หล่อนมักนึกสงสัยว่าคนที่อยู่รอบตัวกำลังคิดอะไรอยู่ คนงานชาวพม่าที่กำลังลงจอบบนดินแข็งคิดอย่างไรกับงานของตัวเอง คนพื้นเมืองที่เดินเร่ขายสตรอเบอร์รี่คิดอย่างไรกับคนที่ปฏิเสธผลไม้เหล่านั้น หรือเจ้าของร้านขายโจ๊กที่มีสามีขายน้ำเต้าหู้คิดอย่างไรกับลูกค้าประจำ เรียกได้ว่าหล่อนเป็นคนขี้สงสัยก็ไม่ผิดนัก
บางครั้งหล่อนก็นึกสงสัยในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากความคิดของคน เช่น ถ้าหากในอดีตไม่ได้มีการบัญญัติคำว่า "ขาว" ขึ้นมา และใช้คำว่า "ดำ" แทนจะเป็นอย่างไร หรือถ้าผู้ที่เป็นฝ่ายออกเรือไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากดินแดนอื่นในยุคล่าอาณานิคมเป็นชาวแอฟริกา โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร แม้แต่คำถามว่าถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ โลกแบบสตีมพังค์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
อาจเป็นเพราะหล่อนเป็นคนชอบคิด คิดมากบ้าง คิดไปเรื่อยเปื่อยบ้าง คิดเพ้อเจ้อบ้าง แม้ว่าสิ่งที่กำลังคิดอยู่จะไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและสังคม หรือดูเป็นชิ้นเป็นอันเท่าใดนักก็ตาม แต่หล่อนก็ยังคงคิดนู่นนี่นั่นต่ออย่างไม่ลดละ
จะว่าไปแล้วคนทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักคิดกันทั้งนั้น มีใครบ้างที่ไม่เคยคิดอะไรเลย หล่อนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าไม่มี เพียงแต่หล่อนชอบที่จะนั่งคิดอะไรต่อมิอะไรมากกว่าที่ใคร ๆ คาดก็เท่านั้น
ความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตของหล่อน คือการนั่งอยู่เฉย ๆ เพียงคนเดียวเพื่อคิดอะไรไร้สาระและเหม่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสให้ได้นั่งคิดแบบนั้น หล่อนจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักนิด อย่างตอนนั่งรถโดยสารประจำทางฝ่ารถติดในเมืองหลวงนั่นปะไร คนส่วนใหญ่มักจะหงุดหงิดกับสภาพการจราจรอันคับคั่งนั้น แต่สำหรับหล่อนแล้วมันกลับไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าใดนัก ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรกับมันได้อยู่แล้ว หล่อนก็แค่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หล่อนได้มีความภาคภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าหล่อนไม่เคยนั่งหลับบนรถโดยสารประจำทางจนเลยป้ายเลยสักครั้ง แต่ถ้าถามว่าเคยเหม่อจนเลยป้ายหรือไม่ หล่อนคงได้แต่ตอบอ้อมแอ้มว่าเป็นบ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนนั่งเหม่อจนเลยป้ายที่จะลงอยู่บ่อยครั้ง และหล่อนก็เอือมระอากับนิสัยนี้ของตนอยู่ไม่น้อย
อาจเป็นเพราะนิสัยชอบคิดเรื่อยเปื่อย และตั้งคำถามอะไรแบบนี้กระมัง คนรอบตัวจึงมักจะบอกเสมอว่าหล่อนเป็นคนที่มีความคิดแปลก ๆ ซึ่งพอหล่อนถามหาคำอธิบาย นิยามคำว่าแปลก หรือตัวอย่างความคิดที่เขาว่ากันว่าแปลก หล่อนกลับไม่ได้รับคำตอบให้กระจ่างใจสักครั้ง
กลับกัน หล่อนเห็นว่าทุกคนมีความคิดที่แปลก
ไม่มีใครที่มีความคิดตรงกันไปเสียหมดทุกเรื่อง หล่อนเชื่อ (และถือเป็นสัจธรรมสำหรับหล่อนด้วยซ้ำ) ว่าความคิดของคนแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไปตามอุปนิสัยสันดาน ภูมิหลัง ประสบการณ์และเหตุปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก ดังนั้นความคิดของทุกคนจึงแปลกจากของคนอื่น เรียกได้ว่าเป็นความแปลกในความหมายว่าแตกต่างนั่นแหละ ฉะนั้นเมื่อมีใครวิจารณ์หรือนิยามหล่อนว่าเป็นคนมีความคิดแปลก หล่อนจึงไม่ได้ให้น้ำหนักความสำคัญกับคำเหล่านั้นมากนัก
ถึงกระนั้น หล่อนก็ดีใจเมื่อได้เข้ามหาวิทยาลัยและเจอกับเพื่อนบางคนที่สามารถถกหรือพูดคุยในประเด็นต่าง ๆ ที่หล่อนสงสัยได้ แม้จะไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับหล่อนและเพื่อน แต่แค่มีคนที่มีความคิดเข้ากันได้ก็นับว่าน่าพึงพอใจมากแล้ว
หล่อนมักนึกเสมอว่าคนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่าการมีใครสักคน หรือหลาย ๆ คนให้แลกเปลี่ยนความคิดกัน เพราะสำหรับหล่อนที่โดนมองว่าเป็นคนมีความคิดแบบแปลก ๆ การได้แสดงความเห็นและรับฟังความคิดคนอื่น รวมไปถึงการตั้งคำถามไปเรื่อยเป็นอะไรที่มีความสุขมาก
อันที่จริง ต่อให้ไม่มีใครคอยฟังความคิดฟรือตอบข้อสงสัยของหล่อน หล่อนก็ยังคงคิดสงสัยอยู่ดีนั่นล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in