เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryJohn Machete
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ศึกตะวันแดง Ep. 1
  • ยินดีต้อนรับสู่ศึกตะวันแดง มันคือศึกอะไรน่ะเหรอ ?  เรื่องมันมีที่มาอย่างนี้ครับ

    ช่วงนั้นเมื่อ 3ปีก่อนประเทศไทยกับประเทศพม่ามีเรื่องขัดแย้งทางการทูตเรื่องอะไรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เผอิญช่วงนั้นไม่ได้ตามข่าวมัวแต่ทำงานจนลืมวันลืมคืนจนกระทั่งสองประเทศต่างโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพยิงลูกจรวดระเบิดฟุ้งกลางอากาศเชื้อร้ายแพร่กระจายตามกระแสลม 

    ทั้งสองประเทศเลยกลายเป็นดินแดนแห่งคนเจ็บป่วยคนแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันก็ยังโอเคอยู่ แต่คนอ่อนแอนี่สิ อาการออกเลยตั้งแต่สีหน้าแววตา คลุ้มคลั่งคล้ายประสาทหลอน คนที่เรารักไม่ตายก็เหมือนตายอาการป่วยเหมือนซอมบี้ ไม่ตายก็เหมือนตาย 

    ทั้งสองชนชาติถูกปฏิเสธการช่วยเหลือเพราะภาวะโรคดังกล่าวยังหาทางรักษาไม่ได้คนดีๆที่เหลือรอดอย่างเราเลยต้องหาทางหนีเอาตัวรอด ฆ่าซอมบี้ที่วิ่งกรูกันเข้ามาบางตัววิ่งช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็อย่าให้ถูกมันกัดเข้าเดี๋ยวจะติดเชื้อเหมือนมันเสียเองหลังจากที่พวกเราต้องฆ่าคนในครอบครัวที่เรารักไม่ให้กลายเป็นซอมบี้ วันแรกของการแพร่เชื้อนั้นช่วงตกเย็นมีพระอาทิตย์ตกดินสีส้มแดงฉานไปทั่วท้องฟ้า

    มันก็เป็นการกระเจิงของแสงธรรมดาๆนั่นแหละ แต่คนก็เรียกสงครามนี้ว่า "ศึกตะวันแดง"

    งานนี้โทษชาติไหนก็ไม่ได้เราสองชนชาติสะบักสะบอมกันทั้งคู่

     

    อ้าว ขอโทษด้วยครับท่านผู้อ่านผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผม ตี๋ นะครับ เพื่อนผมหลายคนชอบเรียกว่า สี ทำไมต้องเรียกชื่อแบบสองแง่มสองง่ามด้วย ไม่ชอบเลย เพื่อนผมที่ชื่อว่าไอ้บอล ตอนซอมบี้บุกเข้ามาจากทางด้านหลังตอนนั้นผมแกล้งตีเนียนไม่สนใจให้ซอมบี้เดินมากัดคอข้างหลังเพื่อนผมเลย สม !    ชอบล้อกูดีนัก สุดท้ายมันก็กลายเป็นซอมบี้อีกตัวที่ผมยังไม่ได้ฆ่าเพราะผมรีบวิ่งหนีไปก่อน

    ผมตัวคนเดียวที่เข้ากับใครไม่ได้แต่แรกอยู่แล้วจะก่อนหรือหลังจากเกิดศึกตะวันแดงก็ไม่ได้มีผลอะไร ก็แค่ใช้ชีวิตลำบากหน่อยหากินยากขึ้น ก็แค่นั้น แต่สำหรับคนอื่นคงสะเทือนใจใช่น้อยกับการจากไปของคนรักอย่างไม่มีทางหวนกลับมา

    แล้วผมไม่มีคนรักกับเขาบ้างเลยเหรอ ? อืม...จะว่าไปก็มีเหมือนกันนะครับเธอชื่อนิครับ แต่เราแค่รู้จักกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทเลยด้วยซ้ำเธออาจจะลืมผมไปแล้ว แต่ผมน่ะแอบรักเธออยู่ รักเธอข้างเดียวพอผมหลบใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้ดินนานวันเข้า ผมก็เริ่มเหงาและคิดถึงเธอเพราะถ้าเธอยังไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ ผมก็อาจทำความรู้จักกับเธอได้มากขึ้นและช่วงเวลาสถานการณ์แบบนี้ ช่วงเวลาที่คนเป็นหายาก เธอคงไม่รังเกียจผมนะ

    ผมจัดแพ็คกระเป๋าพร้อมพกอาวุธที่ไปโด้อาวุธปืนมาจากย่านดิโอลด์สยามออกเดินทางสองเท้าเปล่า  ผมไม่ใช่คนกล้าหรอกนะแต่การอยู่ไปวันๆโดยที่หาข้าวกินที่เหลือซากในเซเว่นแบบนี้ สักวันเดี๋ยวอาหารก็หมดถ้าได้เจอคนเป็นเพิ่มอีกคนก็ดีสิเผื่อจะมีข่าวบางจังหวัดมีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือคนเป็นทางนี้บ้าง

    แล้วจู่ๆก็มีรถปิ๊กอัพสี่ประตูวิ่งมาหาเกือบวิ่งชนผม

    ตี๋ : เฮ้ย...อะไรวะ ?

    ฟลุ๊ค : ไอ้ห่าเอ๊ย มึงเป็นคนนี่หว่ามึงไม่ใช่ซอมบี้ใช่มั้ย ?

    เพราะถ้ามึงเป็นซอมบี้ผีนรกนั่น กูชนมึงไปแล้ว

    ตี๋ : ก็คนนั่นสิ เฮ้อ

    ผมควรจะดีใจที่ได้เจอคนสิทำไมผมมองเขาคนนี้กลับกลัว เก้งๆกังๆอย่างบอกไม่ถูก

    ตี๋ : รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตายนะ

    ฟลุ๊ค : ไม่สนเว้ย งานนี้กูลุยเดี่ยว

    ตี๋ : อย่าเล็งปากกระบอกปืนลูกซองมาทางกูดิเฮ้ย

    ฟลุ๊ค : ท่าทางอย่างมึงคงอยู่รอดได้ยากวะอย่ามากะกูเลย เป็นภาระเปล่าๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ปืนพกกระบอกเดียวมึงฝ่าฝูงซอมบี้นะ ไม่ได้ไปปล้นร้านทอง

    ตี๋ : โอเค ได้ งั้นเราแยกทางต่างคนต่างไปเวรแท้ๆ แทนที่จะได้เจอคนเพื่อช่วยเหลือกัน ดันกลับเป็นตรงกันข้าม

    ฟลุ๊ค : ..............

    ฟลุ๊คขับรถออกไปได้สัก 50เมตร มีฝูงซอมบี้โผล่ออกมาเป็นร้อยๆตัวดักตัดหน้าจนเร่งเครื่องฝ่าไปไม่พ้นซากของร่างพวกมันขัดกับเพลาล้อรถ เลือดและเศษชิ้นเนื้อติดกระจกรถเปรอะเปื้อนจนมองอะไรไม่เห็นต้องรีบออกจากประตูรถคอยยิงปืนลูกซองคู่ใจป้องกันตัว ผมอยู่ตรงนั้นไม่ไกลก็พาลกลายเป็นเป้าของซอมบี้กระหายเนื้อไปด้วยพวกเราทั้งคู่ต่างต้องช่วยกันยิงพยายามเอาชีวิตรอด

    ฟลุ๊ค : มึง...back to back

    ตี๋ : หา ?

    ฟลุ๊ค : back to back มึงรู้เรื่องมั้ยเนี่ย?

    ตี๋ : มันคืออะไรล่ะ ?

    ฟลุ๊ค : เชี้ยแม่ง...หลังชนหลังไง

    ตี๋ : อ๋อๆ เข้าใจๆ

    เราสองคนช่วยกันยิงจากหลายทิศทางกระหน่ำยิงไปพลางวิ่งหนีไปพลางจนพากันหนีรอดออกมาได้ฟลุ๊คเริ่มยอมรับในตัวผมมากขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

    ฟลุ๊ค : มึงมีแผนยังไงต่อ ?

    ตี๋ : ผมตั้งใจว่าจะลองเดินลัดเลาะไปหาเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าหากดึกดื่นมืดค่ำเราก็จะหาที่พัก

    ฟลุ๊ค : อันตรายมากนะสัสเกิดซอมบี้มันบุกเข้ามาในบ้านแล้วจะทำยังไง ?

    ตี๋ : เอาน่า ผมไวพอ

    ฟลุ๊ค : เพื่อนมึงคนนี้คงสำคัญกับมึงมากสินะเขาเป็นใคร ?

    ตี๋ : เค้าชื่อนิ ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากแวะเวียนไปหา ในเวลาแบบนี้อย่างน้อยถ้าอยู่คนเดียวมันอันตรายเราอาจจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

    ฟลุ๊ค : นิเหรอ ? ชื่อผู้หญิงนี่

    ตี๋ : ใช่ เธอ..เอ่อ...คือก็ห่างเหินไม่ได้คุยมาหลายปีแล้วเลยกะว่าจะลองหาไปหาเธอดู เผื่อเธอจะยังอยู่

    ฟลุ๊ค : อย่าหวังมากนักเลยว่าจะได้เจอ....แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะ ?

    ตี๋ : อยู่ต่างจังหวัดกันหมดตอนนี้ไม่รู้อะไรกันแล้ว อินเทอร์เน็ตล่ม ชีวิตไม่เหมือนแต่ก่อน

    ฟลุ๊ค : เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนไง ไฟฟ้ามีใช้ก็บุญแล้ว

    ตี๋ : แล้วนายล่ะ จะไปไหน ?

    ฟลุ๊ค : ไม่บอก !

    ตี๋ : อ้าว ทำไมล่ะเมื่อกี้ผมเป็นคนช่วยคุณให้รอดจากพวกมันนะ

    ฟลุ๊ค : อ๊ะๆ อย่าคิดจะมาทวงบุญคุณกัน กูไม่ได้เป็นคนขอให้มึงช่วย มึงยืนอยู่ตรงนั้นใกล้เขตการล่าของมันด้วย ถ้าเราไม่ช่วยกันเราคงตายยกหมู่ไปแล้ว

    ตี๋ : ก็...ทีผมยังยอมบอกเลย

    ฟลุ๊ค : อาจจะโกหกก็ได้เวลาแบบนี้ แม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังไว้ใจไม่ได้ อีกอย่างเราไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัวกัน เดี๋ยวจะผูกพันธ์ไว้ใจกันมากเกินไป มันง่ายต่อการถูกหลังเอาได้ รีบเดินไปเถอะ

    ตี๋ : โอเคๆ อย่างน้อยขอรู้ชื่อนายได้มั้ย ?

    ฟลุ๊ค : กูชื่อฟลุ๊ค มึงล่ะ ?

    ตี๋ : ตี๋ ยินดีที่ได้รู้จัก

    ฟลุ๊ค : รีบเดินหน่อยเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดเอา

     

    ผมกับฟลุ๊คมาลงเอยที่ซุปเปอร์มาร์เก๊ตอย่าง Foodland มีของกินเหลือไม่เท่าไหร่ ช่วงวิกฤติคงมีการขโมยกันจนแทบหมดเชลฟ์อย่างน้อยของที่เหลือก็พออิ่มท้องไปได้บ้าง

    ตี๋ : เหมือนมีตัวอะไรอยู่หลังร้านแน่ะ

    ฟลุ๊ค : ซอมบี้เหรอ ?

    ตี๋ : เฮ้ๆ อย่าพึ่งชักลูกซองดังเดี๋ยวมันรู้ตัว

    ตี๋กับฟลุ๊คเดินตามร่องรอยเสียงที่เกิดปรากฎว่าเป็นสองสาวเพื่อนคู่ซี้แอบอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน สองสาวนั้นเขาชื่อเมย์กับติ้ง

    ฟลุ๊ค : พวกเธอเป็นใคร ?

    เมย์ : ดีใจจังที่ได้เจอคน ไม่ใช่พวกผีดิบ

    ติ้ง : เค้าชื่อติ้งนะ ส่วนนี่ชื่อเมย์เห็นสวยๆอย่างเนี้ยแต่แรดเก่งนะจะบอกให้

    เมย์ : เฮ้ย จะบอกชื่อพวกเราให้พวกมันรู้ทำไม ?

    ติ้ง : อ้าว ไม่เห็นเป็นไรเลย

    ตี๋ : พวกเธออยู่กันมานานแล้วเหรอ ?

    ติ้ง : ก็ไม่กี่วันนี้เอง ดูซิฐานที่มั่นเราไม่เป็นความลับอีกต่อไปเลย

    ฟลุ๊ค : พวกเราไม่ได้มากวน สัญญาว่าพอรุ่งเช้าพรุ่งนี้เราสองคนจะรีบออกไปทันที

    ติ้ง : อ้าว จะรีบหนีไปไหนมาอยู่กับพวกเราก่อนสิ เราสองคนมากันครบสองคู่ ดวงบุพเพสันนิวาสขนาดนี้แล้วไม่ต้องไปไหนหรอก ที่นี่แหละที่ของเธอ

    เมย์ : ไอ้ติ้ง มึงจะบ้าเหรอ ?

    ติ้ง : ชิ แกอยากจะฮุบไว้เองทั้งสองคนใช่มั้ยล่ะใจแคบเหมือนกันนะเราเนี่ย ตอนนี้เราไม่มีผู้ชายแล้วไงถึงได้เป็นกันแบบนี้

    ฟลุ๊ค : กูละปวกกบาล เฮ้อ

    ตี๋ : เดี๋ยวสิ ฟลุ๊ค

    เมย์ : พวกนายสองคนชื่ออะไรกันเหรอ ?

    ตี๋ : เขาชื่อฟลุ๊ค ส่วนเราชื่อตี๋พึ่งหนีตายจากซอมบี้มาหมาดๆน่ะ

    เมย์ : มิน่า แกสองคนเคมีไม่เข้ากันเลย ถามจริงปวกเปียกอย่างนายอยู่รอดมาได้ยังไงจนถึงทุกวันนี้

    ตี๋ : ก็...ประสบการณ์มันสอนน่ะพอเห็นคนรอบข้างพลาดท่าเข้าเลยเอาตัวรอดเป็น

    เมย์ : ถามจริงอย่างนายเนี่ยเหรอกล้าพูดว่าเอาตัวรอดเป็น

    ตี๋ : แล้วจะทำไมล่ะ ?

    ติ้ง : เออๆ เอาแล้วอีเมย์มึงดวลฝีปากผิดคนแล้ว

    เมย์ : ส่วนมากแล้ว คนสุภาพอ่อนต่อโลกแบบคุณน่ะมักอยู่ได้ไม่นานหรอก มันเป็นกฎการคัดเลือกของธรรมชาติ

    ตี๋ : .............

     

    ผมจุกจนพูดไม่ออกเลยครับเจอคนสวยสบประมาทเข้าไปแบบนี้ ผมเลยยิ่งหมดความมั่นใจ มิน่าผู้ชายแนวอย่างไอ้ฟลุ๊คถึงมีผู้หญิงแอบชอบกันนัก ผมเลยเดินหลบหน้าไปด้วยอีกคนเหมือนกัน

    ตี๋ : ถ้าเป็นไปได้ ผมฝันจะมีเซฟเฮ้าส์ที่ที่ปลอดภัยพอจากพวกซอมบี้ ได้ข่าวแนวทำนองนี้บ้างมั้ย ?

    ฟลุ๊ค : ไม่เลย ลองถามจากสองสาวนั่นแล้วมันก็ไม่รู้ แล้วมึงจะตามหาเพื่อนมึงยังไง เบาะแสอะไรก็ไม่มี

    ตี๋ : พอมี มันก็ยังพอมีอยู่ ถ้าเจอร่องรอยแล้วผมอาจแยกทางจากคุณเลย

    ฟลุ๊ค : ก็ตามใจนะ แต่ถ้ากูแนะนำกูบอกเลยว่าอย่า เพื่อนมึงเขาต้องซ่อนตัว หรือไม่ก็กลายเป็นผีดิบไปแล้วก็ได้ ศึกตะวันแดงมันเป็นเรื่องเฮงซวย ทำคนตาย แล้วเอาคนตายมาทำร้ายคนเป็นต่ออีกทีใครแม่งคิดเรื่องแบบนี้ได้แม่งต้องเหี้ยจริงๆ

    ตี๋ : ใช่ เหี้ยจริงอะไรจริง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in