เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Jungwoo x Taeiltiu_tatee
OS: Santa Claus is Coming to Town
  • Couple; Jungwoo x Taeil

    Tag; #กับดักจองอิล




    ตอนเด็กๆคุณพ่อเคยบอกว่าถ้าเป็นเด็กดีคุณซานต้าจะเอาของขวัญมาให้ จองอูจำได้ดีถึงคำบอกกล่าวนั้น และเขาก็ได้รับของขวัญทุกคืนวันคริสต์มาสแต่สุดท้ายก็มารู้ตอนอายุสิบสองว่าซานต้าที่เอาของขวัญมาให้ตลอดนั่นก็คือคุณพ่อขอเขานั่นเอง หลังจากนั้นจองอูก็ไม่เคยเชื่อเรื่องซานต้าอีกเลยจนกระทั่งข้างบ้านเขามีคนย้ายเข้ามาใหม่

    พี่ชายข้างบ้านที่อายุห่างจากเขาประมาณสี่ปี ย้ายมาอยู่เมื่อวันคริสต์มาสอีฟเมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางอากาศหนาวและปุยหิมะ พี่ชายข้างบ้านที่ไม่ได้ตัวโตไปกว่าเขา แก้มและจมูกขึ้นสีแดงๆเพราะอากาศหนาวที่โผล่พ้นผ้าพันคอสีขาวออกมาคือสิ่งแรกที่เขาสะดุดตา ทั้งๆที่เป็นวันหยุดและทุกคนพร้อมใจกันไปเฉลิมฉลองแต่พี่แทอิลกลับย้ายของเข้าบ้านด้วยความสุข พี่ชายตัวเล็กข้างบ้านหันมาส่งยิ้มให้เขาทันทีที่หันมาเจอ รอยยิ้มที่มีผ้าพันคอปิดเอาไว้แต่มันกลับตรึงอยู่ในความรู้สึก


    รักแรกพบ


    คำนี้ผุดขึ้นมาในความรู้สึกทันทีที่พบเข้ากับรอยยิ้มของอีกฝ่าย ของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับวันครบรอบอายุยี่สิบของจองอูไม่ใช่ของขวัญที่คุณพ่อแอบเอามาวางไว้ที่ปลายเตียงแต่กลับเป็นพี่ชายตัวเล็กข้างบ้านที่มีรอยยิ้มแสนจะอบอุ่น คริสต์มาสปีนั้นเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน ได้แต่แอบมองบ้านข้างๆจากหน้าต่างห้องนอน ทั้งๆที่เพิ่งย้ายเข้ามาแท้ๆแต่พี่แทอิลกลับประดับประดาไฟที่หน้าบ้านสวยงามจนเขาก็ไม่แน่ใจว่าอีกคนเอาเวลาที่ไหนไปตกแต่ง แถมตอนเย็นของคืนคริสต์มาสยังหอบอาหารค่ำที่ทำเองมาแบ่งให้กับเพื่อนบ้านอย่างบ้านเขาเพื่อเป็นการฝากตัวอีกต่างหาก


    “สวัสดีครับ ผมชื่อแทอิลเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆถ้าทำอะไรรบกวนก็เตือนผมได้เลยนะครับ”


    น้ำเสียงที่อ่อนน้อมและรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้คุณแม่ของเขาตอนที่เดินไปเปิดประตูเขายังจำได้ดีถึงวันนั้น คุณแม่ชวนพี่แทอิลเข้ามานั่งทานข้าวเย็นด้วยกันเพราะว่าวันนี้ที่บ้านเขาก็ทำอาหารไว้เยอะมากอยู่แล้วพอรวมกับที่อีกฝ่ายเอามาให้เลยดูเยอะเป็นพิเศษ พี่ชายตัวเล็กข้างบ้านเอ่ยปฏิเสธในคราแรกแต่ก็คงจะทนแรงตื้อของคุณแม่เขาไม่ไหวจนต้องมาร่วมโต๊ะด้วยกัน ท่าทางเคอะเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ของพี่ชายตัวเล็กข้างบ้านวันนั้นทำใหเขากินข้าวเย็นได้น้อยกว่าทุกวัน เพราะแก้มขาวๆนั่นขึ้นสีทุกครั้งเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ของเขาเอ่ยชื่นชมในฝีมือของการทำอาหารของอีกฝ่าย


    “ทานน้อยจังเลยจองอู อาหารไม่ถูกปากหรอครับ”


    น้ำเสียงที่เอ่ยแสดงความห่วงใยของคนแปลกหน้าประจำโต๊ะทานข้าวเรียกให้สายตาของทั้งคุณพ่อและคุณแม่มองมาที่ลูกชายคนเดียวที่นั่งละเลียดข้าวไปได้ไม่กี่คำ เพราะปกติเขาหน่ะกินข้าวเยอะจนบางครั้งยังเคยโดนคุณแม่บ่นว่ากินเยอะขนาดนี้แม่จะเลี้ยงต่อไปไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็นะ เขามันเด็กกำลังโต ยังไงซะตอนนี้ก็เพิ่งจะยี่สิบ ยังคงโตได้อีกเรื่อยๆอยู่แล้ว


    “เปล่าครับ พอดีวันนี้ผมไม่ได้หิวเท่าไหร่เพิ่งทานขนมมา” น้ำเสียงที่เอ่ยตอบคนแปลกหน้ากลับไปมันเบามากจนเขาเองยังแทบไม่ได้ยินคำตอบของตัวเอง

    “อ่า.. เดี๋ยววันหลังพี่ลองทำเมนูอื่นมาให้นะครับ” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับคำตอบของอีกฝ่าย จองอูหันไปสบตาของพี่ชายข้างบ้านคนใหม่เพียงแค่แวบเดียว แต่ก็เป็นแวบเดียวที่ทำเอาเขาร้อนวูบที่ใบหน้า ความรู้สึกแปลกประหลาดพุ่งขึ้นมาเพียงแค่สบในแววตาแสนอบอุ่นนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เขาหน่ะเข้าขั้นตกหลุมรักแบบเต็มรูปแบบไปซะแล้ว….



    “พี่แทอิล คริสต์มาสปีนี้ผมขอลานะพี่ ต้องกลับบ้านไปหาแม่จริงๆ” น้ำเสียงอ้อนวอนของคนที่เป็นทั้งพนักงานพาร์ทไทม์ประจำร้านและรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยเอ่ยขึ้นกับคนที่เป็นเจ้าของร้าน ดวงตากลมๆเหมือนลูกหมาของอีกฝ่ายคือสิ่งที่แทอิลเอ็นดูจนยอมที่จะจ้างอีกฝ่ายมาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์เพราะเจ้าตัวบอกว่าอยากแบ่งเบาภาระของที่บ้านบ้าง

    “แล้วเราจะกลับบ้านวันไหนหล่ะดงฮยอก จะกลับตั้งแต่พรุ่งนี้เลยหรือเปล่า” คนเป็นเจ้าของร้านและควบตำแหน่งรุ่นพี่ร่วมสถาบันเอ่ยกับอีกคนขณะที่มือก็เช็ควัตถุดิบในร้านไปเรื่อยเปื่อย

    “ได้ไงหล่ะพี่ พรุ่งนี้เพิ่งยี่สิบสามเองให้ผมทำงานหาเงินอีกซักวันนึงเถอะ เดี๋ยวผมกลับคืนวันที่ยี่สิบสี่ครับ”

    “ก็น่าจะไม่มีปัญหาหรอก วันคริสต์มาสคนคงไม่เยอะมากเท่าไหร่ ปีนี้เหมือนหิมะจะตกช้ากว่าปีก่อนๆด้วยคนน่าจะหนีไปถ่ายรูปกันที่สวนสนุกหรือไม่ก็ห้างหมดมั้ง”

    “แล้วพี่ไม่คิดจะปิดร้านไปฉลองบ้างหรอครับ” เจ้าของชื่อดงฮยอกเท้าแขนลงหน้าเค้าท์เตอร์ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อคำถามรุ่นพี่ต่อ

    “ไม่รู้จะไปฉลองที่ไหนมาเปิดร้านอย่างน้อยก็ยังได้ตังค์ ปีนี้พี่ยี่สิบห้าแล้วนะดงฮยอกอ่า พี่หน่ะหมดวัยที่จะมานั่งตื่นเต้นกับคริสต์มาสแล้วนะ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะกับคำตอบที่ตอบกลับของคนเป็นเจ้าของร้านเรียกรอยยิ้มมุมปากของคนเด็กกว่าจนต้องเอ่ยแซวให้คนเป็นเจ้าของร้านต้องเงยหน้ามาส่งค้อนวงเล็กๆให้หนึ่งวง

    “พี่ก็ไปฉลองกับน้องชายข้างบ้านที่แวะมานั่งเล่นที่ร้านของเราเกือบทุกวันซิ ชื่ออะไรน๊าา จองอูใช่หรือเปล่านะ”

    “เงียบเลยนะดงฮยอก จองอูก็แค่แวะมาทำการบ้าน กลับบ้านคนเดียวมืดๆค่ำๆมันอันตรายมีผู้ใหญ่กลับด้วยจะได้รู้สึกปลอดภัย”

    “แต่ผมว่าถึงจองอูจะกลับคนเดียวยังไงก็ปลอดภัยอยู่แล้ว แต่กลับกับพี่อ่ะคนไม่ปลอดภัยควรเป็นพี่มากกว่ามั้ย ไม่รู้เลยหรอว่าโดนเด็กตามจีบอยู่หน่ะ” เจ้าของร้านตัวเองเล็กกอดอกมองหน้ารุ่นน้องตรงหน้านิ่งๆด้วยบหน้ามู่ทู่แต่ดงฮยอกหน่ะแอบเห็นนะว่าใบหูขาวๆของรุ่นพี่กำลังแต่งแต้มไปด้วยสีแดง

    “โอเคผมเลิกแซวแล้ว ไปทำงานต่อแล้วก็ได้ เดี๋ยววันนี้ปิดร้านช้าพี่จะกลับบ้านดึกมันอันตราย ฮ่าๆๆ” เอ่ยจบก็หัวเราะออกมาเมื่อใบหูขาวๆนั่นขึ้นสีจัดกว่าเมื่อซักครู่ จะอ้างว่าหนาวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่อฮีทเตอร์ในร้านก็ยังคงทำงานอยู่อย่างแข็งขัน


    แทอิลนั่งลงตรงเก้าอี้หลังเค้าท์เตอร์หลังจากรุ่นน้องตัวแสบเดินออกไปจัดโต๊ะให้เรียบร้อยเพื่อรอลูกค้ารายต่อไป ยอมรับว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปนิดนึงตอนที่โดนเจ้าเด็กแสบเอ่ยแซว และก็ยอมรับอีกเหมือนกันว่าเจ้าเด็กแสบนั่นพูดถูก เขากำลังโดนเด็กตามจีบ ไม่ใช่ไม่รู้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้เขารู้สึกว่าถูกอีกฝ่ายตามจีบ แต่การกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆจากอีกฝ่ายมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง เขาก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน


    เขายังจำได้ดีถึงตอนที่เขาอบคุกกี้ไปให้คุณกับคุณนายคิมบ้านข้างๆแล้วเจ้าตัวไม่อยู่ แต่คนที่ออกมารับโหลคุกกี้คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้านที่เดินหัวฟูออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเพราะถูกกวนเวลาเล่นเกมส์ของเจ้าตัว ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าแค่การกดพอสเกมส์ไว้จะน่าหงุดหงิดอะไรขนาดนั้นจนมารู้ทีหลังว่าเกมส์ออนไลน์มันกดพอสไม่ได้ ถ้าคลาดสายตาก็คือตายเลย บอกตรงๆว่าตอนที่รู้เรื่องเขาก็รู้สึกผิดจนต้องอบคัพเค้กไปขอโทษอีกฝ่าย แต่ตอนนั้นเด็กคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีแยแสอะไรเขาซักเท่าไหร่ ออกจะนิ่งๆตลอดเวลาที่เจอกันด้วยซ้ำ


    แทอิลส่ายหัวเล็กๆเพื่อไล่ความคิดออกจากหัวเมื่อคิดว่าเหตุการณ์นั้นน่าจะไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายตามจีบตัวเองอยู่อย่างนี้ เพราะถ้าเป็นเขาคงจะโกรธคนที่มากวนตัวเองเวลาที่กำลังตั้งใจกับอะไรซักอย่างมากๆแน่

    “หรือว่าจะเป็นตอนนั้น..”


    ภาพเหตุการณ์ในวันที่จองอูไม่สามารถเข้าบ้านตัวเองได้เพราะลืมกุญแจบ้านไว้ในบ้านและคุณพ่อคุณแม่ไปทำธุระที่ต่างจังหวัดทำให้เจ้าตัวไม่สามารถเข้าบ้านได้ เขาที่เพิ่งกลับจากการปิดร้านเดินผ่านบ้านหลังนั้นเห็นเด็กข้างบ้านนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ ลังเลใจอยู่ซักพักถึงได้ทำใจกล้าเอ่ยถามอีกฝ่าย พอรู้ว่าจองอูลืมกุญแจไว้ในบ้านและน่าจะเข้าบ้านไม่ได้จนกว่าจะถึงเช้าก็เลยเอ่ยชวนอีกฝ่ายเข้ามาพักที่บ้านของตัวเองก่อน ท่าทางที่นิ่งไปของคนอายุน้อยกว่าทำเอาแทอิลใจแป้วเกือบจะเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายที่เอ่ยชวนออกไปแต่จองอูดันลุกขึ้นแล้วกระโดดข้ามรั้วบ้านมาฝั่งบ้านเขาเสียก่อน แต่ท่าทางอีกฝ่ายก็นิ่งเฉยเสียจนเขาเดาอะไรไม่ออกซักอย่างว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน


    กริ๊ง


    เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นขัดความคิดของคนช่างจินตนาการ แทอิลหันไปมองลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนที่อยู่บนผนัง เวลาประจำที่เจ้าตัวจะมาก่อนปิดร้าน และเมนูที่เจ้าตัวสั่งประจำจนเขาแทบจะจำได้ขึ้นใจ


    “โกโก้ร้อนแก้วนึงครับ”


    เจ้าของร้านเอ่ยรับออเดอร์ก่อนจะให้อีกฝ่ายไปนั่งรอที่โต๊ะประจำของเจ้าตัว จองอูกางหนังสือเรียนออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะเสียบหูฟัง แล้วเข้าสู่โลกของตัวเองเพื่อที่จะรอเขาปิดร้าน การกระทำที่เจ้าตัวทำแบบนี้คิดต่อกันมาน่าจะร่วมสองเดือนจนกลายเป็นหนึ่งสิ่งในชีวิตประจำวันของแทอิลไปแล้ว จองอูไม่เคยพูดจาที่ดูเป็นการแสดงออกว่าจีบ ไม่เคยเอ่ยชมหรือแม้กระทั่งส่งยิ้มหวานๆให้เหมือนกับคนอื่นๆที่เคยเข้ามาหาเขา แต่การกระทำของเด็กนั่นแสดงออกว่ากำลังจีบเขาอยู่ ทั้งการเดินไปส่งที่หน้าบ้านแล้วรอจนเขาเข้าบ้านเรียบร้อยเจ้าตัวถึงจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านตัวเอง การที่อีกฝ่ายแอบทำแซนวิสมาให้เขาให้วันที่เขายุ่งมากๆจนแทบไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะปลีกตัวไปกินข้าว หรือแม้กระทั่งคอยสังเกตุตอนที่เขาป่วยแล้วยังฝืนตัวเองออกมาเปิดร้าน เขาจำได้ดีว่าวันนั้นโดนจองอูลากไปนอนที่หลังร้านเพื่อพักชั่วครู่แล้วเจ้าตัวเป็นคนคอยช่วยพนักงานของร้านเองแทบจะทุกอย่างทั้งเสิร์ฟเครื่องดื่ม เก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะ ล้างแก้ว วันถัดมาเขาเลยทำอาหารเย็นมื้อใหญ่ให้บ้านข้างๆเพื่อตอบแทนน้ำใจของน้องชายข้างบ้านคนนี้





    คริสต์มาสอีฟปีนี้ร้านกาแฟเล็กๆของแทอิลได้รับเกียรติจากน้องชายข้างบ้านมาช่วยทำงานในร้าน เพราะพนักงานลาไปฉลองคริสต์มาสกันหมด แต่ก็อย่างที่แทอิลเคยบอกว่าช่วงคริสต์มาสร้านไม่ได้ยุ่งมาก เขาสามารถอยู่ได้คนเดียวแบบสบายๆ แต่เจ้าเด็กข้างบ้านคนนี้กลับเอ่ยปากขอมาช่วยเพราะเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ไปฉลองกับเพื่อนที่ไหน

    “จองอู นายเชื่อเรื่องซานต้าหรือเปล่า” แทอิลเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อให้ไม่อีกคนรู้สึกเหงาในช่วงที่ไม่มีลูกค้า

    “ผมเลิกเชื่อเรื่องซานต้าตั้งแต่อายุสิบสอง ตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นพ่อกำลังวางกล่องของขวัญที่ปลายเตียงแล้วครับ แต่อยู่ดีๆปีที่แล้วผมก็เชื่อเรื่องซานต้าขึ้นมาอีกครั้งนึง”

    “อะไรกัน อายุตั้งขนาดนี้ยังเชื่ออีกหรอว่าซานต้ามีจริง” แทอิลเอ่ยแซวอีกฝ่ายยิ้มๆ “แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงเชื่อเรื่องซานต้าหล่ะ”

    “พ่อเคยบอกว่าซานต้าจะให้ของขวัญเฉพาะเด็กดี แต่ช่วงมัธยมผมเป็นเด็กไม่ค่อยดีเท่าไหร่จนเมื่อตอนม.ปลายปีสาม ผมตั้งใจอ่านหนังสือสอบแล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยตามที่หวังไว้ได้เพื่อเป็นของขวัญให้พ่อกับแม่ หลังจากนั้นผมก็เป็นเด็กดีมาตลอด สงสัยซานต้าคงเห็นว่าผมเป็นเด็กดี เมื่อปีที่แล้วเลยให้ของขวัญผมมาหนึ่งชิ้น”

    “จริงหรอ?” แทอิลฟังเรื่องเล่าจากปากของเด็กข้างบ้านแล้วตาโต “แล้วซานต้าให้อะไรหล่ะ”

    “ความลับครับ” จองอูเอ่ยจบพร้อมกับประตูร้านเปิดต้อนรับลูกค้าคนใหม่พอดี แทอิลลอบทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้ซักไซ้น้องข้างบ้านคนนี้ต่อ แต่ก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสให้กับลูกค้าและไม่ลืมอวยพรให้ลูกค้ามีความสุขในวันคริสต์มาสอีฟหลังจากส่งแก้วกาแฟให้ลูกค้าเรียบร้อย




    วันคริสต์มาสไม่ได้ต่างไปจากคริสต์มาสอีฟเท่าไหร่ในความคิดของแทอิล เพราะว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมากทำให้เจ้าตัวมีความคิดที่จะปิดร้านเร็วขึ้นซักชั่วโมง ถึงแม้จะเคยเอ่ยบอกกับรุ่นน้องไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวัยที่ตื่นเต้นกับเทศกาลคริสต์มาสแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากออกไปเดินดูไฟประดับที่มีเพียงปีละหนึ่งครั้ง และเมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าของร้านตัวเล็กก็เดินไปพลิกป้าย ‘Open’ ที่อยู่หน้าร้านให้กลายเป็น ‘Close’ แล้วไม่วายที่จะเอ่ยชวนพนักงานจำเป็นของร้านอย่างจองอูให้ออกไปเดินดูไฟด้วยกัน

    “ได้ครับ”

    คำตอบที่ได้รับถือว่าเหนือความคาดหมายอยู่เหมือนกันที่อีกคนตอบรับในทันที แต่เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าอีกฝ่ายตอบปฏิเสธมาเขาจะทำหน้ายังไงดีเพราะในใจลึกๆก็หวังให้อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธคำชวนของตัวเองเหมือนกัน


    ทางเดินและต้นไม้ระหว่างทางถูกประดับประดาไปด้วยดวงไฟเล็กๆที่ให้ทั้งความสว่างไสวและให้ความรู้สึกที่ดูแล้วอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของเดือนธันวาคม แปลกใจเหมือนกันที่ปีนี้หิมะยังไม่ตกทั้งๆที่อากาศตอนนี้ก็หนาวมากเสียจนรู้สึกว่าจะหนาวกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำไป

    “พี่อยากรู้มั้ยครับว่าปีที่แล้วซานต้าให้อะไรผม” จู่ๆคนข้างกายก็เอ่ยขึ้นมาจนแทอิลที่กำลังจะก้าวเดินต้องชะงักปลายเท้าแล้วหันมามองหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าน่ารักฉายแววงุนงงชั่วครู่ก่อนจะร้องอ๋อเบาๆขึ้นมา

    “ที่พี่ถามเมื่อวานใช่มั้ย ไหนนายบอกว่าความลับไง”

    “ใช่ครับมันเป็นความลับ แต่ถ้าปีนี้ซานต้าให้ของขวัญที่ผมอยากได้มันก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว”

    “ทำไมหล่ะ?” แนวคิ้วของคนตัวเล็กกว่าขวมดมุ่นจนคนอายุน้อยกว่ายกยิ้มมุมปากเล็กๆ แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตุเห็นแน่ๆ

    “เพราะผมไม่รู้ว่าซานต้าที่ให้ของขวัญคริสต์มาสผมเมื่อปีที่แล้วกับปีนี้จะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า ผมอยากให้เป็นคนเดียวกันนะเพราะเขาจะเป็นคนเดียวที่ทำให้ความปรารถนาของผมในปีนี้เป็นจริง”

    ดวงตาคู่สวยมองเข้าไปยังดวงตาของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศรอบตัวหรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกว่าวันนี้จองอูช่างดูโตเป็นผู้ใหญ่มากๆเกินกว่าที่จะพูดแค่เรื่องไร้สาระเกี่ยวกับคุณลุงหนวดขาวอย่างซานตาคอร์ส

    “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคนเดียวกัน” จองอูไม่ได้ตอบในทันที เด็กตรงหน้าแทอิลแค่ยกยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำบอกเล่าให้อีกฝ่ายได้ฟัง

    “พี่รู้มั้ยที่ผมบอกว่าผมกลับมาเชื่อเรื่องซานต้าตอนปีที่แล้วหน่ะ เพราะอยู่ดีๆซานต้าก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ผมแต่ซานต้าอาจจะจำผิดวันเลยเอาของขวัญมาส่งให้ผมตั้งแต่คริสต์มาสอีฟ แต่ผมไม่โกรธเขาหรอกนะเพราะของขวัญชิ้นนั้นถูกใจผมมากๆ ผมเฝ้ารอเพื่อให้ถึงคริสต์มาสของอีกปีเร็วๆ เพื่อที่ซานต้าจะได้มอบของขวัญที่ผมอยากได้มากที่สุดอีกหนึ่งชิ้น แล้ววันนั้นก็มาถึง วันคริสต์มาสของปีนี้”

    “แล้ว.. ปีนี้ซานต้าให้ของขวัญอะไรนายหล่ะ” คนเด็กกว่าส่ายหน้าช้าให้คนถาม “นายไม่ได้ของขวัญจากซานต้าหรอปีนี้” แทอิลทำหน้าตกใจเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้า เขาเตรียมที่จะเอ่ยปลอบเด็กตรงหน้าแต่เป็นอีกฝ่ายที่ขัดขึ้นมาก่อน

    “ผมไม่รู้ครับว่าเขาจะให้ของขวัญผมหรือเปล่า เพราะของขวัญจากซานต้าของปีนี้ที่ผมอยากได้ก็คือการได้เป็นแฟนกับคนที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอเขาเมื่อตอนคริสต์มาสอีฟของปีที่แล้ว ซานต้าส่งเขามาอยู่ข้างๆบ้านของผม ผมไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือเปล่า แต่ผมไม่ใช่คนที่แสดงออกเก่งแล้วยิ่งเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ผมตกหลุมรัก ผมไม่เคยแสดงออกได้ดีเลย ผมไม่เคยพูดคำหวานๆออกไปซักคำ ไม่เคยเอ่ยปากบอกชอบเขาเลยซักครั้ง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะรู้หรือเปล่าว่าผมกำลังพยายามทำตัวเป็นผู้ชายคนนึงที่ไม่ใช่แค่น้องชายข้างบ้านอยู่ พี่ว่าปีนี้ซานต้าจะให้ของขวัญที่ผมอยากได้กับผมหรือเปล่าครับ

    คนอายุมากกว่าได้แต่ยืนกระพริบตามองรอยยิ้มจางๆของคนตรงหน้า คำสารภาพจากปากน้องข้างบ้านที่ตอบคำถามในใจของแทอิลว่าอีกฝ่ายน่าจะเริ่มรู้สึกกับตัวเองตอนไหน และเพราะคำตอบที่อยู่นอกเหนือสิ่งที่คิดไว้ไปไกล สิ่งที่แทอิลแสดงออกได้ตอนนี้ก็คือการยืนนิ่งๆเหมือนหุ่นยนต์ที่เครื่องรวนเพราะแบตเตอรี่อ่อน

    “ถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับผมไปมากกว่าน้องข้างบ้านพี่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ผมไม่คิดจะบังคับให้พี่ตอบตกลงอยู่แล้ว” ทั้งๆที่น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เอ่ยออกมาแสดงถึงความสั่นไหวแต่เด็กตรงหน้าก็ยังคงมองรอบยิ้มให้กับคนอานุมากกว่า จองอูที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเด็กข้างบ้านที่อ่อนกว่าเขาสี่ปีจริงๆหรอ ทำไมเขาไม่เคยรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเป็นแค่ผู้ชายคนนึงได้เท่าวันนี้กันนะ

    “งั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะ เหมือนหิมะแรกของปีจะเริ่มต้นแล้วนะ” สิ่งที่คนอายุเยอะกว่าเอ่ยขึ้นมาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อของน้องชายข้างบ้านจางลง ก่อนที่คนโตกว่าจะเริ่มก้าวเท้าเพื่อที่จะกลับบ้านตามที่เอ่ย แต่คนอายุน้อยกว่าได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนจะกดเขาให้ก้าวเดินออกไปไหนไม่ได้

    “ไม่กลับบ้านหรอจองอู” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้ก้าวตามมาคนอายุมากกว่าเลยเห็นฝ่ายหันกลับไปเอ่ยชวนอีกคน ท่าทางผิดหวังของอีกคนทำเอาคนโตกว่าต้องลอบยิ้ม “ป่านนี้ซานต้าคนเดิมคงจะรอให้ของขวัญเด็กดีอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง”

    “ครับ?” น้ำเสียงไม่เข้าใจของคนเด็กกว่าเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคนคนอายุมากกว่าให้กว้างขึ้นจนคนมองถึงกับทำหน้าไม่เข้าใจหนักไปกว่าเดิมเสียอีก

    “ก็ของขวัญที่นายอยากได้ในปีนี้ไง ป่านนี้คุณซานต้าคนเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ก็นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าซานต้าจะให้ของขวัญเฉพาะเด็กดีหน่ะ แล้วก็ปีที่ผ่านมานายก็เป็นเด็กดีตลอด ซานต้าก็คงไม่ใจร้ายกับเด็กดีหรอกจริงมั้ย?”

    “พี่หมายความว่า…”

    “รีบๆกลับบ้านกันเถอะ อย่าปล่อยให้คุณซานต้ารอนานนะเดี๋ยวคุณซานต้าเปลี่ยนใจไม่ให้ของขวัญของปีนี้คงจะได้เห็นเด็กนั่งซึมไปอีกหลายวันแน่”

    พูดจบก็หัวเราะร่วนแล้วหันหลังเดินกลับโดยที่ไม่รอคนเด็กกว่าเพราะแทอิลรู้ว่ายังไงซะอีกฝ่ายก็ต้องเดินตามเขากลับบ้านแน่ๆ เสียงรองเท้าที่วิ่งเยาะๆมาจนเคียงข้างกันพร้อมกับความรู้สึกอุ่นที่ปลายนิ้วก่อนจะโอบล้อมไปทั้งฝ่ามือเพราะตอนนี้มือเขาของกำลังโดนอีกฝ่ายกอบกุมอยู่แผ่ซ่านไปไปจนถึงข้างใน ทั้งๆที่อากาศภายนอกหนาวจนหิมะแรกเริ่มโปรย แต่ความรู้สึกของเขาช่างอบอุ่นเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิ

    จองอูไม่รู้ว่าหลังจากนี้คุณซานต้าจะมามอบของขวัญอะไรให้เขาอีกหรือเปล่า แต่เขารู้แค่ว่าหลังจากนี้ของขวัญอื่นๆอาจจะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนข้างๆที่เขากำลังกุมมือต้อนรับหิมะแรกแห่งปี หรือบางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญเด็กดีชิ้นสุดท้ายจากคุณซานต้าเขาเลยได้รับในสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณซานต้าจะมอบให้ได้ ไม่ว่าตอนนี้คุณซานต้าจะอยู่ที่ไหนหรือจะมีจริงหรือไม่เขาก็อยากจะขอบคุณที่พาของขวัญชิ้นนี้มาให้ สัญญาว่าเขาจะดูแลรักษาของขวัญชิ้นนี้ให้ดีที่สุด และเขาจะรักของขวัญชิ้นนี้ให้เหมือนกับวันแรกที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่คริสต์มาสอีฟของปีที่แล้วไปทุกวันๆ


    Merry Christmas




    End.




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in