแน่เลย Carol ป่ะ" เขาถามกลับ
    "งั้นใช่ละ แล้วทำไมเราไม่เจอเอยวะ" 
    รับรู้ได้ว่าคิ้วทั้งสองข้างเริ่มขมวดเป็นปม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันทำเป็นนิสัยเวลาครุ่นคิดหรือพยายามนึกอะไรมาก ๆ
    "เราเข้าโรงช้ามั้ง แล้วนี่มาดูคนเดียวหรอ" เขาทำท่าชะเง้อชะแง้เหมือนมองหาคนที่คิดว่าฉันน่าจะมาด้วย
    "แน่นอนสิ ชวนใคร ใครจะมา เลิกดึกขนาดนี้" 
    ฉันเอ่ยตอบเสียงเนือย แต่จริง ๆ แล้ว ฉันก็ชอบดูหนังคนเดียวเป็นปกติ เอยสิที่เป็นฝ่ายไม่ชอบดูหนังคนเดียว
    "วันหลังชวนเราก็ได้นะ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง" ฉันยิ้มเจื่อนให้คำชวนของคนที่บังเอิญเจอ 
    ไม่แน่ใจว่าเขาพูดเพราะมารยาทหรืออะไร แต่คนไม่ได้คุยกันเป็นปี ๆ จะให้ไปทักเพื่อชวนดูหนังรอบดึกนี่ก็จะแปลกไปหรือเปล่า

    -
    "ยังอยู่หอเดิมใช่ไหม" เขาที่เริ่มขยับมายืนข้าง ๆ ยังชวนฉันคุยต่อ
    "ย้ายออกมาแล้ว แต่ก็อยู่แถวนี้แหละ ไม่ไกลจากเดิมเท่าไหร่"
    "งั้นเราไปส่งได้ ดูแล้วฝนไม่น่าจะหยุดตกง่าย ๆ" 
    เราทั้งสองคนเงยหน้ามองฟ้าสีดำอีกครั้ง แน่นอนว่านี่ผ่านมากว่าสิบนาทีแล้ว ฝนก็ไม่มีท่าทีจะเบาลงเลยแม้แต่น้อย
    "ไม่เอา เราเกรงใจ" ฉันตอบปฏิเสธ แม้ภายในใจจะคิดหนักกว่าถ้าเอยทิ้งฉันไว้จริง ๆ ฉันจะทำยังไงดี
    "เพื่อนกันจะเกรงใจทำไม จะได้เดินคุยกับเมด้วยไง ไม่ได้คุยกันตั้งนาน"
    เขาเผยรอยยิ้มเดิมแบบที่ฉันเคยเห็นเมื่อตอนเรียนด้วยกันอีกครั้ง 
    และเมื่อนั้นฉันก็เหมือนได้เห็นแสงอาทิตย์ตอนห้าโมงเย็นในเวลาเกือบเที่ยงคืน

    -
    หลังจากพูดจบ (ที่ฟังดูเหมือนเป็นการมัดมือชกกลาย ๆ) มือเล็กของเอยก็ออกแรงกางโครงเหล็กร่มสีฟ้าอ่อนออก ก่อนจะทำหน้าพยักเพยิดให้ฉันเข้าไปยืนข้าง ๆ 
    ฉันยังรู้สึกแปลกแปร่งกับคำว่า เพื่อน ของเขานิดหน่อย อันที่จริงก็ได้ยินคำเรียกนี้จากเขาไม่บ่อยนักตั้งแต่รู้จักกันมา จะว่ายังไงดีล่ะความสัมพันธ์ของฉันกับเอยมันเบาบางและซับซ้อนจนฉันยังไม่กล้ากำหนดคำนามแห่งมิตรภาพนั้นแทนระหว่างกันลงไปเลย 

    ใจจริง ฉันอยากจะเอ่ยถามว่าทำไมเอยถึงมาดูหนังคนเดียว แล้วอีกคนของเขาหายไปไหน 
    แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่กลืนคำถามลงไป แล้วยอมเดินใต้ผืนผ้าสีฟ้าอ่อนที่เหมือนถูกสร้างมาพอดิบพอดีกับพื้นที่ของผู้หญิงทั้งสองคน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in