เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Music is a part of meDectillJan
My 20 soundtracks of 2017
  • แนะนำ 20 เพลงที่เราตกหลุมรัก และบางเพลงก็ยกให้เป็น soundtracks ชีวิตเราแต่ละช่วงในปี 2017 ที่ผ่านมา (ลิสท์เพลงส่วนใหญ่อาจ depressed หน่อย ๆ 5555 ) มีตั้งแต่เพลงที่ฟังแล้วปลอบประโลม ไปจนถึงเพลงที่ฟังแล้วพังไปด้วยกัน หลายเพลงก็เป็นเหมือนเพื่อนที่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลานั้น ๆ ได้  ซึ่งเราว่ามันคือความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าดนตรี ที่สามารถส่งผ่านความรู้สึกระหว่างศิลปินและคนฟัง ตั้งแต่ความงดงามไปจนถึงความเจ็บปวด แม้บางเพลงจะไม่ได้มีเนื้อร้องเลยก็ตาม และบางครั้งเพลงพวกนี้ มันก็บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกเราโดยรวมในปีนั้น ๆ ได้  และเราก็เป็นคนที่ฟังเพลงไม่ค่อยเหมือนคนอื่น (และตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็หาคนที่ฟังแนวเดียวกันยากมาก 5555) โพสท์นี้เลยอยากจะแนะนำเพลงดี ๆ ที่เราชอบให้ลองฟังกัน เผื่อใครที่ยังไม่เคยฟัง อาจจะชอบก็ได้ (ลิสท์ต่อไปนี้ไม่ได้เรียงตามความชอบเน้อ)

    1. Battle Born - The Killers


    You lost faith in the human spirit
    You walk around like a ghost
    Your star-spangled heart
    Took a train for the coast
    ...............

    สำหรับเรา The Killers เป็น 1 ในวงโปรด เพราะเราชอบทั้งเนื้อหาของเพลง สไตล์ดนตรี แล้วก็เสียงของ Brandon ถึงจะเป็นวงดังในต่างประเทศ แต่ในไทยก็มีคนพูดถึงไม่เยอะเท่าไหร่ และถ้าใครชอบฟังแนวร็อคหน่อย ๆ ดนตรีดี ๆ เสียงร้องดี ๆ The Killers จะไม่มีทางทำให้ผิดหวัง และ Battle Born ที่เราเลือกมาก็เป็นเพลงนึงที่อาจจะไม่ได้ดังเท่าเพลงอื่นของ The Killers แต่ก็เป็นเพลงที่เนื้อหาดี ฟังแล้วให้พลังได้ วันไหนรู้สึกอยากไฟต์กับอะไรซักอย่างที่กำลังทำอยู่ ก็ลองฟังดูได้

    2. Death with Dignity - Sufjan Stevens


    Spirit of my silence I can hear you, but I'm afraid to be near you
    And I don't know where to begin
    And I don't know where to begin
    .......................

    เป็นเพลงที่โคตรจะเกินเหตุ ไม่รู้ทำไม Sufjan ถึงได้ทำเพลงออกมาได้สวยงามขนาดนี้ มันสวยแบบเรียบ ๆ เรื่อย ๆ แต่กลับบาดความรู้สึกเราได้แบบ... (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน555) แต่เราชอบเพลงนี้ของเค้ามาก ทั้งเสียงร้องของเค้า ทั้งเสียงกีต้าร์ เสียงคอรัส ภาคดนตรีฟังสบาย เมโลดี้สวยกิ๊ง ฟังดูเหมือนเป็นเพลงง่าย ๆ แต่เราว่าไม่เลย มันออกแนวเป็นงานศิลป์ที่โคตรเฉียบด้วยซ้ำ สำหรับเราเพลงของ Sufjan เป็นเหมือนบทกวีดี ๆ ที่มีดนตรีสวย ๆ ประกอบ ใครที่ชอบเพลงฟังสบาย แต่มีความหมายซ้อน ๆ ให้ตีความ บาดความรู้สึกหน่อย ๆ SufJan จะกลายเป็น top fav ได้ง่ายๆ เลย

    3. Ocean - Native


    I'd rather see the ocean once in a life time
    And miss it for the rest of my days
    Than never feel the sand beneath my naked feet
    And never hear the sound of breaking wave
    ...................

    เรารู้จักเพลงนี้จากรายการหนังพาไป ช่อง Thai PBS เวลา 3 ทุ่ม 10 นาที โดยประมาณ (โคตรโฆษณาเลย แต่เราไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรจากเค้าหรอกนะ5555) เราดูรายการนี้มาตั้งแต่ซีซันแรก มันเป็นรายการที่พาไปประเทศต่าง ๆ แล้วก็เล่าได้โคตรน่าสนใจ มีอะไร ที่ไม่เหมือนคนอื่น ถ่ายทอดมุมที่รายการทั่วไปไม่ได้ถ่ายทอด และเพลงนี้เป็นเพลงประกอบตอนจบตอนนึงในตอนที่ไปกรีนิช (Greenwich) จบซีนได้โคตรสวย และเพลงดีจนต้องตามไปหามาฟัง (เพลงไม่ดังเลย ยอดวิวหลักหมื่นเองมั้ง แต่เพลงโคตรดีจนรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่เพลงดี ๆ มากมายถูกซ่อนอยู่ในหลืบแบบที่คนอาจไม่ได้เจอ)

    4. Stuck in the moment you can't get out of - U2


    I'm not afraid
    Of anything in this world
    There's nothing you can throw at me
    That I haven't already heard
    ..............

    แค่ชื่อเพลงว่า Stuck in the moment you can't get out of ก็น่าจะบอกอะไรบางอย่างได้บ้างแล้ว และถ้าได้ลองฟังเพลงนี้จริง ๆ ใน moment ที่มันไม่ค่อยไหว ไปจนถึงไม่ไหวแล้ว เพลงนี้มันจะกลายเป็นเพื่อนคนนึงของเราได้ดีเลยล่ะ เหมือนเนื้อเพลงได้บอกแทนความรู้สึกในช่วงเวลาที่เราแบบหมดแล้ว แม่งไม่เหลืออะไรแล้ว มันไม่เชิงว่าเหนื่อยจากการทำงานหรือว่าอะไรแบบนั้นนะ แต่เป็นเหมือนเหนื่อยจากการมีชีวิตอ่ะ เนื้อเพลงสามารถทำให้เราร้องไห้ไปกับมันได้ และมันลึกซึ้งมากจริง ๆ บางทีการฟังเพลงเศร้า ๆ ในช่วงเศร้า ๆ มันก็ไม่ใช่ว่าจะพาให้เราแย่ลงไปกว่าเดิมเสมอไปนะ

    5. The Masterplan - Oasis


    มาเลย The Masterplan แห่ง Oasis จริง ๆ เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของ Oasis ที่เราฟังบ่อยสุด เราเพิ่งมาฟังเพลงนี้แล้วอินจริง ๆ จัง ๆ เอาปีนี้ ตอนแรกที่เคยฟังก็ไม่ได้อะไรมาก โฟกัสเอ็มวีมากกว่า แต่มีอยู่วันนึงค่อนข้างดาวน์ แล้วก็ได้ฟังเพลงนี้แบบตั้งใจ แล้วมันก็เออ เนื้อเพลงแม่งดีมาก โคตรชอบ แบบนี่แหละวะ ชีวิต ทำไรมากแม่งก็ไม่ได้หรอก แต่ก็นั่นแหละ อย่างน้อยก็ enjoy ไปกับมันเถอะ .... ก็เป็นความอัปลักษณ์ที่สวยงามของชีวิต เป็นความพังแบบสวย ๆ  อะไรประมาณนั้น และเพลงนี้ก็ยิ่งทำให้อยากจะคารวะ โนล กาลาเกอร์สำหรับการเขียนเพลงดี ๆ ออกมามาก 


    "And then dance if you wanna dance 
    Please brother take a chance
    You know they're gonna go 
    Which way they wanna go
    All we know is that we don't know
    How it's gonna be 
    Please brother let it be
    Life on the other hand
    Won't make us understand"
    ...............................

    6. Daydream - The Smashing Pumpkins


    เรารู้จักเพลงนี้จากเรื่อง The Perks of Being a Wall Flower ที่เป็น Mixtape ของชาร์ลี หลังจากที่เราฟังครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้ว เราก็ตกหลุมรักมันมาตลอด มันเป็นเพลงที่แบบเออ พังได้ใจ พังแต่ก็สวยของมัน สำหรับเรา เสียงร้องและดนตรีมันถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีมาก และเราว่าเค้าใช้ภาษาสวยด้วย มันเป็นเพลงนึงที่เหมาะแก่การฟังในช่วงดาวน์สุด ๆ  และเพลงวงนี้ก็ดีเยอะมาก ถ้าใครไม่ค่อยได้ฟัง ก็อยากแนะนำให้ลอง

    My daydream seems as one inside of you
    Though it seems hard to reach through this life
    Your blue and hopeless life
    .........................

    7. Tall Ships - Sea Of Blood


    Tall Ships เป็นวงที่เราเพิ่งฟังปีนี้เอง เพลงดีหลายเพลงเลย แต่ออกมาน้อย และถ้าให้เลือกเพลงที่เราฟังแล้วอินมากที่สุดในปีนี้คงจะเป็น Sea Of Blood มันเป็นเพลงที่หม่นเศร้าหน่อย ๆ (เอาจริงก็ไม่หน่อย 55555) แต่มันก็เป็นเพลงที่สวยงามมากเพลงนึง ทั้งดนตรีที่ intro ยาว ๆ เราชอบจังหวะกลองที่มันเรื่อย ๆ แต่มีน้ำหนักของเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่ให้อารมณ์ว่า เหมือนหยุดเวลารอบข้างให้ทุกอย่างมัน slow ไปเลยแล้ว moment นั้นเราก็จะได้คิดถึงสิ่งต่าง ๆ  คือบางทีเราก็ไม่ค่อยฟังเพลงแบบตั้งใจฟังเนื้อเพลงนะ เราแค่ฟังความรู้สึกรวม ๆ จากองค์ประกอบโดยรวมของเพลงมากกว่า และเราชอบเพลงนี้ มาก พอมาอ่านเนื้อเพลงก็ดีด้วย

    Know you flow through our hearts over and over again
    In this sea of blood that flows through our veins
    It carries you within us
    Though I'll always miss that face
    With it's fine dumb grin
    ........

    8. Coastline - Hollow Coves


    พักเพลง depressed ๆ มาฟังเพลงสวย ๆ สบายใจ กันบ้าง 55555 วงนี้อาจไม่ดังอะไรมาก เพลงที่ออกมาก็ไม่ค่อยเยอะ แต่เพลงเค้าโคตรดีเลย ฟังแล้วสบาย ทั้งเสียงร้อง ทั้งองค์ประกอบของดนตรีเนื้อหาเพลงนี้ก็แบบพาเราล่องลอย ฟังแล้วโคตรสบายใจอ่ะ แล้วก็ไม่เบื่อด้วย ถ้ามีเวลาลองหาวันที่บรรยากาศดี ๆ พร้อมจะพักหรือนอนเปื่อย ชิว ๆ ทิ้งนั่นนี่แล้วอยู่กับตัวเอง วาดรูป อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เพลงนี้คือดีมากจริง ๆ 

    And there's a place that I've dreamed of
    Where I can free my mind
    I hear the sounds of the season
    And lose all, sense of time
    ................................

    9. Where is my mind - Pixies

    ฟังสบาย ๆ ได้เพลงนึง แล้วมาต่อที่ Where is my mind กัน! เพลงนี้เอาจริงก็ค่อนข้างเก่า(มาก)  และเรามาอินตอนโตแล้ว (บางทีการที่โตเป็นผู้ใหญ่ในจุดนึงแล้ว มันอาจจะผ่านอะไรมาหลายอย่างจนเข้าใจความพังของชีวิต และเข้าใจความรู้สึกที่ศิลปินถ่ายทอดออกมาได้ดีอ่ะนะ ) เพลงนี้เอาจริงก็คือที่สุดของความพังนั่นแหละ แต่เราโคตรชอบเลย มันคือความพังที่แท้ แต่ก็เอาเหอะ ช่างแม่ง กรูไม่สนแล้ว อะไรแบบนั้น 5555


    With your feet on the air and your head on the ground
    Try this trick and spin it, yeah
    Your head will collapse
    But there's nothing in it
    And you'll ask yourself
    Where is my mind ?
    ..............................

    10. Sweet Talk - The Killers


    Sweet Talks คือเพลงของ The Killers ที่เราโคตรรัก มันเป็นเพลงที่ทุกอย่างรวมกันถ่ายทอดความรู้สึกของเพลงออกมาได้ดีมาก เนื้อเพลงก็โคตรดี เสียงแบรนดอนเพลงนี้ก็โคตรของโคตรดี (แนะนำให้หาแบบ live มาฟังด้วย) ฟังกี่ทีก็ชอบ มันไม่ได้เป็นเพลงเร็ว และไม่ได้เป็นเพลงช้า แต่มีซาวด์ดนตรีที่ไล่ระดับความเข้มข้นของความรู้สึกและอารมณ์เพลงได้ดีมาก และเป็นเพลงนึงที่โคตรเพราะสำหรับเรา 

    Let me fly Man I need a release from
    This troublesome mind
    Fix my feet when they’re stumbling
    And well you know it hurts sometimes
    You know it's gonna bleed sometimes
    ..............................

    11. Mystery of love - Sufjans Steven


    สำหรับเพลงนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก หลายคนคงได้ไปฟังในโรงกันมาแล้ว (แต่เรายัง555) เราตกหลุมรักเพลงนี้ตั้งแต่ได้ยินใน trailer ของ Call Me By Your Name ตอนนั้นที่ฟังครั้งแรกเราก็แบบ อ่ะโหห ตาย ตายไปข้างเถอะ แค่เพลงสั้น ๆ ที่ตัดมาบางท่อน ต้องสวยและเจ็บปวดขนาดนี้? ช่วงนั้นเราก็ได้แต่รอให้เพลงเต็มปล่อยออกมา จังหวะและความรู้สึกในเพลง ทุกอย่าง มันโคตรสวย แล้วก็เจ็บปวดสุด ๆ ไปเลย 

    How much sorrow can I take ?
    Blackbird on my shoulder
    And what difference does it make
    When this love is over ?
    .................................

    12. Graveyard Whistling - Nothing But Thieves


    เราชอบเนื้อเพลงเพลงนี้นะ มันเสียดสี แล้วก็แทงใจดำดี ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาผ่านเนื้อเพลงได้ดี เหมือนประโยคบอกเล่าที่เรียบ ๆ แต่ก็ เจ็บปวด เราชอบเพลงนี้กว่า If I get high อีก ความหมายคมดี ดนตรีและเสียงร้องไม่หวือหวา แต่ก็เจ๋ง

    Cos if you don't believe, it can't hurt you
    And when you let it leave, it can't hurt you
    Cos if you don't believe, then you know, then you know
    It can never do you harm
    ........

    13. The Messenger - Linkin Park


    The Messenger มันเหมือนเป็นเพลง b-side ของ Linkin Park ที่ไม่ได้เป็นซิงเกิ้ลตัดออกมาขาย แต่ว่าความรู้สึกของเพลงนี้ เชสเตอร์ถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมาก ๆ แม้จะเป็นดนตรีเรียบ ๆ ไม่กี่ชิ้น กีต้าร์ เปียโน เล่นคลอกันไปเบา ๆ แต่กลับซึมเข้ามาในใจคนฟังอย่างเราได้ดี ยกให้เป็นเพลงนึงของ Linkin Park ที่สวยมาก แต่คนอาจไม่ค่อยพูดถึงหรือเคยฟัง แต่สำหรับเรามันปลอบประโลมความรู้สึกได้ดี จริง ๆ แล้วเราก็ห่างหายไม่ค่อยได้ฟังเพลงนี้ไปหลายปี จนพอเชสเตอร์เสีย The Messenger ก็เป็นเพลงของ Linkin Park เพลงแรก ๆ ที่เข้ามาในหัว และเป็นหนึ่งในเพลง Linkin Park ที่เรารัก และอยากให้หลายคนได้สัมผัสความงดงามของเพลงนี้บ้างเหมือนกัน 

    When life leaves us blind
    Love keeps us kind
    It keeps us kind
    .................

    14 . If Things Had Gone Our way - Dave Thomas Junior


    เราชอบเพลงของคนนี้มาก และคนแทบไม่ค่อยรู้จักเค้าเลย  ทสำหรับเราเพลงหลายเพลงของเค้ามันดีนะ และถึงเพลงนี้จะไม่ใช่เพลงที่ทำให้เรารู้จัก Dave Thomas Junior แต่เป็นเพลงที่เราเพิ่งได้ฟังในปีนี้และฟังซ้ำบ่อย ๆ เพราะมันสวยดี สำหรับเรา Dave เป็นคนที่ทำเพลงออกมาได้แบบ ง่าย ๆ เรียบ ๆ แต่มันมีอะไร เราสัมผัสถึงได้ความสวยงามและหลาย ๆ อย่างที่ฝังอยู่ในเพลงของเค้า และอยากให้หลายคนลองฟัง เพลงของ Dave จะเป็นเพลงที่ฟังได้สบาย ๆ สวย แบบเหงา ๆ หน่อย แล้วก็ความหมายดี ออกแนว เข้าใจ กับหลาย ๆ อย่างที่มันเป็นไปอะไรแบบนั้น

    Somethings are unavoidable 
    And the rest, I don’t know 
    But who’s to say 
    If things had gone our way
    .....................

    15. Razorblade - The Strokes


    โคตรชอบเนื้อเพลงและอารมณ์ที่ จูเลี่ยน คาซาบลังกาส์ ร้องออกมา คือดนตรีก็ดีสไตล์ The Strokes นั่นแหละ เมโลดี้ครีเอท ๆ ฟังไม่ยาก ร้องประโยคซ้ำ ๆ เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ก็ตรง ๆ ไม่ประดิษฐ์ดี และถึงจะเป็นเพลงในอัลบั้มที่แฟนหรือนักวิจารณ์ไม่ได้ชอบเท่าอัลบั้มแรกกับสอง แต่เราชอบเพลงนี้อ่ะถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีสไตล์จูเลี่ยนนั่นแหละ ถ้าลองฟังแล้วจะรู้ว่าเออ อารมณ์โคตรได้ เวลาที่แบบไม่อยากจะแคร์อะไรแล้ว ช่างแม่ง เพลงนี้จะเป็น soundtrack ประกอบ mood ได้โคตรดี 5555 และถึงแม้ Razorblade จะเป็นเพลงที่ฟังค่อนข้างง่าย แต่เราว่ามันก็เป็นเพลงที่มีความเจ๋งอยู่ในตัวอยู่ดี

    Oh no, my feelings are more important than yours
    Oh, drop dead, I don't care, I won't worry, 
    let it go
    ......................

    16. Samskeyti - Sigur Ros


    เราโคตรชอบเพลงนี้ของ Sigur Ros เลย เป็นเพลงที่โคตรสวย จำไม่ได้เหมือนกันว่าไปหาเจอจากไหน แต่การเจอเพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นของขวัญ มันเพราะมากแบบไม่ต้องบรรยาย และไล่อารมณ์ความรู้สึกได้ดีตามสไตล์ดนตรีแนว Post-Rock แต่ว่ามันก็ไม่ใช่แนวเพลงที่จะเปิดฟังได้ตลอดเวลา หรือว่าฟังบ่อย ๆ ได้ทุกวันนะ มันเป็นเพลงสวย ๆ ที่บรรยากาศต้องได้ และพร้อมฟังเพลงนี้ พอสมควร อย่างน้อยก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วจะซึมเข้ากับความรู้สึกของเพลงนี้ได้ดีมาก ๆ บางครั้งอาจจะซึมซับความรู้สึกได้มาก จนน้ำตาไหลเลย (ซึ่งเราเป็นคนประเภทนั้นล่ะ TT)

    17. On The Nature of Daylight 


    เป็นอีกเพลงที่ฟังแล้ว พร้อมจะตายไปข้าง คือมันเป็นแนว contemporary classical , ambient (ซึ่งเราก็นิยามและอธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน) แต่ก็แนวนี้ล่ะ 555 มันจะสวยแบบ epic ๆ หน่อย หาฟังได้จากบางซีนในหนังอ่ะ อาจเป็นซีนตอนจบ คลายปม หรือช่วงพีคอะไรประมาณนั้น ซึ่งเพลงนี้ก็เป็นตอนจบของ Arrival (หนังที่ดูมาทั้งเรื่องไม่อะไรเลย แต่มาตกหลุมรักอย่างรุนแรงและรู้สึกจุกเอาตอนจบนี่แหละ คือซีนนั้นที่เปิดเพลงนี้มา รู้สึกเลยว่าแบบพอ พอเลย ตายแน่ ๆ ) ดนตรีแบบกว่าเกินไปแล้ว เครื่องสาย ไล่ระดับอารมณ์ความรู้สึกแบบพีคแล้วไม่ลงอีกเลย สำหรับเรามันคือ masterpiece อ่ะ (ซึ่งเราก็ขอแนะนำว่า เพลงแนวนี้ก็ไม่ใช่เพลงที่ควรจะไปฟังเวลใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน รอรถเมล์ บีทีเอส ใต้ดิน หรือว่าแอร์พอร์ตลิ้ง หรือเวลารถติดเด็ดขาด) มันเหมาะกับอยู่บ้าน อยู่ในห้อง แล้วฟังคนเดียวอ่ะ แล้วมันจะโคตรของโคตรสวยงาม พร้อมทำให้น้ำตาไหล 

    18. Should have known better - Sufjan Stevens


    อีกเพลงของ  Sufjan ที่เราโคตรรัก ซึ่งจริง ๆ แล้วเพลง Sufjan มีให้รักหลายเพลงมาก มันเป็นเพลงที่แบบอืม ... เรียบนะ แต่ซับซ้อนว่ะ บาดแบบนิ่ง ๆ เรียบ ๆ ช้า ๆ แต่ก็บาดซะลึก ซึ่งเป็นนิยามที่เราให้ Sufjan และเรารู้สึกว่าเราโคตรเข้าใจความรู้สึกของเพลงเค้าเลย

    I should have known better
    Nothing can be changed
    The past is still the past
    The bridge to nowhere
    I should have wrote a letter
    Explaining what I feel, that empty feeling
    ............


    19. Without You I am nothing - Placebo


    เราชอบซาวด์ที่ให้ความรู้สึกแบบวนลูป หม่น ๆ และเราก็หลงรักเสียงของไบรอัน มาก สำเนียง น้ำเสียง การร้อง ความรู้สึกที่เค้าถ่ายทอด มันโคตรมีสเน่ห์ ดนตรีก็ดี (และเพลงนี้ก็มีเวอร์ชั่นที่ David Bowie มาร้องแจมด้วย)

    Instant correlation sucks and breeds a pack of lies
    I'll take it by your side
    Over-saturation curls the skin and tans the hide
    I'll take it by your side
    .........................

    20. Starry Starry Night 


    ที่จริงเพลงนี้ Original version เป็นของ Don McLean ในชื่อเพลง Vincent (starry starry night) แต่เพลงที่เราเลือกมาเป็น soundtrack version ประกอบ Loving Vincent ที่มันติดอยู่ในหัวเราตอนที่หนังจบ ถึงแม้เราจะเคยฟัง version ของ Don McLean มาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยตั้งใจฟังจริง ๆ มาก่อน พอวันนึงเรามาฟังเนื้อเพลงดี ๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันเจ็บปวดจังวะ โคตรรักคนเขียนเพลงนี้เลย เหมือนเค้าเข้าใจ Vincent แบบที่ไม่เคยมีคนพยายามเข้าใจมาก่อน และมันเป็นเพลงที่เพราะมากทั้ง 2 version อยากให้ลองฟังดู และถ้าไปดูหนังได้ก็อยากให้ลองไปดูด้วย 

    Now I understand
    What you tried to say to me
    And how you suffered for your sanity
    And how you tried to set them free
    ..............


    เป็นโพสท์แรกของปีที่ตอนแรกตั้งใจจะโพสท์ 31 ธันวา แต่ว่าไม่ทัน 55
    ยังไงก็สวัสดีปีใหม่ และหวังว่าปีนี้ทุกคนจะมีแต่ซาวด์แทรคดี ๆ ประกอบความรู้สึกตลอดปีนะ 
    Dectilljan :) 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in