1
“จะใส่ขาสั้นแบบนั้นออกไปข้างนอกหรอ ไปเปลี่ยน”
แม่กำลังพูดถึงกางเกงที่ยาวลงมาประมาณครึ่งน่องของเรา
เราในวัยสิบสองปีที่ยังไม่มั่นใจกับการทดลองทางแฟชั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“เดี๋ยวพวกผู้ชายมอง ขาหนูขาว ไปเปลี่ยนซะ มันอันตราย”
ตอนนั้นฉันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติมันค่อยๆลามไปทั้งตัว, เป็นความโกรธร้อนของลาวาที่ก่อตัวอย่างเงียบเชียบ
หลังจากนั้นเป็นการทุ่มเถียงอย่างไร้เดียงสาของเด็กสาวที่แค่อยากจะรู้สึกสบายใจในรูปร่างและการเลือกที่จะแต่งตัวของตัวเอง ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ฉันรู้ว่านี่ไม่ปกติ ฉันสู้ สู้เพราะความดื้อรั้นของตัวเอง เท้าตรึงกับที่เมื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งภายในใจก่อเกิดจากความอยุติธรรมอันไร้นาม ฉันยืนหยัด ยืนกราน แต่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร
อย่างไรก็ตาม พ่ายแพ้ให้กับผู้มีอำนาจในบ้าน
หารู้ไม่ว่าบางส่วนของฉันถูกคว้านออก ทุกครั้งที่แม่ไม่เคยจะกล้าหาญพอที่จะตั้งคำถามว่าทำไมถึงมีเพียงคำตอบกลวงเปล่าเช่นนั้นมามอบให้
ฉันถูกกดทับด้วยความคับแค้นใจ มันเป็นเงื่อนความขัดแย้งภายในที่ไม่ได้รับการแก้ด้วยคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ทั้งร่างประท้วงบอกว่านี่มันผิด ฉันผิดปกติหรอ
“จานกองเต็มเลย มาล้างจาน”
ฉันและน้องสาวมองจานในอ่างล้างจานที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนในการทำคราบสกปรกบนมันเลยแม้แต่เลย
“ทำไมหนูต้องล้าง หนูไม่ได้กิน”
“ก็เราเป็นผู้หญิง”
“แล้วพวกผู้ชายอะ กินแล้วก็ไปเล่นเกมกัน นอนสบายใจเฉิบ ทำไมต้องเป็นพวกหนูทุกทีเลย?”
“คิดอะไรมาก พี่น้องกัน”
ฉันอยากจะกรี๊ดทุกครั้ง ใส่หน้าทุกคนเวลางานรวมญาติงานสังสรรค์ โดยมีคนทำอาหาร, เสิร์ฟมือระวิงคือผู้หญิง และเก็บกวาดโดยเด็กผู้หญิงในบ้าน ส่วนผู้ชายทุกวัยนั่งรออาหารเสิร์ฟบนโต๊ะ เล่นเกมได้ไม่จำกัดเวลา ไม่มีคนบ่นเวลานอนเช้าตื่นเย็น ไม่มีใครติหรือกะเกณฑ์ว่ากิริยามารยาทของสุภาพบุรุษต้องอยู่ในกรอบมาตรฐานแบบนี้ ไม่มีใครต้องเป็นทุกข์เป็นร้อน
ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมผู้หญิงต้องเป็นคนทำอาหารทำไมแม่ ป้า น้า อาของฉันต้องเป็นฝ่ายเสียสละเวลาของตัวเองที่จะลุกขึ้นเพื่อตระเตรียมนู่นนี่ ทำไมต้องออกแรง ทำไมต้องเป็นฝ่ายดูแลเรื่องปากท้อง ในเมื่อพวกผู้ชายไม่เห็นต้องทำอะไรเลย
ความรัก?
รักประเภทไหนกันที่ต้องอีกฝ่ายต้องรองรับปรนนิบัติ ไม่ใช่รักคือการช่วยเหลือกันหรือ? ไม่ใช่รักคือการแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ให้อีกฝ่ายรับน้ำหนักมากเกินไป?
หรือตราชั่งความรักของผู้หญิงรุ่นแม่และก่อนหน้านี้ถูกกดให้ต่ำว่ามาตรฐานปกติ
พวกผู้ชายดูมีความสุขดีในการเหยียดตัวได้เต็มที่ในที่ทางของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจ จะเป็นอะไร จะทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครตำหนิ ขาสั้นหรือ
สำหรับมนุษย์ที่มีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันทุกประการ
ฉันมองภาพเหล่านี้ตั้งแต่เด็กจนโตด้วยสายตาที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย จากประกายตาไร้เดียงสาเปลี่ยนเป็นรังเกียจจนไม่อาจทนมองได้ จำต้องปิดตา ต้องเสมองไปที่อื่น ต้องพูดออกมาแม้จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ในเมื่อไม่สามารถพูดให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้ว่านี่คือการถูกกดขี่
ผู้หญิงเราถูกเอาเปรียบมาตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน
ฉันเพิ่งเข้าใจอะไรต่อมิอะไรก็เมื่ออายุยี่สิบกว่าปี
สังคมปิตาธิปไตย, การเคลื่อนไหวของกลุ่มเฟมินิสต์เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียม,
ปริศนาที่ฉันไม่เคยไขออก ทุกความสงสัยทุกความขัดแย้งในใจคลี่คลายเมื่อทุกอย่างเข้าที่ ภาพจำลองของผู้หญิงที่ถูกกดขี่อยู่ตรงหน้าฉันเอง
สะท้อนภาพตัวเองตรงหน้า สะท้อนภาพผู้หญิงทุกคนในชีวิต
ฉันโกรธแค้น โกรธเกรี้ยว ขุ่นเคือง มันอยู่ในตัวฉันมาตลอด จิตวิญญาณอิสระที่ถูกตัดเล็มไปทีละเล็กละน้อย เพียงเพราะฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง ฉันไม่สามารถใส่กางเกงขาสั้นได้
ทั้งหมดเพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิง
เพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิงในสังคมที่เอื้ออภิสิทธิ์ให้เหล่านักล่า นักข่มขืน และลดพื้นที่ความสำคัญ จำกัดตัวตนเราเอาไว้ในกรง รวมถึงปิดปากผู้หญิงอย่างเราไม่ให้มีสิทธิ์มีเสียง ปิดตายอย่างสนิทด้วยความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงควรเชื่องและนอบน้อม ผู้หญิงไม่ควรเสียงดัง ผู้หญิงที่ดีไม่แสดงกิริยาเกรี้ยวกราดก้าวร้าว
ยังมีบางครั้งที่ถูกผู้หญิงด้วยกันเองซึ่งถูกปิดหูปิดตา
เยี่ยมจริงๆ ใครก็ตามที่สร้างมันขึ้นมา ช่างรอบครอบที่จะตีไม้อุดช่องโหว่เพื่อปิดทางรอดของฝ่ายผู้ถูกกดขี่ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยทีเดียว
ปิตาธิปไตยที่ส้นตีนนี่
ถึงเวลาแล้วที่จะนิยามคำว่าผู้หญิงกันใหม่
ผู้หญิงคือสิ่งที่เธอเลือกจะเป็น เราสามารถใส่ชุดเปิดเผยรูปร่างได้ไม่ว่ารูปร่างเราจะเป็นอย่างไร และคนที่ตัดสินรูปร่างของคนอื่นก็ควรพิจารณาตัวเองว่ามีปัญหาอะไรกับการที่คนๆนึงจะมีความสุขในการเป็นตัวของตัวเอง เราเกลียดผมติ่ง เกลียดตอนที่ครูหยิบกรรไกรแล้วตัดผมเราไปด้วยความโกรธเกี้ยวราวกับเราทำเรื่องผิดบาปนักหนา เราเกลียดการที่กฎของโรงเรียนฉวยขโมยเอาสิทธิเสรีภาพตอนเป็นเด็กไปมากเหลือเกิน เราเกลียดที่พวกผู้ใหญ่เอาเปรียบเราอย่างบ้าคลั่งเพียงเพราะเรายังไร้เดียงสาเกินว่าจะรู้ความหมายของคำว่า human rights เรากินเสียงดังได้ เราผายลมเพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วนั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าเราลดลง เราไม่จำเป็นต้องลดศีรษะลงหรือหัวเราะกับเรื่องจริงจังเพียงเพื่อให้คู่สนทนาที่เป็นฝ่ายชายสบายใจเพราะอีโก้ไม่ถูกลูบคม เราพูดเสียงดัง เราโต้แย้งได้ในเรื่องที่เราคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผล แล้วเสียงของเราก็สมควรที่จะได้รับการฟัง เราควรถูกระบบสอนว่า self-love และคุณค่าในตัวเองคืออะไร ไม่ใช่ถูกฝังหัวว่าให้รักษาความบริสุทธิ์เท่าชีวิตอย่างบ้าคลั่ง หรือถูกสอนว่าหน้าที่หรืองานบ้านอะไรที่ผู้หญิงควรทำ เราควรถูกสอนว่า consent คืออะไร และผู้ชายก็ควรได้รับการสอนให้เคารพในร่างกายของผู้อื่นเช่นเดียวกัน เราไม่ควรต้องกลัวที่จะต้องเสียชื่อเสียงหากทุกคนรู้ว่าเรามีเซ็กส์แล้ว และการล่าแต้มของผู้ชายก็ควรลดค่าจากการถูกยกย่องอย่างโง่เง่าเช่นกัน เซ็กส์ไม่ควรกลายเป็นตราบาป เซ็กส์ควรกลายเป็นเรื่องที่เราสบายใจเมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นสมควร สามารถปรึกษากับคนที่เราเชื่อใจได้และไม่ควรถูกตัดสิน เราควรได้รับคุ้มครองให้ปลอดภัยในกรณีที่ถูกคุกคามไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ เราไม่ควรถูกผลักภาระและข้ออ้างอันน่ารังเกียจมาให้, ในกรณีที่ผู้ชายไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่อเกิดอารมณ์ได้ เราควรได้เดินอย่างอิสระและรู้สึกปลอดภัยในบ้านของเรา ที่โรงเรียน ที่ห้างร้าน ตามถนนตรอกซอกซอย บนแท็กซี่ บนบีทีเอส ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ไม่ว่าเราจะแต่งชุดแบบไหน ไม่ว่าเราเลือกที่จะเป็นผู้หญิงแบบไหน
ที่ผ่านมาฉันไม่ได้สู้แค่กับแม่ ฉันกำลังสู้กับบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น อำนาจบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังซึ่งกดขี่ผู้หญิงและผลิตชุดความคิดที่เชือดเฉือนจิตวิญญาณอิสระของพวกเธอออกไปมาหลายศตวรรษ
ฉันเป็นส่วนหนึ่งของระบบบิดเบี้ยวสามานย์นี้ พวกเธอก็เช่นกัน เป็นผลผลิตที่ถูกระบบหล่อออกมาด้วยแม่พิมพ์ล้าสมัย เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ทว่าฉันตื่นเต็มตาแล้ว
ฉันหวังว่าคนอื่นๆที่ตื่น จะช่วยกันปลุกพี่สาวน้องสาวเราให้มายืนเคียงข้างกันในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ที่ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอย่างมีความหวัง
ผู้หญิงในโลกของชายเป็นใหญ่
ไม่ใช่ความผิดเธอเลย เวลาที่เธอเดินผ่าน
ที่เธอรู้สึกมีมลทินเพราะการกระทำหยาบคายและคุกคามเช่นนั้น คนที่ควรละอายใจไม่ใช่เธอ
ขออย่าได้รู้สึกว่าเธอไม่สวยเพียงเพราะใครๆพูดเช่นกัน เพียงเพราะเราไม่ตรงตามมาตรวัดของไม้บรรทัดอันไร้เหตุผล มนุษย์เราถูกสร้างมาอย่างแตกต่าง ผู้หญิงเราเกิดมาพร้อมกับความงามที่แตกต่างกัน และนั่นทำให้เราโดดเด่นในแบบของตัวเราเอง ร่างกายของเธอพิเศษอยู่แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งนั้น ไม่ว่าเธอจะหน้าอกใหญ่หรือเล็ก เอว สะโพก ขา ไม่ว่ารูปร่างแบบไหน นั่นก็คือหน้าอก นั่นก็คือ เอว สะโพก ขา นั่นคือสัดส่วนโค้งเว้าสวยงามที่แตกต่าง เป็นสิ่งทางสุนทรียศาสตร์ที่น่าชื่นชม มองให้ลึกลงไป เช็ดอคติ, ค่านิยมทางสังคม, และโฆษณาที่ถูกปลูกฝังมาในตาออกให้หมด แล้วเธอจะเห็น เราแต่ละคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราถูกสอนว่าความสวยมีมาตรฐานเดียว ตอนนี้หากรู้แล้วว่านั่นคือคำลวง ลองเปิดตาดูเถิดเปิดใจดู รับความรักเข้าไป ที่รังเกียจร่างกายตัวเองมาหลายปี ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลยใช่หรือเปล่า? ลองเปลี่ยนเป็นความรักดู สัมผัสแขนที่ป้อนข้าวเราในทุกวัน นิ้วมือที่เช็ดน้ำตาให้ในวันฝนตก สองขาที่พาเราไปในทุกที่และพาเราหนีจากความทุกข์ ร่างกายนี้ที่แบกเราไว้อย่างใจกว้างในวันที่ทั้งโลกหันหลังให้ ระบบภายในที่ทำงานเพื่อเราอยู่เสมอ หัวใจที่เต้นอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อให้เรามีชีวิต
ร่างกายของเรารักเรามากถึงขนาดนี้
ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดอ้อมแขน
แล้วตอบแทนด้วยความรัก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in