จากที่เราคอยสังเกตตัวละครนี้มาตั้งแต่ฉากเปิดตัวในห้องเรียน ก็พอจะเดาได้ว่าทั้งคู่รู้ใจกันดีอยู่แล้วว่ารู้สึกต่อกันอย่างไร ด้วยความสนิทชิดเชื้อ และสรรพนามแทนตัว ก็พอเดาได้ว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นน่าจะพัฒนามาจากความเป็นเพื่อน ตาลเองก็รักเต๋แต่ตนเลือกที่จะตั้งข้อตกลงขึ้นมาเพื่อที่จะได้ทำความฝันของตนเองให้สำเร็จเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นถึงค่อยคบกัน ตาลไม่อยากให้เรื่องความรักเข้ามาพัวพันในระหว่างเส้นทางที่จะไปถึงฝันด้วยกลัวว่า 'ความรัก' จะเข้ามารบกวนความตั้งใจของตน จุดนี้ชี้ชัดว่าตาลเป็นคนที่แน่วแน่ในความฝันและคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ ตาลรักเต๋และอยากได้ความรักจากเต๋แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับตาลคือ ความฝัน ตาลจึงยอมอดทนและหยุดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ แม้กระทั่งในจุดบาดหมาง ตาลก็ยังเลือกปฏิเสธที่จะเคลียร์ใจกับเต๋และเลือกที่จะสะสางเรื่องการสอบของตนให้จบเสียก่อน จนกระทั่งในที่สุดตาลทำสำเร็จตามฝันจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ในตอนสุดท้ายเต๋ไม่ได้ยืนอยู่รอที่ปลายเส้นชัยนั้นอีกต่อไปแล้ว  

ตาลระแคะระคายในความสัมพันธ์ของเต๋และโอ้วเอ๋วมาตั้งแต่ตอนที่เต๋ไปติวหนังสือให้กลุ่มเพื่อนที่บ้านของโอ้วเอ๋ว แต่ตาลเองก็ไม่เคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับโอ้วเอ๋ว ไม่เคยแย่งชิง คิดแผนเอาคืนใดๆ เมื่อเธอรู้สึกว่าเต๋เปลี่ยนไปก็พูดตรงๆกับเต๋ที่เป็นต้นตอของปัญหาเท่านั้น ใน ep.5 ที่ตาลมาหาและเปิดใจคุยกับเต๋ แม้ลึกๆจะรู้ว่าใจของเต๋เปลี่ยนไปแล้วและก็พอจะรู้คำตอบดีแต่ก็ยังเลือกที่จะเสี่ยงถามเรื่องที่ค้างคาใจไป ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่เราประทับใจมาก ตัวละครเผื่อใจไว้ก่อนแล้วว่าคำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมาจะเป็นยังไง เพราะมีการถามลองเชิงว่า "กูยังต้องตอบมึงอยู่อีกมั้ยวะ" แต่ก็เลือกที่จะเผชิญกับความจริง โดยการบอกต่อไปว่าตนเองมีคำตอบในใจอยู่แล้วนะ แต่ให้เต๋พูดความรู้สึกออกมาก่อน ใจหนึ่งก็ยังแอบหวังว่าเขาอาจจะกลับมา แต่เมื่อได้รับคำตอบแม้จะเสียใจแต่ก็ยังถามถึงโอ้วเอ๋วเพราะห่วงความรู้สึกเต๋ เรารู้สึกว่าตาลเข้มแข็งและกล้าหาญมากที่ตัดสินใจถามและรับฟังคนที่ตนรักมาตลอด 2 ปีบอกว่าใจเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว การที่ได้รับรู้ว่าความรักที่เรามีต่อกันนั้นเกิดขึ้นจริง แต่มันสิ้นสุดไปแล้ว โดยที่ใจเรายังรักเขาอยู่คงเจ็บปวดไม่น้อย สายตาของตาลที่ถ่ายทอดออกมาในฉากนี้ปนเปไปทั้งความเสียใจ เสียใจที่เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความเข้าใจเพื่อนด้วยเช่นกัน 

ในรูปที่ตาลวาดให้เต๋ในตอนท้ายจะเห็นได้ว่ามีดอกชบาสีม่วงซึ่งเป็นตัวแทนของตาลวางแนบอยู่ในกระเป๋าหน้าอกด้านซ้ายของเต๋ เหมือนตามที่ตาลพูดว่าจะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเต๋ จริงใจกับเต๋เสมอไปแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนรักกันก็ตาม  

ตาลไม่เคยบ่ายเบี่ยงต่อความรู้สึกของตนเองและมักแสดงออกเสมอว่ารู้สึกเช่นไร ฉากประทับใจที่สุดคือตอนที่เต๋กลับจากการสละสิทธิ์ที่มหาวิทยาลัยแต่กลับเลือกที่จะไม่บอกใคร ปล่อยให้ม๊ะจี้สุ่ย โก๊หุ้นและโนโซมิ  เข้าใจไปเองว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ซ้ำร้ายความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือระหว่างตนเองกับตาลก็ไม่เคยชี้แจงกับทางบ้านว่าเป็นอะไรกันแน่ ตาลทนไม่ไหวที่เพื่อนของเธอไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรให้มันชัดเจนเพื่อตัวเองเลยซักอย่างจนต้องยอมลุกขึ้นพูดว่าตนกับเต๋ไม่ได้เป็นอะไรกัน แม้จะหักหน้าม๊ะจี๊สุ่ยก็ตาม การที่ตัวละครกล้าลุกขึ้นพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของตนเองทั้งยังแก้ตัวแทนเต๋นั้นชี้ชัดว่าตาลไม่ชอบอะไรที่คลุมเคลือและไม่ถูกต้อง

บาสเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่ายกย่องอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการเสียสละ บาสเองรู้อยู่แก่ใจว่าเต๋เข้ามานั่งในใจของโอ้วเอ๋วแล้วตั้งแต่คืนนั้นที่นอนห้องเดียวกัน จนกระทั่งบาสเห็นโอ้วเอ๋วเสียใจเพราะเต๋ เลยตัดสินใจที่จะขอเข้ามาดูแลแทนแม้จะรู้ว่าไม่อาจสู้คนๆนั้นในใจของโอ้วเอ๋วได้ จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ที่บาสรู้และมั่นใจแล้วว่าตนเองไม่อาจเป็นความสุขให้คนที่รักได้จึงยอมเสียสละให้เขาเดินจากไป การเสียสละของบาสนั้นยิ่งใหญ่และน่าชื่นชม คนส่วนใหญ่มักมองว่าหากเรารักใครสักคนเราต้องได้ครอบครอง แต่สำหรับบาสแล้ว การได้เห็นคนที่เขารักมีความสุขสำคัญยิ่งกว่า ความรักของบาสจึงบริสุทธิ์และสวยงามยิ่งนักในความทรงจำของทุกคนที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้

บาสเป็นคนแรกที่สารภาพรักและจับมือโอ้วเอ๋วในที่สาธารณะ ในขณะที่เต๋สับสน ลังเล และไม่กล้าทำ บาสจึงเป็นขั้วตรงข้ามที่เห็นได้ชัดว่าเขาชัดเจนและให้เกียรติคนที่เขาชอบโดยไม่ติดเรื่องขนบธรรมเนียมและไม่ได้คิดว่าเรื่องที่ตนทำเป็นสิ่งที่ผิดแปลกอะไร บาสได้มองข้ามเรื่องเพศซึ่งเป็นกรอบเดิมๆที่สังคมแบบเก่าได้สร้างไว้และทำให้คนที่ยังยึดติดในกรอบได้เข้าใจว่าความรักไม่จำเป็นต้องจำกัดเพศ บาสชัดเจนในตัวเอง เขาให้เกียรติและใส่ใจโอ้วเอ๋วอย่างเปิดเผยและเท่าเทียม ซึ่งการกระทำของบาสก็ส่งผลต่อโอ้วเอ๋วอย่างชัดเจน ที่โอ้วถามขึ้นมาว่า "ไม่อายหรอ" ตอนจับมือกันครั้งแรก การกระทำของบาสได้ปลดล็อคความคิดลบหลายๆอย่างในใจโอ้วเอ๋ว ทั้งยังทำให้มั่นใจว่าโอ้วเอ๋วสมควรและคู่ควรที่จะได้รับความรักอย่างเท่าเทียมและนี่เป็นเรื่องปกติ ลักษณะนิสัยนี้ของบาสเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและควรส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างมากในสังคม 

ขอบคุณภาพจาก

Newsplus และ Online-idol