ลมโชยของเดือนร้อนค่อยๆพัดผ่านร่างกายของผมไป กลิ่นของควันบุหรี่ที่อยู่ในมือข้างซ้ายของผมตบตีตัลปัดฟุ้งกระจายไปตามสายลม ผมยืนจ้องมองพระอาทิตย์สลัวที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจลอย ขอบฟ้าสะท้อนแสงสีส้มแกมแดงออกมาอย่างน่าหลงไหล ท้องฟ้าที่เคยปกคลุมท้องฟ้าในตอนกลางวันกลับหายไปอย่างลับตา แสดงให้เห็นถึงตะวันส่องแสงไปทั่วทั้งนภา
มองดูแล้วก็คล้ายกับพระอาทิตย์ตกดินในทุกๆวันแต่ในวันนี้มันกลับสวยงามผิดแปลกตาผิดปกติ หรือมันอาจจะเป็นเพราะตัวผมเองไม่เคยได้สังเกตมันมากสักเท่าไหร่ จึงพลาดที่จะได้มองเห็นความงามของมันไป
กาลเวลาผันเปลี่ยนไปไม่เเคยรีรอผู้ใด ผมเติบโตไปจนลืมมองย้อนกลับไปในอดีตในทุกๆวัน ในชั่วโมง นาทีและ วินาทีที่ผ่านมาตัวผมคนเดิมก็ค่อยๆจางหายไปตามเข็มนาฬิกาชีวิต ทุกย่างก้าวที่เคยผ่าน ทุกลมหายใจที่เข้าปดกลับกลางเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเวลาที่ผ่านไป
ชีวิตของผมเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของจักรวาลที่สักวันหนึ่งก็ต้องดับศูนย์ แต่ในตอนนี้และช่วงเวลานี้ไม่มีสิ่งใดพลาดผมไปจากสิ่งที่สวยงามตรงหน้าผมไปได้ยกเว้นความตายที่เป็นนิรันด์
เส้นผมปลิวไสวไปตามลมบนของหน้าร้อน ผมนั่งลงบนพื้นคอนกรีตที่แผ่ความร้อนออกมาแต่ในช่วงเวลานั้นมันกลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ มีเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมรู้สึกสงบในวันที่แสนวุ่นวายผมค่อยๆเอนตัวและหลับตาลง ดาดฟ้าที่ว่างเปล่าในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวของวิญญาณอันหนังอึ้งของผม และของใครหลายๆคนที่อาจจะขึ้นมาอยู่กับตัวเองแบบผม
ในขณะที่บุหรี่ในมือของผมเริ่มที่มอดไหม้จนหมดมวน ผมก็พยุงตัวเองขึ้นมา และจ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่คอยๆลับลาขอบฟ้าไป
ความฝันและความหวังที่หลุดลอย ความหวานของวัยเยาว์และความขมของวัยผู้ใหญ่ที่หนักอึ้งเกินจะรับไหว การได้อยู่ตรงกลางของทั้งสองสิ่งนั้นยากเกินกว่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะรับไหวผมได้แต่ถอนหายใจเหือกใหญ่ก่อนที่จะโยนมวนบุหรีทิ้งและเดินจากไปพร้อมกับหัวใจอันหนักอึ้งและเศษเสี้ยวของวิญญาณที่ยังเหลืออยู่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in