เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลJacelyn_D
Vincent - Don Mclean


  • นายงดงามเกินกว่าที่จะอยู่ในโลกที่มัวหมองใบนี้

    [Verse 1]
    Starry, starry night
    Paint your palette blue and grey
    Look out on a summer's day
    With eyes that know the darkness in my soul
    Shadows on the hills
    Sketch the trees and the daffodils
    Catch the breeze and the winter chills
    In colors on the snowy linen land


    ค่ำคืนที่ดวงดาวจรัสบนท้องฟ้า
    สีเทา และฟ้า แต้มอยู่บนถาดสีของนาย
    เฝ้ามองไปยังวันหนึ่งในฤดูร้อน
    ด้วยสายตาที่รู้ถึงความมัวหมองในจิตใจ
    เงามืดบดบังบนแนวเขา
    ร่างภาพต้นไม้และดอกแดฟโฟดิล
    สัมผัสถึงสายลมแผ่วเบาและความหนาวเหน็บ
    ในสีสันบนผืนหิมะขาว
    *Catch the breeze and the winter chills. In colors on the snowy linen land อาจเปรียบถึง แวนโก๊ะ ได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้น(สายลมและความหนาว)แล้วนำมาแต่งแต้มบนผืนผ้าใบ(ผืนหิมะขาว)*


    [Chorus]
    Now I understand
    What you tried to say to me
    And how you suffered for your sanity
    And how you tried to set them free
    They would not listen, they did not know how
    Perhaps they'll listen now


    ตอนนี้ฉันเข้าใจนายแล้ว
    ว่านายต้องการจะบอกอะไรกับฉันเสมอมา
    ว่านายต้องเจ็บปวดเพียงใด
    และนายพยายามมากเพียงใดที่จะสลัดให้มันหลุดไป
    พวกเขาไม่เคยฟังนายเลย และพวกเขาก็ไม่รู้จักฟัง
    ทว่าตอนนี้ เขาอาจจะเริ่มฟังนายแล้ว
    *They would not listen, they did not know how. Perhaps they'll listen now อาจหมายความได้ว่า แวนโก๊ะได้พยายามมาทั้งชีวิตของเขาเพื่อที่จะได้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ทว่าทุกอย่างกลับกลายเป็นอีกอย่าง เขาไม่เคยถูกจดจำในฐานะศิลปินตลอดขีวิตของเขา แม้กระทั้งครอบครัวของเขาเองก็ไม่ได้สนใจ มีเพียงเเค่น้องชายของเขา ที่เชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ*

    [Verse 2]
    Starry, starry night
    Flaming flowers that brightly blaze
    Swirling clouds in violet haze
    Reflect in Vincent's eyes of china blue
    Colors changing hue
    Morning fields of amber grain
    Weathered faces lined in pain
    Are soothed beneath the artist's loving hand

    ค่ำคืนที่ดวงดาวจรัสบนท้องฟ้า
    ดอกไม้ลุกโชนสว่างไสว
    หมู่เมฆวนท่ามกลางหมอกยามอาทิตย์อัสดง
    สะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีฟ้าครามของวินเซนท์
    สีสันเปลี่ยนแปลงเฉดสี
    ท้องทุ่งในยามเช้าด้วยสีเหลืองสีอำพัน
    ใบหน้าตากแดดตากลมนับสิบรายเรียงอยู่ในความทุกข์
    และบัดนี้บรรเทาลงแล้วในมืออันอ่อนโยนของศิลปิน
    *Swirling clouds in violet haze อาจหมายถึง The Mistral (ลมชนิดหนึ่งที่พัดผ่านประเทศฝรั่งเศส) ที่น่าจะเป็นสายลมเดียวกันกับในภาพ The Starry Night*
    *แมคลีน อาจกล่าวว่า รูปภาพทั้งหมดที่แวนโก๊ะวาดมันถูกสะท้อนออกมาจากตัวเขา ผ่านดวงตา ความรู้สึก และความทรงจำ และรูปภาพที่เขาวาดลงไปแล้วนั้นก็ยังคงสะท้อนกลับมายังดวงตาของเขา*

    [Chorus]
    Now I understand
    What you tried to say to me
    And how you suffered for your sanity
    And how you tried to set them free
    They would not listen, they did not know how
    Perhaps they'll listen now

    ตอนนี้ฉันเข้าใจนายแล้ว
    ว่านายต้องการจะบอกอะไรกับฉันเสมอมา
    ว่านายต้องเจ็บปวดเพียงใด
    และนายพยายามมากเพียงใดที่จะสลัดให้มันหลุดไป
    พวกเขาไม่เคยฟังนายเลย และพวกเขาก็ไม่รู้จักฟัง
    ทว่าตอนนี้ เขาอาจจะเริ่มฟังนายแล้ว


    [Bridge]
    For they could not love you
    But still your love was true
    And when no hope was left in sight
    On that starry, starry night
    You took your life, as lovers often do
    But I could have told you, Vincent
    This world was never meant for one
    As beautiful as you

    สำหรับพวกเขาที่ไม่อาจรักนายได้
    ทว่าความรักของนายนั้นยังคงจริงเสมอ
    และในยามที่ความหวังไม่หลงเหลือในสายตา
    โอ้ วันนั้นที่ดวงดาวเจิดจรัสในยามราตรี
    นายได้พรากตัวนายจากไป อย่างที่คนรักคนคนไหนเขาก็ทำกัน
    แต่ฉันเพียงอยากจะมีโอกาสได้บอกกับนาย วินเซนท์
    โลกใบนี้ไม่มีความหมายอันใดกับคนที่งดงามยิ่งอย่างนาย
    *แวนโก๊ะได้จบชีวิตตัวเองลง โดยการยิงปืนเข้าที่ท้อง และเขาได้จากโลกนี้ไปในอีกสองวันถัดมา*


    [Verse 3]
    Starry, starry night
    Portraits hung in empty halls
    Frameless heads on nameless walls
    With eyes that watch the world and can't forget
    Like the strangers that you've met
    The ragged men in ragged clothes
    The silver thorn; a bloody rose
    Lie crushed and broken on the virgin snow

    ค่ำคืนที่ดวงดาวจรัสบนท้องฟ้า
    รูปภาพมากมายถูกแขวงอยู่ในโถงอันว่างเปล่า
    ไม่มีแม้กระทั่งกรอบรูป หรือชื่ออยู่บนข้างฝา
    ด้วยสายตาที่จดจ้องมากโลก และไม่อาจลืมเลือน
    เฉกเช่นเดียวกับคนมากหน้าหลายตาที่นายเคยได้พบ
    ชายมอมแมมกับเครื่องห่มอันสกปรก
    หนามเหล็กแหลมคม และกุหลาบสีแดงเลือด
    ความลวงได้ทิ่มแทงและทำลายหิมะขาวบริสุทธิ์

    *อาจอ้างถึงเรื่อง The NIghtingale and The Rose โดย Oscar Wilde เจ้านกไนติงเกลได้เสียสละชีวิตให้หนามแหลมทิ่มแทงจิตใจ เพื่อให้ต้นกุหลาบบาเรน ได้ออกดอกกุหลาบสีงามเพียงหนึ่งดอก “If you want a red rose,” said the Tree, “you must build it out of music by moonlight, and stain it with your own heart's-blood. *


    [Outro]
    Now I think I know
    What you tried to say to me
    And how you suffered for your sanity
    And how you tried to set them free
    They would not listen, they're not listening still
    Perhaps they never will

    ตอนนี้ฉันว่าฉันรู้แล้วหละ
    ว่านายพยายามจะบอกอะไรกับฉัน
    ว่านายต้องเจ็บปวดเพียงใด
    และนายพยายามมากเพียงใดที่จะสลัดให้มันหลุดไป
    พวกเขาไม่เคยฟังนายเลย และพวกเขาก็ยังคงไม่ฟังอยู่ดี
    และพวกเขาคงไม่มีวันฟัง


    Lyrics: genius.com

    อีกเพลงที่สะท้อนความเศร้าและโดดเดี่ยวของศิลปินที่ไม่มีใครรู้จักในยามที่เขายังอยู่ และเมื่อความตายได้มาเยี่ยมเยียนเขาก็ไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว  ถ้าหากผิดพลาดหรือในส่วนของการตีความนั้นไม่เป็นไปตามที่ผู้ประพันธ์เพลงตั้งใจให้เป็น ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ทุกคนสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ เพื่อให้เราได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไปในอนาคต ขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามารับชมนะคะ




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in