หลังคา เป็นวัสดุที่ผู้ประกอบการควรให้ความใส่ใจในการคัดเลือก เนื่องจาก หลังคาที่มีคุณภาพย่อมมีคุณสมบัติให้แสงธรรมชาติ ส่องผ่านเข้าสู่ตัวอาคารได้ ทั้งยังช่วยปกป้องทรัพย์สินในโรงงานให้คงทน และไม่เสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้ภาพรวมของโรงงาน และอาคารดูอบอุ่น แต่แฝงไปด้วยความทันสมัย
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายท่าน อาจมีข้อสงสัยว่าหลังคามีกี่แบบ และแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ในบทความนี้ จึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้แล้ว เพื่อให้ทุกท่านได้เลือกวัสดุมุงหลังคาให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานมากที่สุด หากพร้อมแล้ว เรามาดูกัน
หลังคาโปร่งแสงอะคริลิก ถือเป็นหลังคาที่เข้ากับโรงงาน และอาคารสไตล์โมเดิร์นอย่างมาก ด้วยพื้นผิวที่มีความเรียบ ใส และมีความเงาเทียบเท่ากับกระจก ทั้งยังป้องกันแสงแดด และรังสี UV ได้มากถึง 90% จึงช่วยประหยัดค่าไฟได้ดี ตอบโจทย์การติดตั้งในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี
หลังคาไฟเบอร์กลาส เป็นวัสดุที่ผลิตด้วยเรซินชนิดพิเศษ เสริมด้วยเส้นใยไฟเบอร์กลาส ทำให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นสูง และทนทานต่อสภาพอากาศเมืองไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก หลังคาไฟเบอร์กลาส สามารถป้องกันความร้อน และรังสี UV ได้มากกว่า 99% ทำให้อาคารมีความโปร่ง มองไปทางไหนก็สบายตา
หลังคากระจกลามิเนต เป็นหลังคาที่ประกอบไปด้วยกระจก 2 แผ่นประกบกัน โดยมีฟิล์มป้องกันรังสี UV คั่นอยู่ระหว่างกลาง ทำให้วัสดุมีความโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันรังสี UV ได้มากกว่า 99% และป้องกันการรั่วซึมได้ดี และไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนเวลาฝนตก
หลังคาโพลีคาร์บอเนต เป็นหลังคาที่ช่วยยกระดับอาคารให้ดูโมเดิร์นขึ้น เนื่องด้วยคุณสมบัติของโพลีคาร์บอเนต ที่มีความแข็งแรงมากกว่ากระจก และต้านทานแรงกระแทกได้ดี แต่มีน้ำหนักเบากว่า และดัดงอได้ง่ายกว่ากระจก ทั้งยังทนต่อความร้อน และรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังคา uPVC หรือหลังคาไวนิล เป็นหลังคาที่เหมาะกับอาคารสไตล์โมเดิร์นอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา แข็งแรง รวมถึงมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี ที่สำคัญ uPVC จะไม่ส่งผ่านความร้อน และดูดซับเสียงได้ดี ทำให้ภายในอาคารปราศจากความร้อน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in