3. เรื่องของ
แบบ 3 ปีตอนม.ต้น และทำเป็นไฟล์ PDF ละส่งไปให้เมลล์ของพี่ที่เขาจัดการเรื่อง (ของเราได้พี่ตาช่า) ของเราจะต้องรอ 7 วันทำการของโรงเรียน ซึ่งรูปก็ต้องออกไปหาถ่ายเองข้างนอก เพราะโรงเรียนไม่แจกรูปขนาด 2 นิ้วให้เราเลย ทำให้เราต้องใช้เวลานาน เพราะเราสามารถไปถ่ายรูปได้แค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น
4.
ลิ้งค์วิดีโอการแนะนำตัวเอง บน Youtube ความยาวไม่เกิน 1.30 นาทีจ้า ละก็แบบควรพยายาม
พูดให้เขาสนใจเรามากที่สุด โดยอิงความเป็นจริงนะคะ 55555 จริงๆสามารถทำวิดีโอที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมพวกงานบำเพ็ญฯหรือจิตอาสา ละก็กีฬาที่ตัวเองเล่นละแบบดูเก๋ๆดีๆก็ได้นะ ของเรา เราเล่น figure skating ค่า ละอัพคลิปลงบน youtube เอา มันไม่ยากๆ หาคลิปที่เขาสอนอัพได้จ้า อันนี้เราไม่ขอแนบลิ้งค์ของเรานะ แต่เราส่งลิ้งค์คลิปวิดีโอไป 3 อัน คืออันแรกเกี่ยวกับการแนะนำตัว (ตามที่เขาขอ),อันที่ 2 ตอนซ้อมสเก็ตทั้ง on ice และ off-ice บน spinner ส่วนอันสุดท้ายก็คือจิปาถะ เพื่อนๆของเรา กิจกรรมที่ทำเวลาว่างๆ (ทำขนม)
5. เขาจะมีให้เขียน essay ด้วย เรื่องอะไรก็ได้ เขาไม่ได้บังคับไว้ จะเขียนแนะนำตัวเองก็ได้ แต่ต้องเขียนด้วยลายมือเท่านั้น แต่ของเราเขียนเรื่อง Canterbury ค่ะ (สืบเนื่องจากบล็อกอันก่อนหน้านี้ของเรา ที่ตอนนี้มีคนอ่านครบพันคนแล้ว เราดีใจมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ส่วนนี่คือลิ้งค์บล็อกแรกของเรา https://minimore.com/b/3hxH5/1 ) แต่ที่เราเขียน essay อันนี้เป็นฉบับ(ย่อ)ภาษาอังกฤษนะ เผื่ออยากอ่านตัวอย่างกัน แต่แบบ....เราอยากให้ Teacher อีกคนเข้ามาบล็อกนี้มาก เพราะเขาเป็น Teacher คนออสซี่ที่สอนอังกฤษอ่านเขียนให้เราที่โรงเรียน อันนี้เกี่ยวโยงกับตอนสอบ Speaking Test ของเขาที่เราเอาบล็อกและประสบการณ์ของเราใน Canterbury เล่าให้เขาฟังละก็ให้ลิ้งค์บล็อกไป เขาก็เลยไปเสพรูป เขาบอกว่า "เนื้อหาบนบล็อกยาวมาก ใช้เวลาอัพนานแค่ไหนเนี่ย ??? แต่รูปสวยดีนะ ฉันชอบเสพรูป ถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาไทยก็ตาม" (เพราะเขาอ่านภาษาไทยไม่ออกเนี่ยแหละ เลยอยากให้เขามาอ่านเนื้อหาย่อตรงนี้) แต่...ได้โปรดนะคะ ทุกคนเลย อย่าก๊อปเนื้อหาของเราไปนะคะ ? เราไม่อนุญาตให้ก๊อปไปโดยเด็ดขาดจ้า เน้นว่าเด็ดขาด
อ้อลืม การเขียน essay ต้องเขียนให้ถูกหลักวิธีการเขียนด้วยนะคะ สามารถศึกษาได้จากอินเตอร์เน็ตค่ะ
อันนี้แคปมาจาก document อาจจะมีส่วนที่ซ้ำกันบ้าง ขอโทษด้วยนะคะ
ปล. เผื่อบางคนไม่เก็ทพ้อยท์เราตรงย่อหน้าสุดท้ายที่สรุป สิ่งที่เราหมายถึงคือการอยู่ต่างประเทศคนเดียวโดยไม่มีคนในครอบครัวของเรามาอยู่ด้วยค่ะ ทำให้ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง ประมาณว่าเราต้องฝึกหัดการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง หรือประมาณ how to adjust myself to foreign friends (การปรับตัวเข้ากับเพื่อนต่างชาติ), different cultures (วัฒนธรรมที่แตกต่างจากประเทศไทย), staying away from my home and my family and how to live in a country where people speak in English when English is not my native language. (การที่อยู่ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนและต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตในประเทศที่มีแต่คนใช้ภาษาอังกฤษเมื่อภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของเรา)
(อันนี้ความเห็น อาจจะไม่ถูกใจบางคน) คือส่วนตัวเรารู้สึกว่าเด็กที่เรียนต่อต่างประเทศเขาจะสามารถจัดการกับปัญหาได้ดีกว่าเด็กที่เรียนอยู่ในไทย เพราะถ้าอยู่ในไทย พ่อแม่ของเด็กไทยส่วนมากจะชอบช่วยเหลือลูกอะค่ะ จนบางครั้งเราคิดว่ามันอาจจะมากเกินไปจนเกือบเข้าข่ายพ่อแม่รังแกฉันค่ะ ส่งผลเสียต่อเด็กมากกว่าผลดี แต่การส่งเด็กๆไปเรียนต่างประเทศแต่เด็กสิ่งที่ต้องแลกมาก็อาจจะเป็นความผูกพันค่ะ พ่อแม่ลูกอาจจะไม่สนิทกัน รวมไปถึงถ้าเด็กคนนั้นไม่อยากไปแต่พ่อแม่ส่งไปทั้งที่เด็กยังไม่พร้อม เขาก็จะโกรธพ่อแม่บางครั้งหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาก็จะโทษพ่อแม่ค่ะ แนะนำให้ดูความพร้อมของเด็กๆดีกว่านะคะ แต่ถ้าแบบเรานี่ไม่โอเคปะ 555555555555 อยากไป แต่ไม่มีผู้ใดจะส่งไปเรยยยย น้องเศร้าใจมากเลยค่ะซิส // ร้องฮั้ยพร้อมนั่งกินคัสตาร์ดสตรอว์เบอร์รี่ของเซเว่รรรร
คือก็มีบางประโยคที่เราใช้คำสิ้นเปลืองอะ Teacher เลยย่อให้มันกระชับขึ้นให้หน่อยงี้
จริงๆเราพิมพ์เรื่องราวเป็นภาษาอังกฤษเองทั้งหมด ในกูเกิ้ลด๊อกคิวเม้นท์ท์ท์แล้วแชร์ให้ทีชเชอร์ แล้วส่งให้ Teacher ที่โรงเรียนทำการ proofread ให้ก็มีผิดหลักแกรมม่าบ้างจ้า แต่ไม่เยอะนะ คือส่วนมากจะเรื่องใช้คำเปลืองไปนิดนึง แล้วเราก็แบบส่งพวกหลักฐานที่เราสอบอังกฤษไปเยอะมากจริงๆ 5555 รวมไปถึงแบบ พวกผลสอบอื่นๆเพิ่มเติมค่ะ มีผลสอบ O-NET ม.3 (แบบที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ เราแปลเองน่ะ) ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEFL JUNIOR สมัยม.2 โน้น / ผลสอบ Oxford Online Placement Test / ใบประกาศนียบัตรเลเวลภาษาอังกฤษเราจาก Stafford House อะ รวมไปถึงการเรียน Online บนเว็บ เราเรียนภาษาฝรั่งเศส มี Learner Verification แบบพวกผลการทดสอบออกมาได้เท่าไหร่บ้าง เราเรียนจบไป 3 บทแล้ว/ ตัวอย่างการเขียน essay ที่ทำงานส่ง (วิชาอังกฤษอ่านเขียน)+การคิดวิเคราะห์สื่อความภาษาอังกฤษ และเอกสารการรับรองที่ไปทำงานบำเพ็ญประโยชน์อะไรแบบนี้ ซึ่งถ้ามีก็ดีมาก เพราะมันทำให้สังคมเกิดประโยชน์งี้ย์
นี่ตัวอย่างที่สอบ Oxford Online Placement test จ้า
และแล้ววันนั้นก็มาถึง อิอิ วันที่ 7 สิงหาคม 2560 จ้า
พี่บ๊อบบี้ส่งไลน์มาบอกว่าแบบเขาให้ทุนส่วนลดแล้ว
เอกสารจดหมายมาแบบทางการมากจ้า ใต้วันที่ก็จะเป็นชื่อพ่อกับชื่อแม่ละก็ที่อยู่เรา ตรงหลังคำว่า Dear ก็จะเป็นชื่อละก็นามสกุลนักเรียนละหลังจากนั้นก็ตามในภาพเลยจ้า แต่ที่เราเอาสีดำมาขีดนั่นมันชื่อเราเองแหละ
ส่วนอันนี้ก็เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่อปี ที่เขาส่งมาให้
ที่รวมค่าเทอม,ค่าโฮมสเตย์(โฮสต์),ค่าชุดนักเรียน,ค่าประกัน,ค่า study care รวมถึงค่าสมัครเรียน
แต่...ยังไม่รวมพวกค่าใชจ่ายส่วนตัว,ค่าตั๋วเครื่องบิน,ค่าสมัครกับต่อวีซ่า,ค่าอื่นๆจิปาถะ
เบ็ดเสร็จโดยรวมที่ต้องจ่ายก็ยังถือว่าแพง คือ 36,306.25 NZD ประมาณ 873,662 บาท แต่เอาจริงถ้าแบบศึกษาพวกค่าเทอมในนิวซีแลนด์มาบ้าง อันนี้คือเกือบเท่ากับราคาค่าเทอมโรงเรียนหญิงล้วน (โรงเรียนรัฐบาล) ใน Auckland (เราเคยศึกษาราคาค่าเรียนของ Epsom Girls Grammar School สอน Year 9 ถึง Year 13 ราคาค่าเรียนแบบรวมทุกอย่าง 34,760 NZD ประมาณ 836,459.63 บาทต่อปี กับ Westlake Girls High School ราคา 32,535 NZD ประมาณ 782,917.55 บาท สกุลเงินอ้างอิงวันที่ 9 กันยายน 2560 เวลา 22.56 น. นะจ๊ะ) คือมันก็ไม่ต่างกันมากชะ แต่เห็นเขาบอกกันว่าสังคมเอกชนโรงเรียนนิวซีแลนด์จะดีกว่าโรงเรียนรัฐหน่อยและค่าใช้จ่ายก็สูงตาม แต่โรงเรียนรัฐก็น่าจะไม่แย่เบอร์นั้นนะ เราคิด เพราะคนกีวี่ก็เป็นมิตรพอควรอะ แต่อันนี้ขึ้นกับคนนะว่าปรับตัวเข้ากับคนได้มากแค่ไหน ประมาณซื้อสังคมอ่ะ
แต่บทสรุปคือเราสละสิทธิ์ไปแล้วนะ จริงๆเขาให้เวลาตัดสินใจ 2 อาทิตย์ แต่หลังจากนั้น 3 วันที่เราคิดๆดู เราสละสิทธิ์ดีกว่า เพราะว่าแบบยังไงครอบครัวเราก็ไม่ได้อยากจะให้เราไปอยู่แล้ว แต่ถ้าถามเราคือ เราอยากไป 55555555 เราชอบนะ การเรียนต่างประเทศดูมันเปิดโลกกว้างดี (แต่อันนี้อยููููููููู่่่่่่่่ที่ความเชื่อใจของพ่อแม่ที่มีต่อเด็กด้วยนะว่าจะไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง) ละก็ได้ภาษาอังกฤษที่กลับมาแล้วดีด้วย งั้นขอให้ NZ เป็นอีกตัวเลือกนึงสำหรับพ่อแม่ที่อยากส่งลูกเรียนต่างประเทศที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงเท่าอเมริกา,แคนาดา,ออสเตรเลียและอังกฤษเนอะ แถมสงบและได้พบธรรมชาติด้วย เด็กๆจะได้ไม่ฟุ้งซ่านกัน เด็กที่เป็นภูมิแพ้ก็อยู่ได้ สัตว์มีพิษก็ไม่เยอะแบบออสเตรเลียด้วยนะ อิอิ
ถ้าใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการเรียนต่อหรือต้องการคำแนะนำ สามารถติดต่อเราได้ที่เมลล์ askmiemimimi@gmail.com ได้นะ แต่!!! ห้ามถามข้อมูลส่วนตัวเรา เพราะเราจะไม่ตอบ ~
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
เจ้ามี่
9 กันยายน 2560
ปล. ข้าไม่ใช่หน้าม้าของ Learning Curve และ Chilton เขียนเพื่อรีวิวประสบการณ์ล้วนๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in