/คิวทำนองเพลงของคุณ จรัล มโนเพ็ชร
♪ พี่เอ๋ครับ สวัั๊สดีครับปี้ครับ จำน้องจายคนนี่ได้ก่อ ♫ (พี่เอ๋บอกกูจะจำมึงได้ไงวะ) 555555555555
พัง พัง พัง เล่นอะไรเนี่ย
เอ้า เข้าเรื่อง ท้าวความกันยาวๆ หน่อยละกัน คือพี่เอ๋เป็นนักเขียน...เอาจริงคือเป็นมนุษย์ที่มีอิทธิพบกับชีวิตของผมอย่างใหญ่หลวง ถือได้ว่าเลี้ยงว่าสอนให้ผมเป็นผมทุกวันนี้เลย ไม่ได้เว่อร์จริงๆ พี่เอ๋เข้ามาในช่วงชีวิตที่เรากำลังค้นหาที่ยึดเหนี่ยว กำลังสร้างตัวตน พี่แกช่วยย้ำทำให้เราชอบอ่านหนังสือ ช่างคิดช่างถามช่างสังเกต ที่สำคัญคือรู้จักมองโลกให้ง่าย และมีความสุขไปกับมัน
เวลาผ่านไปร่วมสิบปี
อย่างที่ซัมเมอร์ ฟินน์ ได้กล่าวไว้
"Sometimes when people grow, they grow apart"
เราไม่ได้กดไลค์สเตตัส roundfinger เราไม่ได้ซื้อหนังสือของพี่เอ๋อ่านต่ออีกแล้ว
ชีวิตในแต่ละวันดำเนินไปโดยเกี่ยวข้องกับนักเขียนคนนี้น้อยลงกว่าเก่า
จนถึงวันที่พี่เอ๋แต่งงาน!
คืนนั้นผมสวมบทเป็นนักสืบโซเชียล ทั้งตื้นตันและตื่นเต้น ทัก-คุย ทุกคนที่ออนไลน์อยู่ตอนนั้นไปก็นึกขำไปว่า นี่กูเป็นญาติสนิทเขาเหรอ ทำไมถึงดีใจขั้นใหญ่ขนาดนี้ บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นตอนเริ่มประกาศ PR ทอล์คโชว์ครั้งนี้พอดี เราก็คิดว่า เออ คิดถึงพี่เอ๋ว่ะ ตัดสินใจ 'กลับไปเยี่ยม' สักหน่อยแล้วกัน ว่าแล้วก็ชวนพี่ไปซื้อบัตรกัน
หน้าตาบัตรราคา 1,800 บาท
ผ่านไปหลายเดือนจนเกือบลืมไปแล้วว่าเคยซื้อบัตร เมื่อวานนี้ผมก็ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ชม ทอล์กโชว์ไม่มีขาของชายผู้นี้
รู้สึกยินดีกับพี่เอ๋ด้วยครับที่ทำมันสำเร็จ เยี่ยมมาก
แต่ต้องขอสารภาพว่า มันไม่ค่อยจะถูกจริตเราเท่าไร เรามองว่าหลายๆ อย่าง มันถูกเตี๊ยมถูกซักซ้อมมากเกินไป เนื้อหาเองยังเบาบางกว่าที่คาดไว้ อยากจะได้ความเรียบง่าย จริงใจ และเป็นตัวพี่เอ๋ เล่าประสบการณ์ของพี่และสะท้อนมันออกมาให้คนดูได้ชม มากกว่านี้
พี่เอ๋เปิดโชว์ด้วยการคุยกันผ่านตัวหนังสือ ต่อตามด้วยการ break the ice ปล่อยมุขเล็กน้อย แล้วดึงเข้าประเด็นแรกว่าด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ กับปัจจัยสิ่งแวดล้อม ว่าจริงๆ แล้วมันจะอยู่ตรงไหนก็งอกงามได้ทั้งนั้น มีการเชิญคนที่พูดถึงมาแสดงแรพและตีระนาดให้ฟังแบบไม่ได้ทันตั้งตัวด้วย (ฮา)
ตามมาด้วย session โฆษณามือถือซัมซุง ที่แบบ เอาจริงดิพี่ เออ พี่เค้าเอาจริงว่ะ
เรื่องต่อมาคือความแปลก+แตกต่างของคนเรา เล่าผ่านเพื่อนของรุ่นน้องที่เลี้ยงก้อนหินเป็นสัตว์เลี้ยง และการท่องเที่ยวดูนิสัย-วัฒนธรรม-บริบท ของชาวอินเดียและเอธิโอเปีย เราควรจะวางไม้บรรทัดของเราไว้หน้าบ้าน อย่าไปตัดสินเขาด้วยบรรทัดฐานของเรา เพราะเราเองก็อาจจะแปลกในสายตาของเขา ก็เป็นได้ ก่อนจะตบท้ายใจความนี้ด้วยนิทาน generation gap ของคนสามรุ่น เจน X Y และ Z
ส่วนสุดท้ายเป็นจุดที่ผมชอบที่สุด
พี่เอ๋เล่าถึงการสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยปัญหากระจุกกระจิก ต้องคอยแก้ไปทีละจุด
ปัญหาอยู่ตรงที่ พอแก้ปัญหาเสร็จแล้ว เรากลับไม่ได้มีความสุขเสียเท่าไร
อัลแบร์ กามู ได้ให้การไว้ว่า ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการเข็นหินที่หนักแสนหนักขึ้นภูเขา ขึ้นถึงยอดแล้วก็ผลักมันลงมาเข็นใหม่ไม่รู้จักจบจักสิ้น นี่แหละชีวิตของมนุษย์
อาจฟังดูสิ้นหวัง หดหู่ แต่ อีริค ไกรตันส์ ก็บอกเราผ่านชีวิตของทหารผ่านศึกเอาไว้ว่า "ชีวิตที่ไม่มีด่าน" อาจจะเป็นฝันร้ายยยิ่งกว่าก็ได้ การที่คนเราตื่นนอนมาพร้อมกับภารกิจ ความตระหนักในภาวะเสี่ยงที่ทำให้รู้ว่าชีวิตมีคุณค่าต่างหาก อาจจะเป็นความสุขและเหตุผลของการมีชีวิตอยู่
พี่เอ๋ครับ...ต๋อนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ ♬ เฮ้ย ยังไม่หยุดอีก
เอาใหม่ๆ พี่เอ๋ครับ ตลอดระยะเวลาร่วมสิบปีมานี้ พี่ได้เข็นก้อนหินให้ผมดูตั้งมากตั้งมาย ทั้งการเขียนหนังสือ ทำรายการทีวี เปิดสำนักพิมพ์ แต่งงาน สร้างหัวนิตยสาร และล่าสุดนี่ก็ทอล์คโชว์ พี่ได้โชว์ให้ผมเป็นแล้วว่า Achiever ชั้นเซียนนี่มันเป็นยังไง โคตรซูฮกเลยว่ะ
ผมเองก็มีหินบนยอดมาอวดเหมือนกันนะ ถึงจะเล็กหน่อยแต่ก็ภูมิใจเชียวล่ะ ลูกล่าสุดคือหินเรียนป.ตรีกำลังจะถึงยอดเขาแล้ว อีกไม่นานคงได้เวลามองหาหินก้อนใหม่
อย่างที่พี่บอกแหละครับ
ผมสัญญาว่าจะเลือกหิน แล้วเข็นมันให้สุดแรง
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจดีๆ อีกครั้งนะครับ
: )
side note : หมัดฮุคที่ผมประทับใจสุดอยู่ตรงนี้ครับ คือก่อนเข้าชมการแสดงมันจะมี backdrop ให้ไปถ่ายรูปกันใช่ป่ะ แล้วจะมีโพสอิทให้ทุกคนเขียนเป้าหมายมาแปะไว้ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าตอนปิดทอล์คโชว์ ถูกทิ้งท้ายด้วยเพลงและวีดีโอ เกี่ยวกับการทำเป้าหมายให้สำเร็จ ซึ่งมันจะมี montage ของการซูมโพสอิท บางอัน (ที่เราคิดว่าเป็นผู้ชมมาเขียนไว้) แต่จริงๆ แล้วมันคือเป้าหมายของคนที่ทำมันสำเร็จแล้ว ตัวอย่างเห็นกล้องซูมไปที่ใบที่เขียนว่า อยากเดินได้อีกครั้ง แล้วภาพก็ตัดไปที่วีดีโอ คุณยายกำลังฝึกกายภาพบำบัดจนเดินได้งี้ โหย แม่งอิมแพคมาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in