เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storynonfelicitatum
รีวิววิชาอักษรฉบับเด็กเอกปรัชญา : ปี 2 เทอม 2

  •           อันนี้เป็นวิชาที่เราเลือกเอง วิชาที่ไม่ชอบ ไม่สนใจจะโยนทิ้งลงถังขยะไม่สนใจะที่จะรีวิวใดๆทั้งสิ้น เอาจริงยังไงวิชาบังคับคณะก็มีคนรีวิวเยอะอยู่แล้วคงไม่ต้องสาธยายสรรพคุณไรมาก

    Nazi Germany
               

              ชื่ออาจารย์ผู้สอนก็บ่งบอกคุณภาพสอนไม่ทันตามสไตล์ แต่เนื้อหาที่ได้มาพร้อมเอกสารชั้นต้น แน่นมากอ่านเป็นปีก็ไม่หมดตอนแรกเครียดกับการสอบและเกรดมาก แต่ได้ มาอย่างไม่ยาก( ไม่ยากจริง ๆไม่ได้ประชด) เพราะอาจารย์เข้าใจเด็กที่ต้องทรมานเทอมนี้ + ทุกคนในห้องตั้งใจเรียน อ่านงานที่assigned ก่อนเข้าคลาส   พยายามตอบในห้อง ให้เค้าจำได้ก็ได้คะแนนparticipant 55555555 ไม่มีสอบกลางภาค ปลายภาคมีสอบพูดเกี่ยวกับเนื้อหาซึ่งชิวเค้าจะแบ่งเป็นกรุ๊ป ๆ อ.จะเปิดโอกาสให้เราถาม กรุ๊ปเราเน้นถามรัวๆก่อนอาจารย์จะถามกลับ555555 แต่ถ้ากลับไปสอนออนไซต์ก็น่าจะโหดหินขึ้นมาหน่อยเช่นต้องพรีเซ้นต์หนังสือที่อาจารย์ assigned ให้ เขียนตอบเป็นเอสเสตามธรรมเนียม

              เนื้อหาสำหรับนี่มีประโยชน์มากสำหรับเราที่สนใจปรัชญาเยอรมันในศตวรรษที่ 20ที่นักปรัชญามักจะดีเบทกันเรื่องคุณค่าๆต่างหลังภาวะล่มสลายของอารยธรรมตะวันตกที่นาซีทำลายไปเพราะอาจารย์จะพูดถึงคีย์เวิร์ดสำคัญหลายอย่างแบบละเอียดมาก พร้อมแซะความเข้าใจผิดๆในสังคมไทย55555555เช่น โครงสร้าง อำนาจ ความสัมพันธ์ gender power dynamic ฯลฯ รวมถึงเป็นพื้นที่ให้เอาปรัชญาไปจับเพื่อสร้างคอนเซปสารพัดนึกเนื้อหาโดยกว้างคือ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนาซีในไทย พร้อมข้อโต้แย้งเชิงวิชาการหลักฐานมาเต็ม(เช่น นาซีไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง, นาซีทำเพื่อเศรษฐกิจ, ฮิตเลอร์ขึ้นมามีอำนาจเพราะกล้า เก่ง มี วาทศิลป์ ช่วยเศรษฐกิจ, ทักษิณหรือลุงตู่จะเป็นฮิตเลอร์ นาซีเป็นคอมมี่ คนตายในนาซีก็เหมือนคนที่ตายในรัฐบาลเหมารัฐบาลคอมมี่ ที่กล่าวมาผิดทั้งหมด !) การตีความระบอบนาซีในทัศนะที่ต่างกันออกไป เช่น banalityof evil, fuhrer principe, uncompromising generation etc.  ศึกษาอุดมการณ์ของนาซีเชิงลึก ตีความสัญญะความหมายของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ใครที่จะสนใจพวกแบบยุทธศาสตร์การรบ ระเบิด รถถังไม่มีนะจ้ะ


    Aesthetics

              

              วิชาที่เล็งไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าปี 1 ได้เรียนสมใจกับอ.เกษมสุดที่รักเรียนชิลมาก เป็นเจนเอด (หมายถึงอาจารย์ชิล แต่เนื้อหาจุกและเลยความเป็นเจนเอดหมือนเดิมนะ)สอนทันตามเนื้อหาที่วางไว้เป๊ะ แต่ข้อเสียก็คือเหมือนเดิม อาจารย์ไม่มีเวลาเลคเชอร์มากอริสโตเติล ยัน anthropocene art นักปรัชญาคนนึงก็คาบนึง แล้วในคาบบางครั้งช่วงดิสคัสก็กินเวลานานเหลือเกินอาจารย์ชิลให้พักให้อีก 15 นาที  สำหรับเราเวลามันไม่พอจริงกับเนื้อหาต้องการมากกว่านี้แต่สมองก็อาจจะไม่ไหวนั่นแหละ 5555555 อ่อเรียนชิลแต่เปเปอร์10-15หน้าชิ้นเดียวชี้เป็นชี้ตายไม่ดีคือตุ้บ  

                  เนื้อหาแอดวานซ์เหมือนเดิม อาจารย์อาจจะบอกว่ามันง่าย แต่สำหรับเรามันแอดวานซ์มาก เข้าใจอาจารย์ว่าถ้าย่อยให้มันง่ายเกินไปมันจะเสียวิธีคิดบางอย่างไป ตอนเขียนเปเปอร์คือเครียดมาก เลือกนักปรัชญาเข้าใจยากอย่างไฮเดกเกอร์มาเขียนงานแต่ก็คว้า มาได้แบบงงๆ  เนื้อหาที่เขียนก็ประมาณว่าอะไรคือสารัตถะของงานศิลปะ การเปิดเผยความจริง ? แล้วงานศิลปะเปิดเผยความจริงได้อย่างไรการแยกระหว่างสิ่งของกับงานศิลปะแยกจากอะไร การจัดวางงานศิลปะ กับงานสร้างโลกในงานศิลปะมันเปิดเผยความจริงยังไงแล้วมีมมีสารัตถะอันนี้ไหม เนื้อหาคนอื่น ๆ ถ้าเปนงานของนักปรัชญาคนอื่นก็จะแอดวานซ์ไปอีกแบบเช่น งานโถฉี่ที่โต้แย้งความเป็นเจ้าของงานศิลปะแบบไฮเดกเกอร์ นิทเช่ที่บอกว่าเอ้ยเราต้องจิตสำนึกแบบกรีกดั้งเดิมกลับมานะหรือเฮเกลที่บอกว่าศิลปะต้องสวย ทำไมต้องสวย แต่แนวคิดหลังก็โต้แย้งว่าไม่จำเป็นความน่าเกลียดก็มีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์นะเว้ย อะไรแบบนี้

                     ก็สมใจอยาก แต่พวกดนตรีอาจารย์ไม่ค่อยพูดถึงเพราะต้องใช้ความรู้ทางคีตวิทยามากเช่นต้องพูดถึง mode motif คอร์ด  ต่างๆมากมาย ซึ่งนี่ก็อ่อนด๋อยเหลือเกินที่พอจะเก็ตก็คือพวกเสียงมนุษย์เท่านั้น เส้า


    Philos Film
               

               เจนเอดอีกตัว แต่เปนวิชาเลือกในเอก เน้นอ่านเปเปอร์ปรัชญา+ ดูหนัง แล้วมาฟังเลคเชอร์ในห้องพร้อมดิสคัสกัน มีสอบสองครั้งกลางภาค ปลายภาค


                อันนี้ก็เจนเอดที่จุกเหมือนกัน อ.ใกล้รุ่งน่ารักมาก แต่คอมเม้นต์งานละเอียดและทำให้หวั่นใจเช่น สอบกลางภาคด้วยความชิลก็เลยไม่ได้สตริคเรื่องฟอร์มมาก + เน้นไซต์ตัวบทต้นฉบับเพื่อโชว์ว่าชั้นอ่านงานยากๆรู้เรื่องนะอะไรงี้แบบอ่านงานวิจารณ์หนัง
    neo-realism  ในนิตยาสารหนังฝรั่งเศสได้ ไซต์เป็นภาษาฝรั่งเศสโฮะโฮะ(ซึ่งรู้เรื่องรุ้เปล่าก็ไม่รุ้+ กับเนื้อหาครึ่งแรกมันยากกว่าเนื้อหาครึ่งหลังมากไม่แอดวานซ์พอจะไปเถียงในเชิงความคิดตัวเองได้มากแค่อธิบายนักปรัชญาก็เต็มกลืนแล้ว เป็นเรื่องแบบ หนังคืออะไร หนังทำอะไรกับจิตของเราหนังมีความจริงอยู่ในหนังไหมหรือเป็นการหลอกจิต ) ปรากฏคะแนนออกมาก็ไม่ได้น่าพอใจขนาดนั้น( 35/40 เหมือนเยอะแต่มีรุ่นพี่ได้ 40/40 อิจฉามาก55555) ข้อสอบปลายภาคที่ให้วิเคราะห์หนังเรื่องHomestayในเชิงปรัชญในหัวข้อที่กำหนดให้ เช่น การสงสัยความจริง, ศีลธรรม, ความเป็นตัวตน ซึ่งเป็นหัวข้อจากหนังที่เคย assignให้ดูในคลาสไปแล้ว เช่น The matrix, GroundhogDay, Memento  เลยไม่ทำงั้นแล้ว แต่ใส่ความคิดตัวเองรัวๆลดการใช้ศัพท์เฉพาะลง (ซึ่งเอาจริงก็ยืมวิธีคนนู้นนิด คนนี้หน่อยมายำๆ ในวิธีคิดของเราซึ่งก็มั่นหน้าอยู่เหมือนกันยำ Heidegger, Saussure, Deleuze, Derrida เอาไว้ด้วยกัน ) สรุปคอมเม้นต์ข้อสอบปลายภาค อ.แวะมาบอกเราว่า โต้แย้งได้น่าจะสนใจนะคะแต่แนวคิดที่ใช้กับตัวอย่างความคิดที่โต้แย้งไว้มันตอบคนละโจทย์กันนะคะ...... (5555555555555สไตล์อาจารย์อักษร)”พร้อมทิ้งท้ายคำถามทางปรัชญาออกกำลังกายสมองและข้อความว่า“รอลุ้นเกรดนะคะ” แต่ก็ได้ มา ปาดเหงื่อเบา ๆ


    Sing theatre
         

              ของภาคละคร 2 หน่วยกิต เรียนออนไลน์ก็จะเส้าๆหน่อยมีกลับไปออนไซต์ช่วงนึง และก็ออนไลน์อีกและ เส้า แต่อาจารย์ก็พยายามจัดเวลาให้ได้ เหมือนมีvocalcoach ระดับโลกมาเช็คเสียงเราทุกวันศุกร์ อาจารย์ชิลมาก ใจดีมากด้วย แบบมีปัญหาไม่มีเวบแคมขอไปเรียนที่คณะส่วนตัว ปรากฏอาจารย์ให้โอกาสแถมมีต่อเวลาให้เพิ่มด้วย เหมือนเห็นถึงความพยายามของเรา55555555 มีสอบร้องเพลงที่กำหนดให้ทั้งไทย และ อิ้ง สองครั้ง คือกลางภาค และปลายภาคอยากลงมานานเช่นกัน ก็ได้เรียนสมใจ เย้ แต่แอบจุกเพราะต้องเรียนเช้า

                คาบแรกเช็คเสียง ก็คือตื่นเต้นมาก แย่มาก 555555555 ซัฟเฟอร์กับ stagefright มาตลอด คือทุกอย่างในร่างกายจะไม่ฟังชั่นก์ใด ๆ ทั้งหูและเสียง เพราะความมั่นใจถูกทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่าฝึกเรื่องเสียงมานานมากแต่ไม่ได้รู้สึกextraordinary อะไร แต่ครูลุคก็คือพระแม่มาโปรดมาก ให้กำลังใจทุกครั้ง  แต่ไม่ใช่แบบดีไปหมดอะไรแบบนี้นะ ผิดก็คือเค้าแก้เลยทันทีทันใดซึ่งเราก็ปรับตัวได้ดี555555 ( เพราะอ่านเรื่องเสียงมาพอประมาณแบบพอเค้าบอกว่า อย่าglottal stop เราก็รุ้เลยว่าเราเผลอทำอะไรไป  ต้องคุมลมให้เป็นเส้นกว่านี้อย่าหยุดยก soft palate หยุดhigh larynx อะไรประมาณนี้) แต่ถ้าดีก็คือชมนานมาก เป็นวิชาเปิดใจให้คนอื่น ต่างจากวิชาปรัชญาที่ต้องอยู่กับความคิดตัวเองช่วงที่ไปเรียนที่คณะก็สนุกดี ร้องประสานบ้าง อาจารย์สอนทฤษฎีดนตรีบ้าง ให้ร้องเดี่ยวโชว์ต่อหน้าพี่ๆบ้างเพลงหลากหลายมากทั้งไทย เทศ มิวซิคัล ป๊อบ บัลลาด   

              เค้าจะให้เซ็ตการซ้อมเสียงไปซ้อมเยอะอยู่ ซึ่งเราก็ซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้าง นอนดึกบ้างเสียงไม่พร้อมตอนเช้าเพราะชอบร้องจนดึกมากกว่าทำexercise ตอนสอบกลางภาคก็แอบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตื่นเต้นอีกแล้ว แต่ปลายภาคก็ดีขึ้นมาก แต่ลืมส่งสรุปการเรียนตอนสุดท้ายเพราะปั่นเปเปอร์วิชาอื่นอยู่ ได้ B+ มากิน555555555 แต่ก็แฮปปี้แล้ว ไม่ได้เอก็ไม่เป็นไรอาจารย์ให้อะไรกับเราเยอะมาก มีครั้งหนึ่งน้ำตาซึมเลย อาจารย์เหมือนอยากให้เราปล่อยของเราก็ปล่อยไปตามที่ใจอยากทำ อาจารย์บอกเราว่า “ เราอะไม่ใช่มือสมัครเล่นแล้วนะ แต่ชอบคิดว่าตัวเองยังเป็นมือใหม่ก็เลยเกร็งดราก้อนเป็นคนมีของนะ ร้องโซโล่ได้เลย แค่ต้องแฮปปี้กับตัวเอง และมั่นใจในตัวเอง ซ้อมต่อไปเรื่อยๆอย่ายอมแพ้ โควทประมาณนี้แหละจำไม่ได้เป๊ะๆ555555 แต่ก็แค่นี่ก็ดีใจมากแล้ว ถึงแม้หลังจากนั้นจะออดิชั่นห่าอะไรไม่ติดซักอย่างเหมือนเดิม555555แต่อย่างน้อย vocal coach ระดับประเทศก็ชมเราละกันวะช่วงไหนไม่ค่อยได้ซ้อมก็จะรุ้สึกผิดและได้ยินเสียงครูลุคลอยมาตลอดว่า ซ้อมนะ ซ้อมนะซึ่งตอนพิมพ์ก็ยังซ้อมอยู่ สูดลม ปล่อยยยย......


    Mus Appreciation
           
               2 หน่วยกิตเหมือนเดิม คะแนนจะได้จากสอบปลายภาค งานโปรเจค เลคเชอร์โนต การเข้าห้องเรียน ไม่มีกลางภาค ข้อสอบมีพาร์ทฟังกับข้อชอยส์

               คาบแรก ๆ เหมือนชิลนะสำหรับเรา เพราะเคยอ่านทฤษฎีอย่าง พวก
    pitch dynamics tone color duration  ไรงี้ก็เข้าใจไม่ยาก  แอบแตะพวกการประพันธ์เล็กๆ อย่างmotif แนวทำนอง A a B b  ไรงี้ด้วย ไทรแอด dissonance consonance tension อีกนิดๆหน่อย ไม่ค่อยออกพวกนี้ในข้อสอบ แต่เค้าจะเน้นหัวข้อโหดหินคือประวัติศาสตร์ดนตรีตั้งแต่ก่อนกรีกยันยุคromantic   Wagner เลย เนื้อหาเหมือนเรียนwestciv ฉบับดนตรีที่เน้นจำมากกว่านิดนึงพัฒนาการเครื่องดนตรี การแต่ง การเมืองที่ส่งผลต่อดนตรี ปรัชญาดนตรีในยุคต่าง ๆแบบพื้นฐาน  แต่การจจะจำให้ดีได้ก็ต้องวิเคราะห์เป็นแหละเช่น ถ้าเรารู้ว่ายุคromanticชนชั้นกลางเข้าถึงดนตรีได้และผู้อุปถัมหลัก แสดงว่าศิลปินยุคนี้เวลาจะหาตังค์ก็จะเน้นแต่งแนวทำนองของเปียโนเป็นหลักเพราะเปียตั้งตามบ้านได้ แถมครบจบในตัวเอง อย่างBeethoven ก็แต่งเปียโนโซนาตาเยอะมากเพราะใช้หาตังค์พาร์ทดนตรีไทยก็ชิลอาจารย์สอนชิลสุด แอบโปรโมทช่องยูทูปตัวเองเล็กๆน้อยส่วนดนตรีโลกนั้นก็วิชาการประมาณหนึ่ง ศัพท์เฉพาะทางการศึกษาดนตรีโลกก็น่าสนใจมาก
               

              ได้ประโยชน์เยอะมาจากวิชานี้รู้สึกว่า civilize ขึ้นเยอะ แม้จะลืมๆเนื้อหาบางอย่างไปบ้างแล้วก้ตามเพราะเนื้อหาเยอะมาก ข้อสอบไม่ยากก็จริงแต่ต้องอาศัยการเตรียมตัวระดับนึง ก่อนสอบก็คือต้องตั้งใจอ่านมากเพื่อให้ทำได้ซึ่งก็รุ้สึกคุ้มค่าที่ตัวเองตั้งใจอ่านและคว้า มาได้

                 สรุปก็คือ เป็นเทอมที่สู้กับวิชาที่เราเลือกเองแบบอยากเรียนจริง ๆก็จะตั้งใจสลับกับขกบ้างเป็นครั้งคราวเวลาซัฟเฟอร์ส่วนวิชาบังคับนั้นแทบจะยอมแพ้ ปล่อยเน่า  

    #review   #อักษรจุฬา   #รีวิว 

         


     


     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in