เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สนธิสัญญาฟลามิงโกSALMONBOOKS
01
  • ฉันนั่งรอคู่รักอยู่ที่คาเฟ่สำหรับยีราฟในช้อปปิ้งมอลล์ติดรถไฟฟ้าใกล้ห้องซ้อมดนตรีของเขา ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบที่นี่ เพราะเพดานสูงลิ่วซึ่งเหมาะกับคอยาวๆ ของยีราฟ ทำให้แมวตัวสั้นรู้สึกผิดที่ผิดทางและไม่สบายใจในความโปร่งโล่งเกินควรนี้เท่าไหร่นัก แต่ฉันไม่รู้สึกอย่างนั้น ฉันชอบผิวสีสดใสของยีราฟ ชอบเวลาที่พวกเขาค่อยๆ เคี้ยวเอื้องจนแก้มตุ่ย และชอบดูยีราฟเด็กๆ เอาคอเคล้าเคลียขาคุณแม่อย่างน่ารัก ถึงแม้ว่าเมนูแนะนำ ของร้านนี้จะเป็นยอดสนสดๆ อิมพอร์ตจากแอฟริกาใต้วันต่อวัน แต่โกโก้ร้อนของที่นี่ก็อร่อยจนสัตว์อื่นๆ ชอบแวะเวียนมาชิม ร้านจึงจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับแมว หมา และโคอาล่า ที่เป็นแฟนประจำไม่แพ้พวกยีราฟ

    อันที่จริง เหตุผลที่ฉันมาวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากกินโกโก้ร้อนหรอก ฉันแค่อยากแสดงความไม่พอใจต่อคู่รักของฉันให้มากที่สุดเท่านั้น

    ฉันงอนเขามาสองสัปดาห์โดยที่เขาเพิ่งรู้ตัวเมื่อสามวันก่อน แน่นอน เขาไม่ได้รู้สึกได้เอง แต่เป็นเพราะฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงคิดว่าควรจะบอกกับเขา แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนตลอดหกปีที่เราคบกันคือ เขาจะรู้สึกว่าการทำให้ฉันเสียใจเป็นเรื่องหนักหนามาก จากนั้น เขาจะคาดคั้นถามถึงเหตุการณ์ที่
    ทำให้ฉันโกรธ เฝ้าโทษตัวเองที่ไม่ละเอียดอ่อนพอที่จะนึกเอะใจ และทำให้ฉันรู้สึกในที่สุดว่า เอ๊ะหรือฉันเองที่งี่เง่า เอาแต่ใจโกรธอะไรเขาไม่เข้าท่า ไม่ว่าเขาจะตั้งใจทำให้เป็นอย่างนั้นหรือไม่ แต่มันก็ได้ผลแทบทุกครั้ง เพราะในที่สุดฉันจะบอกว่าไม่เป็นไร ฉันคิดมากเกินไปเอง
  • แต่นั่นยังไม่จบหรอก ทันทีที่ฉันรู้สึกว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่นา เขาจะหยิบยกเรื่องที่เขาเองก็น้อยอกน้อยใจฉันขึ้นมาอย่างแนบเนียน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเดิมๆ เพื่อตอกย้ำว่าเราน่ะเหมือนกันแค่ไหน ไม่มีใครปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ฉันยังคงเป็นฉันที่เขาไม่ชอบ และเขายังคงเป็นเขาที่ทำให้ฉันเสียใจอยู่เสมอ จากนั้น เราถึงได้ข้อสรุปกันว่า ลืมมันเถอะ ความสัมพันธ์ของเราขับเคลื่อนกันมาด้วยวิถีแบบนี้ และมันก็จะเป็นไปแบบนี้นี่แหละ

    ฉันไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ในครั้งนี้ ฉันจะไม่ยอมให้การทะเลาะกันของเราเข้าอีหรอบเดิม เวลาหกปีที่คบกับเขามันชักจะนานเกินไป ไม่ใช่ฉันอยากจะเลิกกับเขาหรอกนะ แต่ฉันจะไม่เสียเวลาชีวิตไปกับการประนีประนอมไร้สาระแบบนี้อีกแล้ว มันควรจะมีทางออกอื่นบ้าง และด้วยเหตุผลนี้ ฉันจึงนัดเขามา

    เขาเป็นมือเบสในวงดนตรีอินดี้ร็อคแมวล้วนซึ่งมีชื่อเสียงพอสมควร ส่วนฉันเป็นบรรณาธิการต้นฉบับและนักเขียน (หากคุณเคยอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้น ปลาทูน่าในน้ำตา หรือรวมบทความคัดสรรเรื่อง หากเรายังเดินสี่ขา นั่นคืองานเขียนของฉัน) เราพบกันเมื่อตอนที่ฉันยังทำงานนิตยสารและต้องไปสัมภาษณ์
    วงดนตรีหน้าใหม่น่าจับตา หลังจากแนะนำสมาชิกทั้งวง ฉันได้รู้ว่าแมวพันธุ์ผสมขนสั้นสีเทาเข้มตัวนี้ชื่อทอนน์ เขาตอบคำถามได้เข้าท่ากว่าสมาชิกร่วมวงทั้งหมด เราเจอกันตามปาร์ตี้หลังจากนั้นสองสามครั้ง ทักทายชื่นชมบทสัมภาษณ์กันพอเป็นพิธี และดูเหมือนจะไม่มีอะไรติดป้ายพิเศษ แต่ในวันหนึ่งที่เราได้เจอกันโดยบังเอิญในร้านหนังสือ ไม่ใช่ในผับเสียงครึกโครมหรือหลังเวทีคอนเสิร์ต เราก็เห็นแววตาของกันและกันชัดขึ้น และเริ่มต้นคุยกันจนกลายเป็นคู่รักในที่สุด
  • ‘มี คุณอยู่ไหน’ เขาส่งข้อความมาทางโทรศัพท์มือถือ

    Daddy Long Neck’ ฉันพิมพ์ตอบ และต้องยอมรับว่าฉันยิ้มสะใจที่ได้ขัดใจเขาเล็กๆ น้อยๆ

    ‘เดี๋ยวผมไปรอที่ วากาเมะ นะ คุณเสร็จแล้วตามไปเจอที่นั่นละกัน’

    เขาร้ายกว่าฉัน นั่นมันร้านอาหารญี่ปุ่นสำหรับสัตว์สี่ขาที่ฉันเกลียด เขาจำไม่ได้ หรือจงใจจะแกล้งฉันกันแน่!

    หลังจากละเลียดเวลากับโกโก้ร้อนตรงหน้าให้นานที่สุด ฉันก็ไปถึงวากาเมะจนได้ เขานั่งรอหน้าง้ำพร้อมกับเบียร์หนึ่งแก้ว ไม่ต้องพูดอะไรกัน ฉันแค่ลงนั่ง มองหาบริกรปูแปดขาหยิบยื่นเมนูให้

    “ผมหิวมาก สั่งเร็วๆ เถอะ” นั่นไง เขาเริ่มต้นเกม ‘จงรู้สึกผิดซะ’ กับฉันแล้ว

    “แล้วทำไมไม่สั่งไว้เลย” ฉันข่มเสียงให้ราบเรียบแต่เจือความเหนื่อยหน่ายเอาไว้อย่างแนบเนียน ก้มหน้าก้มตาสั่งอาหารพอเป็นพิธีไปสองสามอย่างในขณะที่เขาชี้นิ้วสั่งไม่ยั้ง ฉันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยห้ามเพราะตั้งใจว่าจะชวนเขาไปกินมื้อหลักร้านอื่น แต่บรรยากาศย่ำแย่ระหว่างเราทำให้ฉันหยุดเซ้าซี้
  • “ผมไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้เลย” เขาเปิดเรื่องโดยไม่รอให้อาหารมาเสิร์ฟ

    “ฉันน่าจะไม่ชอบมันมากกว่าคุณ” อย่างทันควัน, ฉันเป็นเอตทัคคะด้านการต่อล้อต่อเถียง

    “คุณไม่ชอบอะไรก็บอกผมสิ คุณไม่บอกแล้วผมจะรู้ได้ยังไง”

    “ฉันบอกคุณมาตลอด และที่น่าเศร้าคือมันเป็นเรื่องเดิมตลอด”

    “เรื่องผมไม่เอาใจใส่?” เขาเว้นวรรคเป็นคำถาม “มี ผมขอพูดตรงๆ นะ ผมไม่รู้เลยว่าความเอาใจใส่ของคุณแปลว่าอะไร ผมจะไปส่งที่บ้าน คุณก็บอกว่าไม่ต้อง ผมโทร.หาบ่อยๆ คุณก็รำคาญ ผมห้ามไม่ให้นอนดึกคุณก็โกรธ แต่นั่นมันคือความเอาใจใส่เท่าที่ผมรู้จัก และผมก็โง่เกินกว่าจะรู้ว่าคุณต้องการอะไร”

    อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ฉันถอนหายใจพักรบ คีบฟุโตมากิเข้าปาก รสชาติแย่มากจนอยากร้องไห้

    “ทำไมเลือกมาร้านนี้” ฉันถาม ขณะที่เขาทำหน้าเหยเกหลังซดซุปมิโสะเข้าไป

    “เห็นมันเงียบดี ดูไม่ค่อยวุ่นวาย ขอเปลี่ยนเรื่องหน่อย ซุปนี่จืดเป็นน้ำพุเปื้อนฝุ่น”

    “เราเคยมากินร้านนี้กันแล้วครั้งนึง ตอนนั้นคุณก็พูดอย่างนี้ แถมฉันก็เจอยัยปูสาวเสิร์ฟจดออร์เดอร์ผิดแล้วไม่รับผิดชอบ ฉันเลยบอกคุณว่าเราจะไม่มากินร้านที่พนักงานไม่ใส่ใจหน้าที่ของตัวเองอีก”
  • ฉันรอเขาระลึกได้ เมื่อเขาพยักหน้ายืนยันความจำ ฉันก็ปิดประตูตีแมวชื่อทอนน์ด้วยคำว่า “นั่นแหละคือความใส่ใจที่ฉันต้องการ”

    “ผมขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงเศร้า “แต่ผมก็เสียใจที่ทำให้คุณเสียใจ”

    “ขอโทษนะ แต่เวลาคุณพูดอย่างนี้ บางทีฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นฟังก์ชั่นที่ไร้ประโยชน์ ถึงคุณจะเสียใจมันก็ไม่ช่วยให้ฉันเสียใจน้อยลง”

    “มี คุณอย่าใจร้ายกับผมนักเลย คุณเกลียดผมแล้วใช่ไหม” เขาละมือจากแซลมอนซาชิมิที่ไม่ค่อยสดนัก และมองฉันด้วยแววตาท้อแท้

    “ถ้าฉันเกลียดคุณ ฉันคงไม่ต้องมานั่งงี่เง่าเรียกร้องความสนใจให้คุณใส่ใจฉันหรอก”

    นี่ไม่ใช่บทต่อล้อต่อเถียงตามเกม ฉันเองก็ท้อแท้กับความสัมพันธ์ของเราไม่แพ้กัน แถมตอนนี้ ฉันยังต้องท้อแท้กับข้าวโพดผัดเนยแสนเค็มตรงหน้าอีก

    “ฉันไม่ชอบความรู้สึกเหมือนตกกระป๋อง ฉันรู้ว่าคุณมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องสนใจ และฉันก็ไม่ได้ต้องการให้คุณกลับมาเลือกเพลงนั่งทำคอมพิเลชั่นให้ฉันเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ หรอก
  • แต่ฉันคิดว่าการเรียกร้องความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ จากคุณเป็นเรื่องชอบธรรม ฉันไม่เคยขอให้คุณไปรอที่ร้านกรูมมิ่ง ไม่เคยต้องให้คุณเดินเบื่อรอฉันช้อปปิ้ง ไม่เคยรบเร้าให้คุณซื้อกระเป๋ารองเท้าให้เหมือนผู้หญิงอื่น ฉันขอแค่ให้คุณจำดอกไม้ที่ฉันชอบได้ วันไหนนึกครึ้มใจก็ช่วยซื้อมาให้หน่อย ร้านดอกไม้ข้าง
    คอนโดฯ คุณรับดอกมิโมซ่ามาขายตลอด ฉันเคยชี้ให้คุณดู และฉันก็รอมันมาหกปีแล้ว”

    “คุณโกรธผมเรื่องดอกไม้”

    “ฉันโกรธที่คุณไม่เคยได้ยินสิ่งที่ฉันพูดต่างหาก คุณเดาได้ใช่มั้ยว่ามันไม่ใช่เรื่องเดียว”

    “ผมรักคุณ” เขาทำท่าจะร้องไห้ เอาเข้าจริงก็ค่อนข้างน่าสงสาร

    “ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันบอกเสียงเบา “คุณว่าอาหารมื้อนี้มันแย่เพราะเราทะเลาะกัน หรือเพราะมันแย่จริงๆ”

    “อย่างหลัง แต่ก็ดีที่อย่างน้อยยังมีอะไรแย่สมบูรณ์แบบกว่าผม”

    “แต่เราเลือกที่จะไม่กลับมาร้านนี้อีกได้” ฉันเสนอทางออก

    “คุณจะเลิกกับผมเหรอ” เขาถามเสียงราบเรียบ

    “คุณเคยถามฉันอย่างนี้มาแล้วสองครั้ง แต่มันเคยฟูมฟายกว่านี้มาก”

    “ผมเหนื่อย”

    “ฉันก็เหนื่อย”

    “ผมไม่อยากเดาว่าผมลืมอะไรจนทำให้คุณโกรธอีกแล้ว ผมไม่อยากโทร.ไปบอกให้คุณนอนไวๆ แล้วคุณพูดกลับมาว่าทีผมยังอยู่หลังเวทีอยู่เลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องประชดประชันผมไปเสียทุกเรื่องเหมือนเกลียดกัน”

    “คุณจะเลิกกับฉันเหรอ” ฉันถามด้วยเสียงที่พยายามอย่างยิ่งให้ราบเรียบ

    “แต่งงานกันเถอะ มี”

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in