แสงไฟเหลืองนวลในร้านทำให้ฉันมึนเมาโดยไร้แอลกอฮอล์ไปกับบรรยากาศค่ำมืดแบบนี้ได้ไม่ยากไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่รู้สึกแบบนี้ความรู้สึกที่ถูกทิ้งไว้ในโลกบ้าๆนี่คนเดียว
โลก
ที่ตอนแรกมีใครอีกคนช่วยสร้างมาด้วยกัน
มันก็เป็นแค่อีกครั้งในหลายๆครั้งที่ฉันรู้สึกแบบนี้ความรู้สึกแบบ ‘สำคัญนะแต่ไม่ได้สำคัญตลอด’ แต่เชื่อเถอะไม่ว่าฉันจะเจอแบบนี้อีกกี่พันครั้ง ฉันคงไม่มีวันพูดคำว่าชินออกมาได้
เครื่องดื่มที่สั่งถูกวางไว้ตรงหน้าเพราะที่นั่งที่ฉันเลือกคือตรงบาร์ ไม่ได้เลือกเพราะอยากสบตาบาร์เทนเนอร์แต่เลือกเพราะฉันเดินเข้ามาแล้วเห็นมันว่างอยู่พอดี
“คุณ มาคนเดียวหรอ”เสียงบาร์เทนนอร์ที่อยู่อีกฝั่งของบาร์ถามขึ้น
ฉันพยักหน้าและยกแก้วนั้นขึ้นจิบทีละน้อยอย่างไม่รีบร้อน
“อกหัก แอบรัก หรืออะไรดี”คำถามแปลกหูทำให้ฉันขมวดคิ้วและแอบยกยิ้มเบาๆกับคำถามคนตรงหน้า
“ถามขนาดนี้ งั้นลองทายดู”
“ทายถูกแล้วจะได้อะไรล่ะคุณ”
“ถ้าทายถูก จะเล่าให้ฟัง”ฉันพูดพร้อมจ้องหน้าเขาไปตรงๆแล้วยิ้มให้หนึ่งที
“คุณไม่ได้ฟูมฟายจนจะเป็นจะตายแต่หน้าคุณมันบอกว่ารับได้แต่ก็ไม่อยากรับอะไรแบบนี้ งั้นผมทายว่าแอบรักเขาข้างเดียว”เขาพูดในขณะที่หยิบแก้วมาเช็ดไปด้วย
“ก็ถูก”
“ง่ายจะตายคุณ”
“จะฟังมั้ยเนี่ย” ฉันถามขึ้น
“ครับ ฟังครับ ว่ามาเลย”เขาว่าพร้อมวางผ้าเช็ดแก้วแล้วมายืนคล้ายจะบอกว่าพร้อมฟังแล้ว
“ฉันแอบรักเพื่อนผู้ชาย จบแล้ว”
“อ้าวคุณ”
“อ้าวทำไม เล่าแล้วไง” ฉันยิ้มหยอกก่อนยกแก้วขึ้นมากระดกอึกใหญ่
“โถ่”
“อ่ะ มา พร้อมเล่าแล้ว”
“ตั้งใจฟังอยู่ เล่ามาเลย”
“ก็คือว่าฉันไม่รู้ว่าเพื่อนคนนั้นคิดยังไงกับฉันเพราะการกระทำบางทีก็ดูโคตรจะเพื่อนแต่บางครั้งมันดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนทำให้กัน โทรหากันทุกวัน เล่าทุกเรื่องให้ฟังฉันไม่รู้ตัวเลยว่าการทำแบบนี้มันเหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกของเขาทีละนิด”
“แล้วทำไมถึงไม่ถามเขาล่ะ ?”
“ฉันถามเขาไปแล้วหมายถึงถามเขาอยู่ในใจเป็นร้อยครั้ง แต่ไม่กล้าถามออกไปจริงๆเสียที”ไฟสลัวกับบรรยากาศภายในร้านที่เปิดเพลงบิ๊วจนฉันอยากจะกอดขวดเหล้าแล้วร้องไห้มันเสียตรงนี้
“กลัวคำตอบล่ะสิ”
“ก็ใช่มากกว่ากลัวคำตอบคือกลัวเขาหายไปจากชีวิต คือตอนนี้มันก็หายไปนะแต่ฉันก็รู้ไงว่าเดี๋ยวก็กลับมา เหมือนทุกที แต่ถ้าถามออกไป ถ้ามันไม่ใช่ เขาก็คงไม่กลับมาอีกเลย”
“แล้วมานั่งเศร้ากับตัวเองแบบนี้มันดีหรอคุณ”
“อย่างน้อยคนเปอร์เซ็นต์คนส่วนมากที่มาร้านแบบนี้ก็เพราะความรักทั้งนั้นแหละน่านายต้องขอบคุณฉันสิ”
“ครับ กราบขอบพระคุณ เล่าต่อๆ”
“เอาคำถามเมื่อกี้ละกัน ที่ถามว่ามานั่งเศร้ากับตัวเองแบบนี้มันดีหรอก็ขอตอบเลยว่าไม่ดี แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ จะว่าน้ำเน่าก็ได้นะแต่เวลาฉันเห็นเขามีความสุข ฉันก็มีความสุขถึงแม้ว่าความสุขของเขาจะไม่มีฉันเป็นส่วนประกอบเลยแม้แต่น้อย”
“โห”
“แต่ความสุขของฉันน่ะมีเขาเป็นส่วนประกอบอยู่เต็มร้อยเลยนะ”ฉันเล่าจบบาร์เทนเนอร์คนนั้นก็ถามไถ่เรื่องที่อยากรู้จนพอใจก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉันกับแก้วน้ำสีอำพันที่มันละลายปนกับน้ำแข็งไปหมดแล้ว
กลางดึกคืนนั้นไม่ได้มีเรื่องน่าประหลาดใจอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม หมายถึงเหมือนเดิมก่อนที่เขาจะเข้ามา ไม่มีเสียงโทรศัพท์ไม่มีแม้แต่ข้อความ มีเพียงแค่ประโยคที่ฉันส่งไปวันก่อนที่ขึ้นว่ามันถูกอ่านแล้ว
กลางดึกคืนนั้น เขาที่เป็นความสุขเต็มร้อยของฉัน และตัวฉันที่ไม่ได้เป็นแม้แต่เศษเสี้ยวที่ทำให้เขามีความสุข
และเราก็ไม่ได้คุยกันอีกคืน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in