ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราลองเขียนเล่าเรื่องอย่างจริงจัง จากที่ปกติจะเขียนเล่าสั้น ๆ ในทวิตเตอร์ หรือไม่ก็ไม่เล่าเลย เพราะเราขี้เกียจเขียน บทความนี้เป็นกึ่ง ๆ รีวิวการตามรอยภาพยนตร์เรื่อง Call Me By Your Name กำกับโดย Luca Guadagnino ที่เข้าฉายในไทยไปเมื่อปลายปี 2017 ตอนแรกเราเกือบล้มเลิกการเขียนแล้ว แต่คิดว่าน่าจะมีคนอยากไปตามรอยบ้าง เลยตัดสินใจว่าจะเขียนดู
การตามรอย Call Me By Your Name ของเราใช้เวลาทั้งหมด 3 วันใน 4 เมือง + 1 สถานที่เล็ก ๆ
ก่อนตามรอย เราหาใน google เลยค่ะ ว่าถ่ายฉากไหน ที่ไหนยังไงบ้าง ซึ่งเมืองหลัก ๆ ในการถ่ายจะมี 2 เมืองคือ Crema และ Bergamo ในแคว้น Lombardy ที่อยู่ทางเหนือของประเทศอิตาลี แต่ถ้าลองดูละเอียด จะพบว่าจริง ๆ แล้วมีเมืองเล็ก ๆ อีกหลายเมือง ซึ่งอยู่รอบ ๆ Crema เป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าระยะทางจาก Crema ไปเมืองรอบ ๆ อาจจะแค่ 30-40 กม. แต่การเดิินทางค่อนข้างลำบากเพราะบางเมืองมีแค่รถบัสวันละไม่กี่เที่ยว และไม่มีรถไฟ เราเลยเลือกไปแค่เมืองที่มีสถานที่ถ่ายทำหลัก ๆ และเดินทางสะดวก เราพักในเมือง Milan ตลอดทริป ดังนั้นการเดินทางจะเริ่มจากมิลานและจบที่มิลานค่ะ
ปล. เราแปะรูปไว้ที่ CALL ME BY YOUR NAME ไว้ให้เข้าไปดูรูปทั้งหมด รวมรูปที่ไม่มีในนี้ด้วย แยกเป็นเมือง เซฟไว้ดูเล่นได้ เอาไปเป็น reference ตามรอยหนังก็ได้ :)
วันที่ 1: Crema + Capralba + Pandino
Crema
จากมิลาน สามารถไป Crema ได้ทั้งรถไฟและรถบัส รถไฟสามารถขึ้นได้ที่สถานีรถไฟกลางของมิลาน มีรถไฟทุกชั่วโมง ทั้งรถไฟธรรมดาและรถไฟด่วน (Frecciarossa) เวลาที่ใช้ต่างกันไม่มาก แต่ราคาต่างกันพอสมควร แนะนำให้เช็คเที่ยวรถไฟล่วงหน้า รวมทั้งเผื่อเวลาไว้ด้วย เพราะรถไฟอิตาลีมีโอกาสยกเลิกค่ะ ส่วนรถบัสสามารถขึ้นได้ที่สถานี San Donato (สุดสาย metro M3) รถบัสจะเร็วกว่าและถูกกว่า แต่รอบจะไม่ถี่เท่ารถไฟและสถานีไม่ได้อยู่กลางเมืองค่ะ
พอไปถึงสถานี สามารถเดินไป Piazza Duomo (จตุรัสที่ Elio และ Oliver มานั่งที่คาเฟ่) ได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ เพราะเมืองเล็กมาก ช่วงที่เราไปใกล้จะเข้าหน้าร้อน คนจะออกมาเดิน ปั่นจักรยาน นั่งคาเฟ่กันเยอะ เวลาถ่ายรูปก็จะติดคนเรื่อย ๆ แบบในรูป cover เลย พอไปถึงสามารถไปขอแผ่นพับหนัง + โปสการ์ดได้ที่ Info Point ของเมือง จะมีรายละเอียดจุดที่ถ่ายทำใน Crema และเมืองรอบ ๆ ตรงจุด Info point จะมีจักรยานที่ใช้ในการถ่ายทำจริง สามารถขอถ่ายคู่กับจักรยานข้างนอกได้ รวมทั้งมีโต๊ะ + เก้าอี้ที่ใช้ในการถ่ายทำด้วยค่ะ ถ้าไปช่วงหน้าหนาว จะได้เจอกับโต๊ะชุดนี้ตรงบริเวณที่ถ่ายทำเลยค่ะ ถ้าไปช่วงที่คาเฟ่แถวนั้นเอาโต๊ะออกมาตั้งข้างนอกก็จะถ่ายได้แค่ในตึกแบบเราค่ะ (เศร้าเลย)
อดถ่ายกับโต๊ะข้างนอกเลย
จุดที่ถ่ายใน Crema สามารถเดินถึงกันได้หมดเลย ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เดินทั่วแล้ว จุดที่ถ่ายใน Crema มีเยอะพอสมควร ต้องค่อย ๆ เดินเพราะบางจุดเล็กมาก อาจจะเดินเลยไปเลย ตอนเราเดินเราเปิดเทียบทีละฉากเลย ฉากที่ Elio มาหา Marzia ในเมืองก็ถ่ายที่นี่ค่ะ ฉากตรงประตูก็ถ่ายที่นี่เช่นกันค่ะ จะอยู่ตรงตรอกข้างร้านหนังสือ (รูปเพิ่มเติมใน drive เลยค่ะ)
ถ้าเข้าไปในตรอกก็เจอประตูในฉากนี้
Capralba/Fontanile Quarantina
จุดที่สองที่เราไปคือจุดถ่ายทำ Elio's Secret Spot และฉาก First Kiss ของ Elio กับ Oliver สามารถนั่งรถไฟจากสถานี Crema ไปลงสถานี Capralba ได้ค่ะ รถไฟมีเรื่อย ๆ ค่ะ จากสถานีเดินไป Fontanile Quatantina ประมาณ 2 กม. แต่ตอนเราไป เพื่อนเราขับรถไปส่งจาก Crema ค่ะ เลยไม่ต้องเดินเยอะมาก แต่จากปากทางเดินเข้าไปก็ไม่ใกล้เท่าไหร่อยู่ดี ระหว่างทางจะมีจุดที่ทั้งคู่ขับจักรยานผ่าน ลองเดินเทียบดูได้ ตรงบ่อน้ำสามารถเดินลงไปได้เลย น้ำเย็นมาก ๆ เข้าใจความรู้สึก Oliver ตอนเดินลงไปแล้วตกใจเลย
ถ้าเดินอ้อมจากทางเข้าไปข้าง ๆ จะเจอจุดที่ทั้งคู่ขี่จักรยานมาจอดไว้ก่อนลงน้ำ (แต่ของจริงขี่จักรยานต่อไปไม่ได้) ตรงหญ้าใกล้ ๆ กันจะเป็นจุดที่ Elio กับ Oliver นอนคุยกันค่ะ ถ้าอยากถ่ายให้ได้มุมต้องนอนลงไปกับหญ้าเลย
Pandino
จาก Capralba ไป Pandino ต่อเลยค่อนข้างยากเพราะไม่มีรถไฟ/รถบัสไปตรง ๆ ต้องกลับไป Crema ก่อนค่ะ แน่นอนว่าเราให้เพื่อนขับไปส่งเหมือนเดิมค่ะ 15 นาทีถึง จาก Crema ไป Pandino มีรถบัสไปทุกชั่วโมง ใช้เวลาไม่นาน ซื้อตั๋วตรงสถานีรถไฟได้เลย เมือง Pandino เล็กมาก ๆ เดินจากป้ายรถบัสไปกลางจตุรัสไม่ถึง 5 นาที Pandino มีฉากที่ Elio กับ Oliver คุยกันตรง World War I Memorial (ถ้าจะหาใน maps สามารถใส่ว่า Piazza Vittorio Emanuele III ได้ค่ะ) ฉากที่ Oliver ไปซื้อบุหรี่ และฉากที่ Oliver ไปเอางานในร้านค่ะ ทั้งหมดอยู่ตรงจตุรัสหมดเลย เดินไม่กี่นาทีก็ครบแล้ว แต่ฉากจะค่อนข้างละเอียด ต้องค่อย ๆ เดินหาค่ะ จาก Pandino มีรถบัสกลับมิลาน เรื่อย ๆ จนถึงประมาณ 3 ทุ่มค่ะ ควรเช็ครอบรถก่อนไปเดินเล่น จะได้ไม่รอนาน
วันที่ 2: Sirmione
Sirmione เป็นเมืองที่ถ่ายฉากเจอรูปปั้นในน้ำ และฉาก Tregua? จากมิลานไป Sirmione นั่งรถไฟไปลงที่ Desenzano Garda แล้วนั่งบัสต่อไปลงที่ป้าย shuttle bus เพื่อเข้าไป sirmione ค่ะ ใน google maps จะบอกว่ามีรถบัสจากตรงสถานีไป sirmione เลย แต่ตอนเราไปไม่มีค่ะ ต้องต่อ shuttle bus อีกที ไม่รู้ว่าจริงๆมันมีหรือไม่มี แต่ก็ถ้าไม่อยากรอแบบไร้จุดหมายก็ไปต่อรถเอาก็ได้ค่ะ sirmione เป็นเมืองทะเลสาบ มีทะเลสาบน้ำจืดชื่อว่า Lake Garda หน้าตาเหมือนทะเล ถ้าแดดออกน้ำจะเป็นสีฟ้าเขียวใส ๆ เหมือนในหนังเลย สามารถนั่งเรือวนรอบเกาะได้ ราคาประมาณ 10€ จะได้เห็นฉากเดียวกับในหนังตอนนั่งเรือผ่าน Archaeological Site-Grotte Di Catullo จุดนี้คือที่เดียวกับที่ถ่ายฉากก่อนเดินลงทะเลสาบ เสียค่าเข้าค่อนข้างแพง 8€ เดินเล่นได้ มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะ ถ้าลงมาบริเวณทะเลสาบจะมีชายหาดชื่อว่า Jamaica Beach เป็นส่วนที่ถ่ายทำฉาก Tregua? แต่วันที่เราไปคนเยอะมากกกกกกกกก ไม่มีโอกาสถ่ายแบบในหนังเลย (เศร้าอีกแล้ว) ถ้าอยากเล่นน้ำ แนะนำให้เอาชุดว่ายน้ำกับผ้าเช็ดตัวไปด้วย สามารถเดินไปเล่นได้หลายจุด ถ้าเดินไปที่อื่นจะคนน้อยกว่าตรง Jamaica Beach มาก ๆ ค่ะ
ตอนขากลับ เราไม่ได้เช็คตารางบัสล่วงหน้า เกือบกลับมามิลานไม่ทันค่ะ ขากลับเหมือนขาไปเลย ต้องนั่ง shuttle bus ไปต่อบัสไปสถานีรถไฟ แต่รถบัสไปสถานีรถไฟช่วงเย็น ๆ จะมีแค่ชั่วโมงละเที่ยว แล้วรถไฟก็มีน้อยเหมือนกันค่ะ ตอนกลับมาสถานีลุ้นมาก เราซื้อตั๋วรถด่วนไปขึ้นอีกสถานี เพราะที่ตู้ซื้อตั๋วไม่มีรอบอื่นแล้ว ปรากฏว่าขึ้นมาตรงชานชลาเห็นว่ามีรถไฟกลับไปมิลาน กำลังจะมา เลยตัดสินใจขึ้นไป เพื่อพบว่าตั๋วที่ซื้อมา กับรถไฟที่นั่งคนละบริษัทกันค่ะ เสียค่าปรับไป 48€ (ร้องไห้) ถ้าไม่อยากเสียค่าปรับแบบเรา ให้เช็คเที่ยวรถไฟ + บริษัทรถไฟดี ๆ ค่ะ ที่อิตาลีจะมีสองบริษัทที่สีคล้าย ๆ กัน อาจจะสับสนได้ค่ะ
วันที่ 3: Bergamo
จากมิลานไป Bergamo มีรถไฟตลอดค่ะ ทั้งแบบธรรมดาไม่ต้องเปลี่ยนรถและแบบที่ต้องเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับรอบรถที่ขึ้นค่ะ แต่เวลาต่างกันไม่มากเท่าไหร่ Bergamo คือเมืองที่ Elio กับ Oliver ไปเที่ยวด้วยกันตอนสุดท้าย ฉากที่ถ่ายในหนังจริง ๆ มีน้อยมากค่ะ ซึ่งทั้งหมดจะอยู่บริเวณ Upper Town (Citta Alta) ตรงแถว ๆ Piazza Padre Reginaldo Giulani แล้วก็หลังโบสถ์ Santa Maria Maggiore ค่ะ ฉากที่ Oliver ตามเพลงของ Psychedelic Furs ไปจะอยู่หลังโบสถ์ ส่วนฉากที่ Elio อาเจียนจะอยู่ข้าง ๆ โบสถ์ค่ะ แต่ของจริงไม่มีน้ำพุเหมือนในหนังนะ เสียดายเราหาจุดที่จูบกันไม่เจอ ส่วนโรงแรมที่ทั้งคู่พักจะอยู่ตรงถนน Gombito (Via Gombito) เลขที่ 22 แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าพักค่ะ สามารถเดินดูรอบ ๆ ตึกได้
จบแล้วกับการตามรอยทั้ง 3 วันค่ะ ยังมีฉากอื่นที่เราไม่ได้ไปตามเพราะไม่สะดวกไปอีกหลายที่เลย จะเขียนรายละเอียดคร่าว ๆ ตรงนี้ เผื่อใครมีโอกาสไปตามรอยค่ะ
1) Moscazzano: บ้านที่ใช้ถ่ายจะอยู่ที่เมืองนี้ ชื่อ Palazzo Albergoni เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่สามารถเข้าไปข้างใน แต่ถ่ายตรงประตูได้ค่ะ รวมทั้งฉากที่ขึ้นรถไป Bergamo/ขากลับจาก Bergamo ก็ถ่ายที่นี่เช่นกัน
2) Ricengo: สถานที่ที่ใช้ถ่ายคือ Laghetto dei Reflessi ใช้ถ่ายฉากว่ายน้ำค่ะ
3) Campagnola Cremasca: ถ่ายฉากปั่นจักรยานค่ะ
4) Corte Palasio: ถ่ายฉากที่ Elio ไปขอดื่มน้ำก่อนพา Oliver ไป secret spot (เสิร์ชว่า Cascina San Giorgio)
5) Valbondione: ฉากน้ำตก Cascate Del Serio ใกล้กับเมือง Bergamo ค่ะ แต่ก็ไม่ใกล้มาก ใช้เวลาเดินทางพอสมควร น้ำตกไม่ได้เปิดตลอดทั้งปี แบบในหนังจะเปิดช่วงมิถุนายนถึงตุลาคม เดือนละครั้งเท่านั้น สามารถเช็ควันเวลาล่วงหน้าได้ ถ้าไปช่วงที่น้ำตกไม่มีน้ำ จะเป็นน้ำไหลเบา ๆ ไม่สวยเหมือนในหนังค่ะ
ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหน เราขออภัยไว้ตรงนี้เลยค่ะ มือใหม่หัดเขียน ไม่รู้ว่าต้องเขียนยังไง รายละเอียดต่าง ๆ เรานำมาจากหลายเว็บ รวมทั้งคนที่ไปตามรอยมา ในเมืองที่เราไปตาม เราก็ไม่ได้ตามครบทุกที่แบบเป๊ะ ๆ ถ้าใครอยากลองตามแบบเป๊ะ ๆ แนะนำให้หา screenshots หรือปรินต์รูปไปเทียบค่ะ ส่วนใครมีคำถามหรือรู้สึกว่าเราเขียนละเอียดไม่พอ ยังไม่สาแก่ใจเลย สามารถ DM มาถามเพิ่มเติมได้ที่ @cookysugar ค่ะ
Reference:
We Remember Everything - Unofficial Fan Magazine edited by Isley Marto
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in