เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Experiment of WritingP.K.
การณ์คิดไม่ถึงในการคิดถึง
  •           หนึ่งสองสามส...
              ปี54ปี55ปี56ปี5...
              ปี54หนึ่งปี55สองปี56สามปี57สี่...
              สี่ปีแล้วสินะ...
              ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด เห็นเพียงแต่แสงสว่างจากดวงดาวบนท้องนภาอันน้อยนิด เรายังคงลืมตาตื่นท่ามกลางแสงไฟที่ถูกปิด เราคิด...
              เธอพูดเล่นใช่ไหม คำนั้น ที่เธอบอกกับเรา
              เราขอโทษ เราว่าหยุดมันไว้ตรงนี้
              มันดีที่สุดแล้ว
              บทสนทนาเก่าๆ ยังคงตราตรึงเป็นภาพหลอนในฝันของเธอในทุกๆ วัน
              สี่ปีแล้วสินะ, เราไม่ได้เจอเธออีกเลยหลังจากวันนั้น ไม่แม้แต่การเดินสวนทางกัน ไม่มีเลยสักวันที่เธอจะเข้ามาในวงโคจรชีวิตของเรา
              เธอไม่เคยอยู่ในวงโคจรของเรา, วันหนึ่งวันเราดำเนินชีวิตไปตามปกติ พบปะผู้คนมากมาย ส่งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำเสียงของการพูดจา เราใช้ชีวิตอย่างปกติ ปกติพอที่จะทำให้เราอยู่กับปัจจุบันได้มากที่สุด
              หากเพียงแต่วันนี้มันแตกต่างออกไป ถ้าหากเมื่อคืนมันไม่เกิดขึ้น วันนี้ตอนนี้ ชีวิตไม่ปกติจะปกติ

              เธอกลับมาได้ไหม          
              ได้สิ หากมันเป็นความต้องการของเธอ          
              วันนี้ผมฝัน, ผมฝันถึงเธอเกือบทุกวัน มันไม่มีวันไหนเลยจริงๆ ที่ผมจะยกเธอออกไปจากความคิดหรือแม้แต่การดำเนินชีวิต ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในวงโคจรของผมแล้วก็ตาม          
              เธอเคยอยู่ในวงโคจรของผม, หลังจากวันนั้นที่ผมได้ยินน้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาด้วยความหนักแน่น ผมเพียงแค่คิดว่าเธอต้องเกลียดผมจริงๆ การเจอหน้ากัน เดินสวนทางกัน หรือแม้แต่การทักทายกันเพียงแค่คำว่าสวัสดี เธอคงไม่ต้องการ ผมตัดสินใจไม่ให้เธอได้เจอผมอีก แต่ผมยังคงพบเจอเธอทุกวัน จนวันนั้น วันที่เธอออกเดินทางไปในที่ที่แสนไกล ที่ที่ตัวผมไปเจอเธอไม่ได้          
              เราห่างกันกว่าเดิม เรื่องราวความเป็นอยู่ของเธอก็หายไป          
              หลังจากวันนั้น เธอก็ไม่เคยอยู่ในวงโคจรของผมอีกเลย
  •           ถ้าหากวันนี้เราได้พบกันอีก, มันคงเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากแน่ๆ
              เราคงทำตัวไม่ถูก รวมถึงตัวของเธอ เราตัดสินใจ ตัดสินใจที่จะมาต่างประเทศเพื่อการศึกษาเป็นระยะเวลาสองปี เราเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หลากหลายภาษา หลากหลายเชื้อชาติ ทุกอย่างดูเป็นไปในทางที่ดี, ถึงดีมาก เรามีความสุขที่ได้เจอผู้คนมากมาย ได้เจออะไรใหม่ๆ ในโลกที่เราไม่เคยพบเจอ หากแต่เราบังเอิญเจอบางอย่าง บางอย่างที่เราเคยคาดการณ์ไว้ว่าต้องเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดในวันนี้
              เราเลือกที่จะเข้าห้องสมุด เพื่อที่จะได้ทำงานอย่างเงียบสงบ หากแต่ความเป็นจริงจะไม่เป็นแบบนั้น เรามาที่มุมเดิม มุมอับของห้องสมุด เพราะมันเป็นมุมที่พบเจอผู้คนได้ยาก แต่วันนี้, เราเห็นผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงนั้น ตรงมุมอับของเรา รูปร่างลักษณะเหมือนกับเธอ เหมือนมาก เหมือนทุกประการ หากแต่ความเป็นจริง เธออยู่อีกประเทศ แต่เขาอยู่ตรงนั้น
              เราตัดสินใจเดินเข้าไป คล้ายว่าจะเดินไปทวงของคืนและเหมือนกับว่าเขาเองก็รู้ตัว เรามองหน้าพร้อมบอกในทำนองที่ว่านี่คือที่ของเรา ที่ประจำของเรา แต่ก็พอเข้าใจได้หากเขาจะตอบกลับมาในทำนองที่ว่าเขามาก่อน เราจึงได้แต่ยอมแพ้และหาที่นั่งใหม่ เรายังคงเลือกนั่งมุมอับเหมือนเดิม ถึงแม้จะเป็นที่ใหม่ก็ตาม แต่เราก็ยังคงรู้สึกปลอดภัยเหมือนได้นั่งอยู่ที่ที่เดิม ที่ที่เราคุ้นเคย

              ผมคิดไว้เสมอว่าเธอจะคิดอย่างไรหากเราได้เจอกัน, เธออาจจะเดินหนีผม ไม่สิ เธออาจจะจำผมไม่ได้ด้วยซ้ำ
              ผมตัดสินใจออกเดินทางไปต่างประเทศเพียงเพราะต้องการจะปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธะต่างๆ ในชีวิต รวมไปถึงการเจอสิ่งใหม่ๆ ที่น่าจะพอทำให้ผมชุ่มชื้นหัวใจได้บ้าง หากแต่ความเป็นจริง ผมไม่สามารถหนีความจริงได้เลย
              ผมเลือกที่จะเข้าร้านกาแฟ, ผมชอบนั่งแช่ที่ร้านกาแฟ กลิ่นหอมๆ ของกาแฟคือเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงใหล เธอเองก็ชอบมันเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปในร้าน มองหาที่นั่งที่สงบที่สุด นั่นไง ตรงนั้น ผมเจอที่ที่ผมชอบแล้ว มันเป็นมุมอับของร้าน แต่โชคดีที่มีหน้าต่างให้ได้มองออกไปคลายความอับของพื้นที่ได้บ้าง ผมไม่ได้ชอบสถานที่มุมอับเท่าไหร่นัก หากแต่มันเป็นที่ที่เธอชอบ ทุกที่ที่เราไป เธอมักเลือกสถานที่ที่เป็นมุมอับและให้เหตุผลว่ามันสงบ จริง ผมเห็นด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงชีวิตไหน ที่ไม่ว่าผมจะไปไหนมาไหน จะต้องเลือกสถานที่มุมอับตลอดเวลา มันคงกลายเป็นความเคยชินไปแล้วสินะ
              แต่ไม่ว่ายังไง ถึงผมจะไม่ได้ชอบมัน แต่ก็รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ทำอะไรเดิมๆ
              แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ใหม่ก็ตาม
  •           วันนี้เป็นวันสำคัญ, วันที่น่าจะเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง
              เรามองตัวเองในกระจกที่สวมใส่ชุดราตรีสีขาว ใครบางคนบอกว่าเราใส่แล้วดูดีราวกับเจ้าหญิง มันเป็นคำพูดที่ทำให้เราเขินได้ แปลก, หากแต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดี
              เราคบกันมาได้สองปี ก่อนที่เราจะกลับมาอยู่ในประเทศบ้านเกิดเมืองนอน เขาได้ขอเราแต่งงาน ใช่, เขาคนนั้น คนที่เราเจอที่มุมอับสุดโปรดในห้องสมุด หลังจากวันนั้น เราก็เจอกันบ่อยขึ้น ณ มุมอับที่เดิม จนในที่สุด เขาก็ชวนเรานั่งร่วมโต๊ะ อาจเป็นเพราะด้วยความสงสาร ที่เขาต้องทนเห็นเราเดินหาโต๊ะอื่นๆ ในห้องสมุด และหลังจากนั้น เราก็เจอกันบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น และบ่อยขึ้น สนิทกันมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น จนถึงวันที่เขาขอคบ,
              เราตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข เหมือนกันกับการขอแต่งงานของเรา เราไม่รู้สึกขัดข้องใจอะไรทั้งนั้นในการตอบตกลงแต่ละครั้ง อาจเป็นเพราะความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กันและกันตลอดเวลา และในวันนี้ วันแต่งงานของเรากับเขา มันควรจะเป็นวันที่ดีที่สุด
              เราเจอเธอ เธอค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ เราทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรร้องไห้ ด่าทอ หรือวิ่งหนี หากแต่คำพูดที่เธอกล่าวมาให้เราและเขา มันทำให้เรารู้สึกดี, ดีมากจริงๆ 
              จนถึงตอนนี้ เราก็รู้แล้วว่าเธอรักและคิดถึงเรามากแค่ไหน เราก็คิดถึงเธอมากเช่นกัน 
              หากแต่ในความเป็นจริงสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ เราก็มีความสุขมากเช่นกัน
              และในที่สุด, เราก็ได้เจอเธอ ในงานแต่งงานของเรากับเขา
              กี่ปีแล้วนะ...
  •           วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอ, ผมรู้ข่าวของเธอจากกลุ่มไลน์รุ่น
              เพื่อนๆ ส่วนมากตัดสินใจที่จะไปแสดงความยินดีกับเธอที่งาน นั่นคือสาเหตุที่ผมได้เจอเธออีกครั้ง
              ผมฟังคู่บ่าวสาวเล่าเรื่องว่าเจอกันได้อย่างไร เธอกับเขาเจอกันที่มุมอับของห้องสมุด
              อ่าห์... นี่เธอยังชอบมุมอับอยู่สินะ ตลกดี แต่น่ารัก
              วันนี้เธอดูมีความสุขมาก ผมก็ดีใจด้วย วันนี้ผมก็มีความสุขมาก ถึงแม้จะรู้สึกหนักหน่วงอยู่ภายในจิตใจเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่วันนี้ผมก็มีความสุขมาก
              ผมเห็นเธอตรงมุมอับเพื่อสอดส่ายสายตาดูผู้คนในงาน ผมตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหาเธอ ไปพูดเล่นกับเธอ ส่งเสียงหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง แต่ผมก็ยังกลัว กลัวว่าการเจอหน้ากันของเราจะทำให้เธอต้องมีน้ำตาในงานมงคลแบบนี้ แต่สุดท้าย ผมก็ห้ามความต้องการครั้งสุดท้ายของตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมเดินเข้าไปกล่าวคำทักทาย เธอทักทายตอบ เราพูดคุยกันได้สักพัก บรรยากาศเริ่มอึกอัดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
              เธอดูดีราวกับเจ้าหญิงเลยนะ ผมเอ่ยประโยคทำลายความอึดอัด เธอยิ้มด้วยอาการขบขัน ผมชอบมัน รอยยิ้มนั้น
              รอยยิ้มนั้น ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าเธอเองก็คิดถึงผม และผมเองก็คิดถึงเธอ, เช่นกัน และเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด 
              ในที่สุด, ผมก็ได้เจอเธออีกครั้ง ในวันแห่งความสุขของเธอ

               หนึ่งสองสามสี่ห...         
               ปี54ปี55ปี56ปี57ปี5...          
               ปี54หนึ่งปี55สองปี56สามปี57สี่ปี58ห้าปี59หก...          
               หกปีแล้วสินะ...          
               ท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด เห็นเพียงแต่แสงสว่างจากดวงดาวบนท้องนภาอันน้อยนิด เรายังคงลืมตาตื่นท่ามกลางแสงไฟที่ถูกปิด เราคิด...
               หกปีแล้วสินะ, เราเจอเธอครั้งนั้น ครั้งแรกในหลายรอบปี และครั้งสุดท้ายนับแต่นั้นเป็นต้นมา
               มันไม่ใช่การเดินสวนทาง มันไม่ใช่ความบังเอิญ และถึงแม้มันจะเป็นเช่นนั้น...
               เธอจะไม่เข้ามาในวงโคจรชีวิตของผมอีก, ไม่เลยสักวัน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in