ทันทีที่ลงจากเครื่องบินพวกเราเตรียมพร้อมกับเครื่องนุ่งห่มกันเต็มที่
หากไอเย็นที่ปะทะหน้านั้นบางเบาจนฉันสามารถใส่แค่เสื้อยืดกับสเวตเตอร์อีกตัวทั้งๆที่มากลางหน้าหนาวเลยนะ(เดือนกุมภาพันธ์) สามหน่อเดินวนๆกันอย่างโนไอเดียว่าจะไปที่พักยังไง ส่วนใหญ่ไกด์บุ้คหรือกระทู้ที่เสิร์ชหาก็มีแต่คนที่เช่ารถกันเองแต่พวกเรานั้นจะไม่ประมาทความไม่มีความสามารถด้านการบอกทิศทางของตัวเอง(ที่แม้แต่แถวบ้านยังหลงกันได้)
โชคดีที่ระบบทัวร์ของไอซ์แลนด์ถือว่าครอบคลุม(อย่างน้อยก็ในเมืองหลวงอย่าง Reykjavik) เราสามารถเดินไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปที่เคาน์เตอร์บอกชื่อที่พักแล้วจ่ายเงิน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย สามารถจองรถกลับมาที่สนามบินได้อีกด้วยถ้าจองแบบไปกลับจะถูกกว่า
ด้วยความที่วางแผนกันมาว่าวันแรกจะไปดูแสงเหนือเราจึงจองไฟลท์ที่มาถึงตอนบ่ายๆ ค่ำแล้วจะได้ดูเลย แต่กลายเป็นว่าข่าวแรกที่ได้รับตอนมาเหยียบไอซ์แลนด์คือทัวร์แสงเหนือโดนแคนเซิลจ้า หนึ่งในตัวแปรที่ทำให้แสงเหนือคือฟ้าจะต้องเปิดและฟ้าของพี่ในวันนี้...ปิดสนิทแถมยังมีหมอกลงจนมองไม่เห็นอะไรอีกต่างหาก
เปิดทริปมาก็เล่นกับพี่อย่างนี้เลยเหรอ
ทิวทัศน์ระหว่างเข้าเมืองเป็นทุ่งทุนดรากว้างๆมีหินโผล่แทรกผืนหญ้าดูเหงาหงอยไร้ผู้คน พวกเรามองออกไปนอกหน้าต่างเลียแผลใจกันอย่างเงียบๆ ความคาดหวังของทริปนี้ดิ่งลงติดผิวดินโชคยังดีที่ทัวร์ที่จองมารับประกันกว่าถ้าไม่เห็นแสงเหนือที่ดีเราสามารถไปกี่รอบก็ได้จนกว่าจะเห็น เราจึงมีเวลาอีกสามคืน ใช่ค่ะ สามคืน...บวกกับพยากรณ์อากาศว่าจะมีหิมะ ฝน และเมฆมากมายในอีกสามวันข้างหน้ามีความหวังมากมายจริงๆ
*มองออกไปที่ปลายฟ้า จับสร้อยพระที่ห้อยคอแล้วเริ่มภาวนา*
(ความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
เลียแผลใจกันไปเกือบหนึ่งชั่วโมงสามสาวก็ก้าวลงจากรถทันทีที่คนขับรถบอกว่าถึงที่พักแล้ว พวกเราจองเกสท์เฮาส์มาซึ่งมันก็อยู่ตรงหน้าแต่สามคนนี้ก็ยังหาไม่เจอค่ะ เห็นความสามารถหรือยังคะ
เปิดประตูเกสท์เฮาส์เข้าไปสองสิ่งแรกที่ออกมาต้อนรับคือ ชาร์ล็อต และชาร์ลี น้องหมาสุดคิ้วท์ต่างสีตามด้วยคุณลุงคุณป้าเจ้าของชาวไอซ์แลนด์ที่ออกมาเชคแฮนด์และแจกจ่ายแผนที่
สิ่งแรกที่พวกเราถามคือร้านอาหารอยู่ไหน
เราโยนทุกอย่างออกจากตัวเอาเพียงแค่สิ่งของจำเป็นออกไปตะลอนหาของกินกันพวกเราที่ไม่ได้เตรียมแพลนอะไรมานั้นอยากจะลิ้มลองรสความเป็นไอซ์แลนด์โดยที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in