หากจะกล่าวว่านี่เป็นอนิเมะ coming of age ก็ย่อมได้ ด้วยลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ แถมสีสันจัดจ้านแสนสะดุดตา พร้อมฉากแอคชั่นสุดมันส์ระเบิด และแก่นเรื่องสุดลึกซึ้ง ทำให้เรายั้งใจไม่อยู่จริง ๆ ที่จะต้องเขียนความรู้สึกหลังดูเก็บไว้ และอยากจะแชร์ต่อเผื่อผู้ที่อยากหาอะไรดูยามว่าง อนิเมะเรื่องนี้กลมกล่อม ฟีลกู๊ด ย่อยง่าย ทำงานต่อใจ ดูแล้วไม่เสียเปล่าแน่นอน
ในขณะที่คนอื่นมองว่าการมีพลังจิตนั้นแสนสุดยอด ชิเงโอะกลับคิดว่าตัวเองมีแค่พลังจิต ทว่าไม่เก่งเรื่องอื่นเลย เขาไม่มีความชอบความสนใจด้านอื่น ๆ เรื่องเรียนก็สุดแย่ เรื่องร่างกายก็ปวกเปียก เรื่องสเน่ห์ก็อย่าพูดถึง เขาจืดจางจนละม้ายคล้ายตัวประกอบเดินได้ หากนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการพยายามหาเส้นทางและที่ของตัวเอง หาความสามารถของตัวเองให้เจอ เขาอยากจะเริ่มทำบางสิ่งที่ต่างออกไป เขาอยากจะเปลี่ยน
บางทีเขาอาจจะเป็นได้มากกว่านี้
ชิเงโอะเริ่มเข้าสังคมหลังจากตัดสินใจเช่นนั้น เขาทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำอย่างเข้าชมรมเพาะกาย เขาอยากเป็นคนที่แข็งแรงขึ้น แม้เป้าหมายนั้นจะเป็นแค่อะไรง่าย ๆ เฉกเช่นเด็กมัธยมต้นทั่วไปรู้สึกร่วมกัน การมีความรัก การอยากให้คนที่ตัวเองรักมองกลับมา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลจากล้านแปดพันเก้าที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อตัวเอง หรือเพื่อใครสักคน
เพราะชิเงโอะไม่ได้อยากมีชีวิตที่ต้องพึ่งพลังจิตเพียงอย่างเดียวไปตลอดนี่นา
ย้อนหวนเมื่อครั้งชิเงโอะยังเด็ก เพราะโดนรุมแกล้งและตั้งใจจะปกป้องน้องชาย จึงเผลอทำร้ายคนอื่นด้วยพลังจิตของตนไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเช่นนั้นชิเงโอะจึงได้จมอยู่กับความรู้สึกผิดและหวาดระแวง เขากลัวว่าวันหนึ่งจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แล้วเผลอไปทำร้ายใครเข้าอีก จึงเลือกที่จะกักเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ข้างในแล้วแสดงออกมาด้วยความใจเย็นจนติดวางเฉย ถึงอย่างนั้นความวิตกกังวลก็ไม่ได้คลายลง จนกระทั่งชิเงโอะได้เดินเข้าไปยังสำนักงานปรึกษาเรื่องวิญญาณ(เก๊)เพื่อหวังพึ่งคนเข้าใจ แล้วได้พบเจอกับเข้ากับ เรเก็น
เรเก็นกล่าวว่า พลังจิตนั้นไม่ได้ทำให้เราแตกต่างมนุษย์คนอื่น บนโลกนี้ยังมีคนที่วิ่งได้เร็ว คนที่ร้องเพลงเพราะ คนที่เรียนหนังสือเก่ง เช่นเดียวกับคนที่มีพลังจิต นายภูมิใจกับพลังตัวเองได้ นายยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของนายและก้าวเดินต่อไปได้ แค่อย่าหลงระเริงคนว่าตัวเองเหนือกว่าใครเขา นายมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี เช่นเดียวกัน คนอื่นก็มีในสิ่งที่นายไม่มี
ส่วนพลังจิตก็เหมือนกับมีด มีดสามารถใช้ประโยชน์ได้ และสามารถสร้างความเสียหายได้ นายรู้ใช่ไหมว่ามีดควรใช้กับอะไร
พลังจิตน่ะไม่ได้มีเพื่อไว้ทำร้ายใครหรอกนะ
ทว่าเทรุไม่ได้คิดเช่นนั้นน่ะสิ
เทรุคือตัวอย่างของคนที่เหลิงในพลังจิตของตัวเอง คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น เขาพึ่งพลังตัวเองเพื่อให้คนเคารพเขา ให้สยบเกรงกลัวต่อเขา เขาคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดเสมอมา กระทั่งมาเจอกับชิเงโอะที่รับรู้ได้เลยกว่าเก่งกว่า เทรุจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะสยบชิเงโอะให้ได้ เพราะลึก ๆ เขากลัว กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเขาไม่ได้เป็นคนที่เก่งที่สุดและมีคนที่เก่งกว่าเขาขึ้นมา ตัวตนเขาในสังคมจะเลือนหายไป
การได้พบเจอกับชิเงโอะทำให้เทรุตระหนักได้ว่าถึงแม้ไร้ซึ่งพลัง เราก็สามารถมีตัวตนเป็นใครสักคนได้ ในโลกนี้ยังมีคนที่เก่งเหมือนเรา เก่งกว่าเราอีกมาก แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นจะลดทอนความเป็นเราลงสักหน่อย อย่านำพลังและความสามารถที่ตนมีกดผู้อื่นให้จมลงเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้นเลย
สุดท้ายเทรุก็ยังเป็นคนเก่งมากฝีมือดังเดิม เป็นความจริงเที่ยงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมคือเขาใช้มันช่วยเหลือคนอื่น และไม่คิดทำร้ายใครอีก
เทรุเป็นหนึ่งในตัวละครที่เราชอบมากที่สุดของเรื่องนี้เลยค่ะ
ความรู้สึกสับสนของเด็กคนหนึ่งก่อกำเนิดด้านมืดในจิตใจ นี่คือสิ่งที่ริทสึ น้องชายของชิเงโอะต้องเผชิญหน้า
ริทสึเฝ้ารอคอยวันที่ตัวเองจะมีพลังจิตดังเช่นพี่ชายมาเสมอ เขามองว่าพี่ชายนั้นแข็งแกร่งและอยากจะเป็นให้ได้เช่นนั้นบ้าง เขาพยายายามอย่างหนักจนกระทั่งวันหนึ่งก็เป็นดั่งใจหวัง พลังจิตตื่นขึ้นในช่วงเวลาที่ริทสึกำลังหลงผิดราวกับจังหวะนรก ริทสึเลือกใช้พลังจัดการคนที่ตัวเองคิดว่าไม่ดี ในตอนนั้นเขาคิดว่าทีนี้ตนก็เก่งกล้าไม่แพ้พี่ชายแล้ว
แต่เมื่อชิเงโอะรู้ว่าพลังริทสึตื่นขึ้นมา กลับมองด้วยสายเปี่ยมล้นไปด้วยความดีใจเสียนี่
ชิเงโอะรู้มาเสมอว่าริทสึพยายามมากที่อยากจะมีพลัง เขาดีใจที่น้องชายถึงฝั่งฝันหากริทสึยิ่งรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่ ริทสึได้เผยความในใจออกมาว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาริทสึพยายามเข้าใจพี่ อยากรู้ว่าพี่คิดอะไรแต่พี่ไม่เคยแสดงออกมาตรง ๆ เลย เขาเดาใจไม่ถูก เขาไม่อยากมีปัญหา เขาไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งพี่ไม่พอใจขึ้นมาพี่จะอาละวาดหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรในเมื่อพี่เป็นคนที่พลังแข็งแกร่งที่สุด และเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย ในความชื่นชมที่มีต่อพี่นั้นเป็นเพียงการประณีประนอม แท้จริงแล้วริทสึ กลัว ต่างหาก
ทว่าในวันนี้ริทสึมีพลัง เขาไม่จำเป็นต้องกลัวและก้มหัวอีกต่อไป
ขอบอกแบบรวบรัด ว่านั่นเป็นความสับสนหลงผิดที่ถูกอารมณ์ด้านลบครองจิตใจ วันหนึ่งริทสึเจอเข้าเหตุการณ์ที่ทำให้เขาคิดได้ว่าตัวเองกำลังพลาดพลั้ง เขาไม่ได้ใกล้แม้กระทั่งเกลียดชังพี่ชาย หากตรงกันข้าม เพราะรักพี่ชายมาก ความกลัวที่ว่ากลับเป็นความกลัวที่จะปกป้องพี่ไม่ได้เหมือนที่พี่เคยปกป้องตัวเอง เป็นความกลัวที่จะยืนเคียงข้างพี่ไม่ได้ต่างหาก
ริทสึมองพี่ชายด้วยความเข้าใจมากขึ้น ที่ผ่านมาชิเงโอะชื่นชมริทสึเสมอที่เจ้าตัวเก่งในหลายด้าน แต่ตัวเองกลับมีแค่พลังจิต ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย ถึงอย่างนั้นชิเงโอะไม่ได้นำความคิดนี้มาบั่นทอนตนแต่กลับพยายามพัฒนาตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น พยายามหาสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้นริทสึก็น้อมรับ คนเรามีที่ทางที่เก่งกาจต่างกันไป ในเมื่อพี่พยายามอย่างหนักเขาเองก็จะพยายามอย่างหนักเช่นกัน
ริทสึไม่ใช่คนที่เลวร้าย
เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากมีความสามารถมากพอที่จะดูแลคนสำคัญได้ก็เท่านั้นเอง
เปิดซีซั่นสองด้วยหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ชิเงโอะครุ่นคิดกับตัวเองว่าทำในสิ่งที่สมควรอยู่หรือไม่ ทว่าคนที่จุดประกายให้ชิเงโอะเริ่มแสดงจุดยืนของตัวเองได้กลับเป็นเพื่อนมัธยมที่เพิ่งรู้จักกันอย่าง เอมิ เสียนี่
มันเป็นแค่เหตุการณ์เล็ก ๆ แต่กลับสร้างผลที่ยิ่งใหญ่เมื่อเอมิบอกชอบชิเงโอะ ตัวชิเงโอะนั้นไม่ได้ชอบเอมิแต่ก็ตามใจและเต็มใจใช้เวลาว่างของตนเพื่อเดทกับเอมิ ฟังรับเรื่องราวต่าง ๆ ของเอมิอย่างจริงใจ จุดพลิกคือทั้งหมดกลับเป็นแค่เกมที่เอมิเล่นกับเพื่อนเฉย ๆ เอมิสงสัยว่าจริง ๆ แล้ว ชิเงโอะก็ไม่ได้ชอบตน ทำไมถึงตามใจและเกรงใจฉันอยู่เรื่อยล่ะ เพราะสงสารเห็นใจหรอ ที่ชมฉันเพราะอยากแค่ให้ฉันรู้สึกดีหรือเปล่า นายมีความรู้สึกและความเห็นจากใจจริงของตัวนายเองบ้างไหม โดยที่ไม่ยึดโยงกับความรู้สึกคนอื่นน่ะ
เป็นตอนนั้นเองที่ชิเงโอะฉุกคิดได้ขึ้นมา
ว่าหลังจากนี้เขาจะเลือกเส้นทางที่ซื่อตรงและให้ความสำคัญต่อความรู้สึกตัวเองบ้างสักที
สิ่งหนึ่งที่เราชอบคือชิเงโอะในตอนนี้คือเขาเป็นคนที่รับฟังและพร้อมที่จะเรียนรู้เข้าใจเสมอ ด้วยเหตุที่เขาเคยเป็นคนรับฟังมากเกินไป ทำให้ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่โดนชักจูงได้ง่าย หากตอนนี้ชิเงโอะได้รู้แล้วว่าการทำตามความต้องการของตัวเอง การพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด การปฏิเสธในสิ่งที่ไม่อยากทำ มันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร อีกอย่างหนึ่งในตัวชิเงโอะที่ชอบคือเขาเป็นคนมีพยายามมาก เมื่อเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลงชมรมเพาะกาย ลงวิ่งแข่งมาราธอน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้แต่ก็ตั้งใจฝึกซ้อมทำทุกอย่างโดยเต็มที่เสมอ เพราะสิ่งนี้เองจึงสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างชิเงโอะไปตาม ๆ กัน
เรเก็นเป็นตัวแทนของคนวัยทำงานที่วันหนึ่งเกิดหมดไฟ ลาออกมาเปิดธุรกิจของตัวเองเพื่อหวังจะชุบชูใจได้บ้าง ในวันหนึ่งจากหลาย ๆ วันที่วนซ้ำเดิมจนเบื่อ เรเก็นเกิดคิดว่า หรือถึงคราวที่ต้องปิดตัวธุรกิจหมอผี(เก๊)นี้ลงสักที กระทั่งเขาได้เจอกับเด็กน้อยคนหนึ่งเข้ามาขอคำปรึกษา เขาได้ให้คำแนะนำส่ง ๆ ไปอย่างไม่ใคร่ครวญอะไรนัก หากนั่นแหละคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเรเก็นอีกหนึ่งหน
ในวันที่ทั้งเรเก็นและชิเงโอะเกิดขัดแย้งกัน ชิเงโอะได้ขอลางานสักระยะ เริ่มแรกเรเก็นยังผยองใจ คิดว่าเด็กหงิม ๆ อย่างชิเงโอะหากไม่มีตัวเองให้พึ่งพิงก็จะอยู่ไม่ได้ คงกลับไปตัวคนเดียวดังเก่า หารู้ไม่ว่าคนที่เป็นเช่นกลับเป็นตัวเรเก็นแทนต่างหาก เรเก็นได้เห็นชิเงโอะที่ใช้ชีวิตอย่างดี ปรับตัวเข้าสังคม อยู่กับเพื่อนฝูง แล้วหันกลับมามองที่ตัวเอง คนอายุสามสิบแปดที่ไร้มิตรสหาย เป็นวันเกิดตนที่ได้แต่นั่งเดียวดายเพียงลำพัง แต่เรเก็นก็ไม่ใช่คนที่จะมาคร่ำครวญอะไรนัก เขาจึงฮึดขึ้นสู้
ถ้าชิเงโอะยังพยายามเปลี่ยนตัวเอง ฉันเองก็คงต้องเปลี่ยนบ้าง
เขาหันกลับมาสร้างเป้าหมายให้ตัวเอง ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ ตั้งใจทำงานสุดตัว ทว่ามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสียเดียว วันหนึ่งเขาได้เจอเข้ากับคำถามจากบทกวีของตัวเองในวัยเด็ก ฉันอยากจะเป็นใครสักคน เรเก็นจึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าชีวิตตัวเองก็ไล่ไขว่คว้าบางสิ่งอยู่เสมอ และในคราที่เขากำลังจะล้มเลิกถอดในใจจากสิ่งที่ตัวเองเลือก เรเก็นนั้นได้คว้าชิเงโอะเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่ชิเงโอะที่พึ่งพิงเขา แต่เป็นตัวเขาด้วยที่พึ่งพิงชิเงโอะมาตลอด
เพราะอยากเป็นคนที่พิเศษ
อยากเป็นใครสักคน
ทว่าสุดท้ายวันนี้เรเก็นก็ไม่ได้แตกต่างจากตัวเขาในวัยเด็กสักเท่าไหร่ พ่ายแพ้ให้กับความจริงที่ว่าตัวเองคงเป็นอะไรไม่ได้สักอย่างดังวาดหวังอย่างหมดรูป
แต่ตัวจริงของอาจารย์ของผมน่ะ…เป็นคนดีนี่ครับ
ชิเอโงะกล่าว
เพราะในวันนั้นที่แสนสับสน ชิเงโอะได้กำลังใจจากเรเก็น เขาถึงก้าวต่อไปได้
เพราะในวันนี้ที่เรเก็นคิดว่าตัวเองช่างแย่เหลือทน กลับมีชิเงโอะที่เห็นคุณค่าในตัวเรเก็น เขาถึงก้าวต่อไปได้
แล้วความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของลูกศิษย์อาจารย์ ก็ดำเนินต่อไปเช่นนี้
เรเก็นเป็นตัวละครที่สำหรับเรามองว่า ไอ้เลวนี่มันเป็นคนดีนี่หว่า!? แม้จุดเริ่มต้นของเรเก็นกับชิเงโอะมาจากความเห็นแก่ตัวจากเจ้าตัวและต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถของเด็ก โชคยังดีที่เรเก็นนั้นไม่ใช่คนเลวร้าย เขาดูแลชิเงโอะอย่างดีในฐานะผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กคนหนึ่ง และคอยเคียงข้างให้คำแนะนำชิเงโอะอย่างหวังดีเสมอ สิ่งหนึ่งที่เราชอบของเรเก็นคือเขาสู้สุดตัวเพื่อชิเงโอะมาก หลายครั้งที่เรเก็นยอมเสี่ยงตัวเองทั้งที่ในเรื่องตัวละครนี้โคตรคนโคตรคนธรรมดา เขาไม่มีพลังวิเศษใด หากเขาไม่กลัว เรเก็นมองว่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างเขาที่ต้องปกป้องเด็กสิ เขายึดมั่นในความคิดตัวเอง มองไปข้างหน้า และมีแง่คิดดี ๆ เป็นตัวละครสีเทาที่มีทั้งด้านที่น่าด่าน่าหมั่นไส้ และด้านดีที่น่าชื่นชม
เรเก็นนี่น่ะ โคตรจะมนุษย์สุด ๆ ไปเลย
ซีซั่นสองยังเล่าเรื่องศรัทธาต่อมนุษย์และสังคมอย่างต่อเนื่อง เพราะมุมมองต่อผู้คนที่ต่างออกไป เส้นทางชีวิตที่เลือกเดินจึงพลิกผันตาม ผ่านอาร์คของสองตัวละครอย่าง โมงามิ และ บอสแห่งกรงเล็บ
โมงามิเป็นตัวละครที่เจอเหตุการณ์แย่ ๆ ในชีวิตกระทั่งตายลงด้วยความอาฆาตเจ็บแค้น วนเวียนและมุ่งหวังทำลายคนที่มีชีวิตอยู่ เขาได้ดึงชิเงโอะให้เผชิญหน้ากับตัวเองด้านที่ตกต่ำที่สุด ทั้งโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง เพื่อให้ชิเงโอะเข้าใจว่าความใจดีต่อเพื่อนมนุษย์นั้นสูญเปล่าถ้าต้องรายล้อมด้วยคนที่จ้องทำร้ายกันอย่างที่เขาเคยเผชิญ ถึงแม้ชิเงโอะจะสั่นคลอนไปบ้างหากสุดท้ายชิเงโอะยังคงไม่เสียศรัทธาในผู้คนที่รัก ออกจากวังวนของภาพลวงได้ในที่สุด ทว่าตะกอนยังตกในใจเจ้าตัวเสมอ
กระทั่งได้มาเจอกับบอสแห่งกรงเล็บ เขานั้นทระนงตนว่าเหนือกว่าผู้อื่น จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนเคียงข้าง กลับกันคนธรรมดามากกว่าที่ต้องสยบต่อเขา เขาถูกความโดดเดี่ยวครอบงำอย่างเนิ่นนานฝังลึก ชิเงโอะเข้าใจในแง่มุมนั้นอย่างดี ทั้งชีวิตจริงที่เขาคิดว่าตัวเองไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทั้งชีวิตมายาจากโมงามิที่เล่นงานจนแทบแตกสลาย แต่ทุกสิ่งผ่านมาได้เพราะมีผู้คนที่เข้ามาในชีวิตตนคอยเคียงข้างเสมอ
ชิเงโอะเชื่อในมิตรภาพที่หยิบยื่นเข้ามา และพร้อมจะหยิบยื่นมันให้กับคนอย่างบอสแห่งกรงเล็บอย่างไม่รีรอ แม้คนนั้นจะเป็นคนเลวร้ายที่หลงผิด ทว่าในช่วงเวลาที่ตกต่ำ การมีคนเคียงข้างสักคนย่อมดีกว่าตัวคนเดียวไม่ใช่หรือ นั่นคือสิ่งที่ชิเงโอะเชื่อ เพราะการเป็นที่ต้องการของกันและกันแบบนั้น จึงทำให้ชีวิตมีความหมาย
เรามองว่าตัวเรื่องเขาค่อนข้างใจดีกับตัวละครพอตัว เพราะเกือบทุกตัวละครทั้งตัวหลักและตัวประกอบ จะมีช่วงที่ตัวเองหลงผิด เคยทำสิ่งเลวร้าย เคยพลาดพลั้ง หากสุดท้ายเราก็จะได้เห็นการเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ การเปลี่ยนความคิด การให้อภัย การเดินต่อไปข้างหน้า เขามีมุมมองต่อมนุษย์ด้วยความอ่อนโยนมากเลยค่ะ
ทำไมต้องเป็นเหมือนคนอื่นด้วยเล่า นายคือตัวเอกของชีวิตตัวเองนะ คำที่เรเก็นบอกกับชิเงโอะสะท้อนก้องในจิตใจ ในช่วงเวลาสุดอันตรายหน้าสิ่วหน้าขวาน
ก่อนหน้าชิเงโอะเคยเดินตามเส้นทางที่คนบอกมากมาย เคยใช้ชีวิตเพื่อความพอใจของคนอื่น เขาว่าไงเราก็ว่าตาม แต่หลังจากทุกสิ่งที่ชิเงโอะตกตะกอนขบคิด ขณะนี้เขาตัดสินใจแล้วที่จะสละตนเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก แม้เต็มไปด้วยคำถามจากคนอื่น แม้เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
แต่เพราะนี่คือสิ่งที่ชิเงโอะเลือก
ขอแค่มีชีวิตที่เลือกสิ่งสำคัญด้วยตัวเองก็พอ
เพราะผมคือตัวเอกในชีวิตผมเองนี่นา
เรามองว่าการตัดสินใจด้วยตัวเองของชิเงโอะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นการขมวดจบซีซั่นอย่างสวยงาม เพราะเราได้เห็นเขาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองทีละน้อย ความพยายามของชิเงโอะไม่เคยสูญเปล่า ในตอนนี้ขอยกคำที่เรเก็นเคยพูดไว้
นายเติบโตขึ้นแล้วสินะ ม็อบ
เข้าสู่ซีซั่นสาม ด้วยการตั้งคำถามว่าเป้าหมายชีวิตเราอยากจะทำอะไร ชิเงโอะที่ครุ่นคิดถึงการเรียนต่อมัธยมปลายและอาชีพในภายหน้า เซริซาวะที่มองว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่กลับไม่มีอะไรสักอย่าง ก็อยากจะลองทำอะไรเพื่อตัวเองดู รวมถึงตัวละครสำคัญของอาร์คนี้ที่มีเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่ทะเยอทะยานกว่าใครเขา อย่าง เอคุโบะ ด้วยเช่นกัน
เดิมทีเอคุโบะก็ไล่ตามความฝันตัวเองที่ว่าอยากเล่นบทพระเจ้าดูสักหนอยู่เนืองนิจ หากมันก็คว้าเหลว ปัจจุบันเขาก็แค่ใช้ชีวิตร่วมไปกับชิเงโอะและเรเก็นเพียงเท่านั้น เมื่อโอกาสจู่ ๆ เข้ามาวางตรงหน้า เอคุโบะจะอดใจไหวหรือที่จะไม่คว้าไว้ ในเมื่อเป็นสิ่งที่ต้องการมาตลอดเลยนี่ เอคุโบะเดินหน้าตามแผนการร้ายของตนอย่างมุ่งมั่น จากนั้นทุกสิ่งก็ออกมาเป็นไปตามที่เขาวางไว้ไม่ผิดเพี้ยน ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ นี่แหละสิ่งที่เขาใฝ่หา อีกไม่นานเขาจะได้เป็นพระเจ้าสมใจ
แน่ล่ะว่าชิเงโอะต้องมาขัดขวาง
จากการต่อสู้ด้วยความไม่เข้าใจ จากการพูดคุยอย่างเปิดใจถึงสิ่งที่อยู่ในอก ว่าหากได้เป็นพระเจ้าแล้วจะเป็นเช่นไรต่อ เอคุโบะจะมีความสุขและสิ่งนั้นสามารถเติมเต็มตนได้จริง ๆ น่ะหรือ ท้ายสุดเอคุโบะก็ตระหนักได้ว่าลึก ๆ แล้วสิ่งที่ตนต้องการนั้นคือการยอมรับต่างหาก แค่ใครสักคนที่ยอมรับในตัวเขา เขานั้นมีชิเงโอะที่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนอยู่นี่นา ทุกสิ่งที่ต้องการวางอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ดุจเส้นผมบังภูเขาก็ไม่ปาน
เพราะมัวแต่มุ่งสู่เป้าหมายเลยมองข้ามไปว่าระหว่างทางนั้นตัวเองได้ในสิ่งที่ใจต้องการไปเสียแล้ว
การวิ่งเข้าสู่เป้าหมายเป็นเรื่องที่ดี (ถ้าไม่ใช่เป้าหมายผิด ๆ ) แต่ก็อย่าลืมมองคุณค่าเชยชมสิ่งดี ๆ ใกล้ตัวระหว่างทางด้วยนะทุกคน
(อาร์คเอคุโบะดีมากค่ะ เราน้ำตาไหลหนึ่งเปาะ)
จากที่เคยว่าไว้แต่ต้น เพราะชิเงโอะนั้นหวาดกลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้จนเผลอใช้พลังทำร้ายคนอื่นโดนไม่รู้ตัว เขาจึงกักเก็บทุกความรู้สึกรวมถึงอารมณ์ด้านต่าง ๆ ตัวเองไว้ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ซ่อนทุกสิ่งไว้ในอก และจะเกิดอะไรขึ้นหากหัวใจที่ห่อหุ้มด้วยความอดทนอดกลั้นเกิดรอยร้าวขึ้นมา
มันก็ระเบิดออกน่ะสิ
ชิเงโอะพยายามต่อสู้กับอีกด้านของตัวเอง เขาปฏิเสธไม่ยอมรับอารมณ์ที่ทะลักล้นเหล่านั้น พยายามดิ้นเท่าไรก็สลัดไม่อยู่ ผู้คนหลากหลายพยายามรั้งตัวชิเงโอะที่คลุ้มคลั่งเอาไว้ หากนาทีนี้ไม่มีใครสามารถต้านพายุอันบ้าคลั่งของชิเงโอะได้
สุดท้ายถึงคิวอาจารย์เรเก็นออกโรง (ตรงนี้เพลง op ซีซั่นหนึ่งขึ้นด้วย เท่มาก)
เรเก็นทุ่มตัวเองสุดกำลังเพื่อจะบอกกล่าวเรื่องสำคัญกับชิเงโอะ เพื่อสารภาพน้อมรับความจริงแสนน่าอาย
ฉันโกหกทุกสิ่งมาตั้งแต่ต้น ฉันไม่มีพลังพิเศษอะไรเลย
แต่ที่ฉันจะบอกก็คือ
ทุกคนนั้นย่อมมีอีกด้านที่ไม่อยากให้ใครเห็นเสมอ อีกด้านที่ไม่อยากเผชิญหน้าน้อมรับ ฉันเองก็เกลียดด้านที่ตัวเองซ่อนเอาไว้เช่นกัน นายไม่ต้องแบกความรู้สึกหนักอึ้งนั้นจนกลุ้มใจหรอกนะ…แต่หากจะกลุ้มก็ไม่เป็นไร มันก็เรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้นี่เนาะ
การที่นายจะเป็นอย่างนี้บ้าง มันไม่เป็นไรหรอก
แค่โอบกอดน้อมรับตัวตนอีกด้านของตัวเองไว้ก็พอ
แล้วมันจะโอเค
ท้ายสุดแล้วชิเงโอะก็ยอมรับอีกด้านของตัวเองได้ ยอมรับพลังของตัวเอง เขาไม่กังวล ไม่หวาดกลัว ไม่ปิดบังกักกั้น โอบรับทั้งแง่งามและแง่ร้าย ใจดีต่อตัวเองเฉกเช่นที่เขาใจดีกับคนอื่น
เป็นชิเงโอะที่รักตัวเองและรายล้อมไปด้วยคนที่รัก
แล้วเรื่องนี้ก็ปิดจบด้วยรอยยิ้มของชิเงโอะอย่างสวยงาม
เราชอบเรื่องนี้มากกกกกก มันไม่ใช่แค่ใช้พลังจิตมาต่อสู้กัน มีตัวเอก มีวายร้าย แต่เขาเลือกที่จะเล่าเรื่องการเติบโตของเด็กคนนึงที่กำลังค้นหาตัวตน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และรายล้อมไปด้วยคนที่ห่วงใยได้ดีมาก ๆ ด้าน character developed ต้องยกนิ้วให้ ตัวละครในเรื่องก็เทา ๆ มีที่มาที่ไป ส่วนตัวชอบซีซั่นสองที่สุด เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างตึงและประเด็นที่เขาจะเล่าก็แข็งแกร่งมาก การดำเนินเรื้องยึดโยงเป็นเส้นตรงต่างจากอีกสองซีซั่นที่จบเป็นอาร์ค ๆ ไป รวมถึงซีนแอคชั่นเราก็ชอบของซีซั่นสองมากที่สุดเหมือนกัน (แต่จริง ๆ เรื่องซีนแอคชั่นเราชอบของเรื่องนี้เป็นพิเศษเลย) แถมเพลงประกอบก็เพราะมากด้วยค่ะ
ถึงแม้ว่าเราจะค้นพบเรื่องนี้ช้าไปหน่อย แต่ก็หวังว่าหลังจากนี้จะมีคนค้นพบเรื่องนี้อีกเยอะ ๆ สามซีซั่นความยาวไม่มากทว่าครบรส มีรอยยิ้ม มีน้ำตา ทั้งสนุกและอิ่มเอมใจ
ขอฝาก mob psycho 100 ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in