เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
InkeWhisperInkesoul
55:15 Never too late ซีรี่ส์ที่เป็นมากกว่าซีรี่ส์
  •            สำหรับซีรี่ส์ไทยเรื่องใหม่ที่ฉายใน Disney plus ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า "จะเกิดอะไรขึ้นหากตื่นเช้ามาพบว่าเราได้ย้อนวัยตัวเองกลับมาเป็นเด็กอายุ15ปี" หากเป็นการย้อนเวลาคงไม่มีอะไรมาก แต่ย้อนวัยในเวลาปัจจุบันที่ยังดำเนินอยู่ไม่ใช่การย้อนเวลา ตัวละครหลักที่ประสบกับสถานการณ์ดังกล่าวจะรับมืออย่างไร คนดูอย่างเราได้ลุ้นตามกัน


    ต่อจากนี้ Spoiler Alert! เราเตือนท่านแล้วนะ

                ตัวหลักที่ย้อนวัยต้องมารวมตัวกันเพื่อหาสาเหตุและหนทางการกลับมาเป็นคนอายุ55เช่นเดิม ทำไลน์กลุ่มร่วมกันไว้โดย คนรุ่นนี้ต้องเรียนรู้การเป็นวัยรุ่นเพื่อปรับตัว โดยมีหนอยแน่ซุึ่งเป็นหลานทรงพลเป็นคนคอยแนะนำ ด้วยข้อแนะนำแรก เลิกส่งสวัสดีวันจันทร์ ฮาไปสิครับจังหวะนี่ นั่งลั่นคาจอ

                สันต์ นักพากย์ที่กำลังเข้าสู่ช่วงตกอับในชีวิต ตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้นก็ตกใจกับความเยาว์วัยที่ตัวเองแทบลืมไปแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ประเด็นของสันต์นั้นอาจแทงใจดำใครบ้างเพราะเบื้องหลังชีวิตเขาช่างน่าสงสาร ในใจไม่อยากเจอพ่อเพราะตอนเด็กโดนคำพูดทำร้ายจิตใจอย่างมากจนเขาต้องหนีออกมาและสัญญากับตัวเองว่าจะไปหาก็ต่อเมื่อชีวิตเขาพร้อม ทว่าลิขิตฟ้าเหนือความคาดเดา สุดท้ายเขาตัดสินใจไปหาพ่อของเขาในวาระสุดท้ายของชีวิตและนั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนความคิดในหัวใจที่มืดมน เห็นว่าที่จริงแล้วพ่อของเขามิได้รังเกียจเลยเพราะถ้ารังเกียจจริง ตอนเขาไปหาแม้วาระสุดท้ายต้องไม่อยากเจอหน้า อีกทั้งยังได้เจอคนรักเก่าที่หายหน้าหายตานับสิบๆปี และพูดคุยปรับความเข้าใจกัน สุดท้ายก็คืนร่างเป็นคนเดิมเพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน

                อมรเทพ อดีตนักมวยอาชีพที่โลดแล่นบนสังเวียนตั้งแต่เด็ก ซึ่งตอนนี้ค่ายมวยของเขาเข้าขั้นวิกฤตหนี้สิน จนตัวเองเจอหนทางได้ว่าจะปลดหนี้อย่างไร ความดีใจทำให้เขาฝันว่าความผิดหวังครั้งใหญ่ในอดีตกลับตรงข้ามกับความจริงพอตื่นมาก็กลายเป็นหนุ่มวัย 15ปี เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้แค่เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เมื่ออยู่วัยเรียนย่อมหาสังคมในวัยเดียวกันได้ง่าย และได้มาจริงๆเหมือนโชคเข้าข้าง ไปๆมาๆคนที่เจอกลับเป็นคู่แข่งในสังเวียนชิงรางวัลที่ตนลงแข่งเพื่อเอาไปปลดหนี้ การต่อสู้กำลังไปได้สวยทันใดนั้นความหลังอันโหดร้ายโลดแล่นเข้ามาชั่วขณะ เทพเสียหลักพลาดท่าแล้วพ่ายแพ้ไป แน่นอนเป็นใครก็ต้องเสียใจ สุดท้ายอมรเทพได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ต้องปล่อยค่ายมวยนั้นแล้วย้ายที่อยู่ใหม่ แต่การสูญเสียนั้นก็ยังมีสิ่งที่ได้กลับมาแทนแต่ก็คุ้มค่า

                ครูจารุณี ที่เป็นครูวัยใกล้เกษียณ เป็นมะเร็งปากมดลูกสัญญาณบ่งชี้ว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่นาน พอตื่นมาก็กลายเป็นเด็ก 15ปี คิดดูว่าเซอร์ไพร์สแค่ไหน แต่ก็เป็นโอกาสใหม่ที่ได้รับเพื่อชีวิตใหม่ หลังจากได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ก็เลยเขียนเป้าหมายที่ตัวเองยังตกค้างเป็นหัวข้อออกมา เป็นแนวทางที่น่าใช้มากเพราะจารุณีมีไดอารี่ มีอะไรก็จดบันทึกหมด สิ่งสุดท้ายที่ยังไม่ได้ทำคือการเปิดใจบอกรักคนที่ตัวเองชอบ เพราะคิดว่ารักต่างวัยมีแค่ในนิยายเธอไม่ใช่คุณหญิงกีรติที่จะเปิดใจรักนพพร ในเรื่องข้างหลังภาพ ผู้เขียนใช้นามปากกาว่าศรีบูรพา อีกทั้งภาระหน้าที่ต่างๆและต้องดูแลพ่อของตัวเองที่เป็นอัลไซเมอร์ สุดท้ายเธอก็ได้ทำสิ่งที่เคยอยากทำแต่ไม่ได้ทำ ความรู้สึกคือจารุณีน่าจะได้ใช้โอกาสนี้คุ้มค่าที่สุดแล้ว เธอได้ทำทุกอย่างก่อนถึงวาระสุดท้ายในชีวิต ความลึกซึ้งอย่างหนึ่งคือความผูกพันที่เธอมีกับพ่อของเธอ และบางส่วนที่เสนอความเป็นจารุณีนั้นเหมือนเงาสะท้อนชีวิตบางอย่างของตัวเราเอง เราพลาดโอกาสดีๆในช่วงชีวิตเพราะการไม่เปิดใจยอมรับ การจากไปของครูจารุณีเป็นอะไรที่ตราตรึงใจมาก เธอตระเตรียมทุกอย่างไว้ก่อนจะจากไปอย่างสงบสุข และชอบคำพูดที่อัดเสียงไว้มาก คำพูดที่บอกบอมบ์ไปเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำได้ในฐานะมนุษย์ที่มีความรู้สึก ชัดเจนมากและซาบซึ้งมาก

               เจย่า นักร้องที่เข้าสู่ช่วงขาลงเนื่องจากคลื่นลูกใหม่ การรับงานสุดท้ายของเจย่าคือการปิดตำนานของเธอ และหลังจากเหตุการณ์นี้ ก็สร้างความเสียใจอย่างมาก กลายเป็นว่า ตื่นเช้ามาเธอก็กลับกลายเป็นเด็กสาว 15ปี หรือเรียกว่าย้อนสู่ยุคแห่งความรุ่งเรือง แต่คราวนี้ไม่ง่ายเพราะมีเกรต้าทีนไอดอลของยุคนี้ เจย่าต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความสามารถมากพอที่จะกลับไปเป็นนักร้องอีกครั้ง และผลครั้งนี้ทำให้เธอกลับมาเป็นเจย่าที่อายุมากเช่นเดิม แต่เรื่องไม่จบเพราะเธอมีตารางงานคือร้องเพลงเปิดงานตอนที่เธออยู่วัย15ปี เธอจึงตัดสินใจลุยต่อทั้งแบบนั้น สุดท้ายตำนานจึงกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งและเป็นความภูมิใจสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต

               ทรงพลติ่งเจย่า อาแปะของเจ้าหนอยแน่ พี่คนโตของตระกูลที่รับช่วงต่อกิจการของแม่ร่วมกับน้องชายซึ่งเป็นพ่อของหนอยแน่ หลังจากแม่เขาเสียเขาได้สารภาพกับแม่ของเขาว่าเป็นเกย์ แถมมีใจที่แอบรักลูกจ้างที่ทำงานที่ร้านที่ชื่อเมธีอีกด้วย วันที่จะสารภาพรักกลับโดนอีกฝ่ายบอกตัดหน้าว่าจะแต่งงานรอบสอง เหตุนี้จึงทำให้ทรงพลเสียใจอย่างมากนอนร้องไห้ฟูมฟาย ปรากฏว่ารุ่งขึ้นเขาละอ่อนกว่าเดิม กลายเป็นเด็กรุ่นเดียวกับหลานของตัวเองกลายเป็นว่าตัวเองต้องไปโรงเรียนกับหลานจนได้เพราะวีรกรรมของหลานตัวเอง จะเรียกโชคร้ายหรือโชคดีที่ต้องมาเรียนห้องเดียวกับหลานที่ตัวเองเคยรับขวัญอย่างพิภูซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆของเมธี ถ้าแค่เรียนด้วยกันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ประเด็นอยู่ตรงที่พอล(ชื่อที่ทรงพลเรียกแทนตัวเองในวัย15ปี) ดันทำให้พิภูกล้าที่จะเปิดใจกลายเป็นเพื่อนคนแรกและอาจเป็นคนเดียวของพิภูตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา แถมยังได้ไปแคสต์เป็นนักแสดงทั้งคู่ ไปๆมาๆความรู้สึกที่พิภูมีต่อพอลก็เริ่มเปลี่ยนไปจนสารภาพรักออกมา และรอคำตอบจากพอล ดีนะเป็นอาแปะ ถ้าเป็นเราอาจสาระยำไม่กลับไปเป็นคนอายุ55ปีแน่ๆ เพราะพิภูออกจะน่ารักขนาดนี้ สุดท้าย พอลได้ไปสารภาพความในใจของอาแปะทรงพลกับเมธี จึงทำให้พอลกลับร่างมาเป็นอาแปะคนเดิม

               ขอแถมหน่อย ในส่วนของพิภู เป็นตัวประกอบที่บทเด่นเพราะใกล้ชิดพอลมากๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากตัวพิภูคือเขากล้าเปิดใจที่จะใกล้ชิดกับพอลจนเริ่มเกินเพื่อนในตอนท้าย ไม่แปลกที่เป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาเขาอยู่เหมือนตัวคนเดียว เหมือนไม่ได้รับความรักจากคนรอบข้าง และไม่เคยมีใครอยากเป็นเพื่อนเขาจึงทำให้ในใจโดดเดี่ยว น่าสงสารที่เขาไม่รู้ว่าพอลคืออาแปะทรงพล 

  • เราได้อะไรจากเรื่องนี้หรือแต่ละคนมีสิ่งที่สอนเราแตกต่างกันออกไปตามเรื่องราวของแต่ละคน

    เริ่มจากสันต์ความหลังดูโหดร้าย รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินในบ้านจนหนีออกมาใครไปคิดล่ะว่าตอนวาระสุดท้ายของพ่อเขา พ่อเขากลับมีความสุขที่สุดก่อนสิ้นลม เลือดเนื้อเชื้อไขไม่อาจตัดขาดผ่านมานานแค่ไหน แยกตัวออกไปแค่ไหนไม่อาจแยกได้ และคำมั่นสัญญาที่มีต่อตัวเองนั้นสำคัญหากปรารถนาแล้วก็ต้องพยายามสังเกตจากตอนท้ายที่สันต์กลับร่างช้าที่สุดเพราะคำมั่นสัญญาของเขาไม่สมบูรณ์  

    ในส่วนของอมรเทพเขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อพ่อของเขาทั้งตอนมีชีวิตและตอนจากโลกไปแล้ว การกระทำของเขาเราไม่ต้องหาเหตุผลเราก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเขาเป็นเด็กกำพร้ามีซิสเตอร์ดูแล จนวันหนึ่งพ่อของเขามาหาเด็กไปอุปการะตอนที่มานั้นเขามีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนแน่นอนพฤติกรรมเช่นนี้ไม่มีใครอยากรับไปเลี้ยงแต่กรณีเขาดันกลับตาลปัตรเพราะพ่อเขาดันถามว่าใครชนะและรับคนที่ชนะไปเลี้ยงซึ่งก็คือเขานั่นเองเนื่องจากพ่อเขาเป็นเจ้าของค่ายมวยเทพลุยมาทุกสังเวียนชนะมาโดยตลอดจนการแข่งครั้งสำคัญที่ทำให้เขาไม่อาจโลดแล่นในวงการได้ตลอดการเขาโดนทำร้ายจนขาหักสิ่งนี้เป็นทั้งฝันร้ายและตราบาปชั่วชีวิตด้วยความรู้สึกผิดต่อตัวเองและพ่อจนตอนที่เขาย้อนวัยมาแข่งอีกครั้ง การต่อสู้ก็ได้เปรียบแต่จู่ๆฝันร้ายก็แทรกเข้ามาในความคิดทำให้เขาแพ้ไปเสียสุดท้ายหนี้ไม่ได้ปลด ค่ายก็รักษาไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่ดีขึ้นมากๆชีวิตที่ดีขึ้นแม้ไม่ได้เป็นดังที่คาดหวัง เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกชายในช่วงก่อนหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักเห็นได้ชัดว่าบางครั้งแค่เราเปิดใจคุยกัน ลดทิฐิของตนเองก็ทำให้สิ่งรอบข้างดีขึ้นได้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น เราอย่าบอกให้เขาปล่อยวางเพราะไม่มีใครวางได้เรื่องราวที่ทำลายชีวิตขนาดนั้น หนทางที่ดีที่สุดคืออยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ

    ครูจารุณีคนที่ได้ทำอะไรต่ออะไรมากที่สุด ไม่ต้องบรรยายมาก ประการแรกเลยวาสนาไม่เข้าใครออกใคร บอมบ์ที่ย้านมาอยู่ข้างบ้านเธอในช่วงแรกเหมือนตัวคนเดียวตั้งแต่วัยเรียนแต่เนื่องด้วยอัธยาศัยที่ดีและคอยเอาใจใส่ แม้ว่าเธอจะอ้างว่าเพราะเธอเป็นครูเลยใส่ใจนักเรียนแต่นั่นเพราะพื้นฐานจิตใจเธอเอง สุดท้าย บอมบ์กลับรักเธอมากกว่าพี่สาวและพร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันและบอมบ์ยังทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนเธอจากโลกไปด้วยมะเร็งประการต่อมาคืออย่ายึดติดกับสังคมมากจนเกินไปจนตัวเองขาดความสุขในชีวิตจารุณีคนเดิมนั้นกลัวจะดูไม่งามเสียทุกอย่าง ยึดมั่นถือมั่นมากไปจนรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาช่างไร้ค่าแต่เมื่อได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งเธอจึงทำทุกอย่างที่อยากทำและกล้าที่จะสารภาพรักกับบอมบ์พันธนาการในใจเธอได้คลายลงและจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ส่วนตัวชอบวลีที่เธอบันทึกไว้ประมาณว่าการที่ได้บอกความในใจเธอไปนั้น เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ในฐานะมนุษย์ที่มีความรู้สึกสิ่งที่แนะนำว่าน่าลองปรับใช้ในชีวิตคือการจดบันทึกจารุณีเขียนทั้งไดอารี่ บันทึกเรื่องราวสำคัญๆ จดบัญชีสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่สำคัญมากในชีวิตคนเรา

    ถัดมาขอรวบเลยคือเจย่าทรงพลและพิภู สิ่งแรกที่ชัดมากคือความพยายามและความมุ่งมั่นของเจย่าจะยากหน่อยที่ต้องเริ่มจาก 0 เพราะเธอร้องเพลงเพี้ยนหนักมากแต่ก็ต้องเรียนรู้ ความสำเร็จของคนเราไม่มีทางลัด ทรงพลและพิภูสองคนนี้มีสิ่งที่คล้ายกัน คือการเปิดใจ พิภูคือเปิดใจยอมรับคนที่เข้ามาในชีวิตส่วนทรงพลเปิดใจที่จะเรียนรู้ชีวิตใหม่ โชคดีที่มีหลานตัวแสบคอยช่วยด้วยส่วนหนึ่ง จากแต่เดิมที่ปิดบังตัวตนมาตลอดจนกล้าที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองปรารถนาจะบอกให้ท่านผู้อ่านที่ยังไม่รู้ว่า การที่LGBT+ จะกล้าcomeout หรือเปิดเผยตัวเองนั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องพร้อมรับมือกับคนรอบข้างและสังคมรอบตัวหากไม่ได้รับการยอมรับจากใจจริง คนกลุ่มนี้ไม่come out แน่นอนเพราะกลัวจะโดนมองแตกต่างจากที่ควร แต่สิ่งสวยงามที่เราได้เรียนรู้จากทรงพลคือความรักมีขอบเขตและรูปแบบ ขอบเขตอย่างไรเหมือนที่เคยบอกว่าถ้าเราเป็นพอลที่สาระยำตำบอนคงตกลงที่จะเป็นแฟนกับพิภูละทิ้งความชราแบบเต็มขั้นแต่ทรงพลเขามีขอบเขตเขาเห็นพิภูเป็นหลานที่เขารักมาตลอด แม้จะย้อนวัยอย่างไรทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้ใจเกเรก็จะไม่ถลำลึกลงไปแล้วรูปแบบล่ะเป็นอย่างไร รักไม่จำเป็นต้องมาในฐานะแฟนหรือคู่ชีวิตเหมือนที่ทรงพลบอกรักเมธีประหนึ่งคนในครอบครัวแต่ไม่ได้เขามาเป็นคู่ชีวิตนะ เขามาเข้าใจแก่นของความรู้สึกนี้ตอนย้อนวัยนั่นแหละสำคัญ และคำพูดที่พูดในงานแต่งนั้นดีมาก(อยากให้ลองไปดูเอง)เพราะคำพูดนั้นสามารถเปลี่ยนความรู้สึกของพิภูที่กำลังเศร้าจากการอ่านจดหมายที่พอลฝากมาให้กลายเป็นสดใสเข้าใจชีวิตและพร้อมเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับว่าพอลคือแสงแห่งชีวิตไปเลย

     

    หากคุณได้ย้อนวัยกลับมาคุณอยากทำอะไรและคุณคิดว่าช่วงไหนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in