ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆแล้วว่า สักครั้งหนึ่ง เราจะต้องไปโปรตุเกสให้ได้ โปรตุเกสเป็นชื่อประเทศที่แน็ตคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ เวลาเราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ เราก็จะได้ยินคุณครูพูดถึง ชาวโปรตุเกสอย่างงั้น ชาวโปรตุเกสอย่างงี้ (ชอบเรียนประวัติศาสตร์มากกกกก) เค้าคือชนชาติแรกที่เข้ามาบ้านเรา แต่ตอนนั้นไม่มีไอเดียด้วยซ้ำว่าบ้านเมืองเค้าเป็นแบบไหน และด้วยความที่มันไกลมาก มองไหนแผนที่แล้วแบบ หืมมม สุดขอบยุโรป (อาจจะไม่เท่าไปอเมริกา แต่ก็ถือว่าติดขอบมหาสมุทรแอตแลนติกล่ะเนอะ) จึงคิดว่า อีกสามชาติก็ไม่น่าจะได้ไป
เวลาล่วงเลย เราก็ลืมไปว่าอยากไปที่นี่ พอนึกขึ้นได้เราก็ต้องหาข้อมูลค่ะ และก็ตรงกะยุคนี้ที่เป็นยุคสมัยของอากู๋ google แน็ตก็ search เลยยยย โหหหหหหห เมืองสวยมากกก ถ่ายรูปมันส์แน่ๆ ส้มขนาดนี้ ไปค่ะ !
ขอบคุณ emirates อีกครั้ง ที่ทำให้แน็ตได้ไปเหยียบโปรตุเกสจริงๆ
แน็ตตื่นเต้นมากกลับทริปนี้เพราะรอมา 6 เดือน บิดไฟลท์นี้ยังไงก็ไม่เคยได้ ก่อนหน้านี้ก็ป่วยไปเป็นเดือน เพราะฉะนั้นนี่คือการบินไปยุโรปครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ไปค่ะ ไฟลท์ขาไป 8 ชม.จากดูไบ ทำงานไปมองแผนที่ในจอไป เมื่อไหร่จะถึง
ตอนแรกเราตกลงกับลูกเรืออินโดนีเซียอีกคนว่าจะไปด้วยกัน ไปๆมาๆ ออกไปกัน 7 คน
ออสเตรเลีย 2 คน ฟินแลนด์ 1 คน แคนาดา 1 คน อินโดฯ 1 คน และ อีหมวยไทย 1 คน (ภัคค์ทิเองไง จะใครล่ะ !? :D)
เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า ไปกันหลายคน มักจะเที่ยวได้ไม่จุใจ เราอาจจะได้รูป แต่ก็เหมือนแวะ 3 วิ ถ่ายแชะเดียว มัวแต่รอกันไปรอกันมา เกรงใจคนโน้นคนนี้
แต่ป่าวเลย....
ทุกคนน่ารักมากๆ ไม่มีการต้องรอต้องแวะแบบไม่มีเหตุผล เพอร์เซอร์เหมือน information tank นางอ่านทุกป้ายแล้วมาเล่าให้ทุกคนฟัง ขำตลอดทาง ง่วงแค่ไหนก็เดินไปเม้าไปเรื่อย เกาะกลุ่มกันได้ตลอด ตอนแรกที่คิดว่าเด๋วต้องมีแยกแน่ๆก็ไม่มี ที่สำคัญรอบนี้ได้รูปมาพรึ่บ แน็ตชอบถ่ายรูปมาก เห็นอะไรก็ถ่าย มองมุมไหนน่าเล่นก็ลองถ่าย ชอบถ่าย candid ซึ่งเราก็ถ่ายให้เฉพาะแม่นางอินโด เพราะนิสัย asian ก็เหมือนๆกัน ชอบมุมคล้ายๆกัน (แต่ถ้าคนอื่นขอให้เราก็ถ่าย เราก็ถ่ายให้ จัดมุมให้เรียบร้อย) พอเค้าชอบที่เราถ่าย นั่นง่ะ ยูวๆ ไปยืนบ้างเด๋วไอถ่ายได้ ได้รูปมาเป็นร้อย มันไม่เหมือนเป๊ะหรอก แต่เค้าถ่ายโอเคเลยนะ ชอบๆ
สถานที่แรกที่เราไปกันคือ
CASTELO DE S. JORGE (อย่าให้แน็ตอ่านเลย เราเรียกแค่ว่า St. George Castle ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าถูกรึป่าว)
ที่นี่คือจุดสูงสุดของลิสบอนค่ะ เราสามารถเห็นวิวทั้งสองด้านคือเมืองและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้เลย คุ้มมาก
- เนื่องจากเราเหนื่อยกันมาก เราก็เลยเรียก uber กันไปค่ะ จากโรงแรมไปถึงที่นั่นตกประมาณ 9 ยูโร ไม่แพงถ้าเทียบกับราคาที่ดูไบ ต้องบอกก่อนว่า ภูมิประเทศของลิสบอนเป็นหุบเขา 7 ลูกติดๆกัน ถ้าไม่ฟิตจริงหรือถ้าไปกับอาม่าอากงเด็กน้อย นั่ง taxi หรือ uber ขึ้นไปเถอะค่ะ อย่าลำบากเลย -
สองข้างทางจากโรงแรมไปถึึงปราสาทค่ะ มีความซานฟราน ขึ้นๆลงๆ ตลอดเวลา
CASTELO DE S. JORGE
ตั๋วเข้าใบละ 5 ยูโร (ถ้าจำไม่ผิด)
เดินเข้าไปถึงก็เจออะไรแบบนี้
ทาดาาาาาาาา พอเดินไปสุดขอบ คือภาพซานฟรานลอยมา
วนๆถ่ายรูปกันซักพักเราก็เดินเข้าไปตรงบริเวณของปราสาทกันค่ะ
ปราสาทนี้ถูกสร้างตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 11 โดยชาวอาหรับ !
คือจริงๆแล้วเค้าเขียนไว้ว่า The fortification, built by the Moors*
*The Moors ก็คือ กลุ่มคนมุสลิมในยุคกลางที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรไอบีเรียและแอฟริกาเหนือ
เค้าบอกว่า จริงๆแล้วก็คือชาวอาหรับอย่างที่บอกไว้เมื่อกี้นี้
ตอนแรกคิดว่าปราสาทของกษัตริย์โปรตุเกส คนสร้างก็ต้องเป็นโปรตุกีสสิ
ผิดค่ะ
พอถึงยุคที่โปรตุเกสรุ่งเรืองเค้าก็ยึดที่นี่เป็นพระราชวังเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ รวมถึง elite
ที่นี่แบ่งเป็น 5 ส่วนค่ะ แต่เราเข้าไปดูแค่ 3 ส่วนเท่านั้นเอง ถ้าเดินให้ครบจริงๆน่าจะต้อง 2 ชม.
ถ้าแน็ตไปคนเดียวก็นั่นแหละค่ะ อินhistoryมาก อยู่ไปเลย 2 ชม.
เข้าปราสาทกันค่ะ !
เข้าไปถึงด้านในจะเป็นเหมือนลานกว้างๆตรงกลางค่ะ นึกภาพเวลาดูหนังแนวพีเรียดยุโรปๆ
Game of Thrones ตามไปด้วยเนอะ
ช่วงปีค.ศ. 1580 ไปจนถึงช่วงต้นๆศตวรรษที่ 20 ที่นี่ก็เกิดเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของด้านทหารค่ะ
แน็ตว่า ด้วยความที่มันถูกสร้างให้เป็นเหมือน Fortess ด้วยแหละ
มีการสร้างโน่นสร้างนี้ ดัดแปลงตัวตึกและพื้นที่กันในช่วงนี้เยอะมาก ดูจากความ steep ของบันไดและความสูงจากด้านล่างก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ซุ่มยิงจากข้างบนลงมาได้แน่ๆค่ะ
บันไดและทางเดินก็เดินไปแบบทีละคน บางช่วงสวนกันไม่ได้เลยค่ะ
ลืมบอกว่ารอบๆปราสาท มีปืนใหญ่ตั้งแต่อยู่หลายที่พอสมควร ซึ่งถ้าย้อนไปสมัยนั้นน่าจะมีเยอะกว่านี้
มีคนทักว่านี่ฉาก Game of Thrones รึป่าววววว ถ้าถ่ายที่นี่แน็ตว่าทุกอย่างต้องพังลงมาหมดชัวร์ๆ
พอไปถึงมิวเซียมแน็ตเพิ่งจะรู้ว่า จริงๆแล้วเมื่อก่อนปราสาทสวยมากกกกก ต้องบอกเลยว่า การตกแต่งภายในของชาวอาหรับคือสวยจริง แต่ในปี 1755 ลิสบอนมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ปราสาทเลยกลายเป็น ruin แทน เค้าใช้คำนี้จริงๆ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคือมันหายไปเลยจนเค้ามาเจออีกครั้งในปี 1938-1940 ก็เลยมีการบูรณะครั้งใหญ่ สิ่งที่เห็นในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากบันทึกและหลักฐานเก่าๆทางประวัติศาสตร์ค่ะ
ในมิวเซียมก็มีการแสดง artifacts จานชามที่ใช้จริงๆในแต่ละยุคสมัย ซึ่งแน่นอนเหลือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่เค้าก็มีการวางทับบนภาพสเก็ตช์ซึ่งก็ทำให้เรามองภาพออก
ส่ิ่งที่น่าสนใจคือถึงแม้ว่าปราสาทจะถูกครอบครองโดยชาวโปรตุเกสมานาน แต่เค้าก็ยังมีร่องรอยของอารยธรรมชาวอาหรับ เช่นหลักศิลาในภาษาอาหรับที่บันทึกเรืองพิธีกรรมต่างๆ คล้ายของอียิปต์โบราณที่เค้าสลักไว้บนผนังปิรามิดแทน
หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาจากปราสาท เดินตามเพอเซอร์ไป Praça do Comércio
ที่นี่คือท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของลิสบอน ซึ่งถ้าเมื่อก่อนถามว่าจะไปอยุธยาต้องไปขึ้นเรือที่ไหน
ก็ท่านี้แหละค่ะ
ตอนนี้ก็กลายเป็นลานกว้างๆ ที่ชื่อว่า
Praça do Comércio มีความหมายว่า the Square of Commerce
ซึ่งนี่ก็คือเวอร์ชั่นที่ถูกบูรณะหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เช่นกัน
Statue of King José I
แถวนั้นก็จะเป็นร้านค้า บาร์ ร้านอาหาร ถ้าหันหลังกลับมาอีกด้านก็จะเป็นชอปปิ้งสตรีทค่ะ
เกือบโดน ultraboost uncaged แล้วด้วย 555 ราคา 179.95 ยูโร เผื่อใครกำลังอยากได้ ของผญมีแต่สีดำกับสีฟ้านะคะ ไซส์ 40-41 ไม่เหลือแล้ว .... เอ๊ะ ขายของให้เค้าทำไม !?
วันนั้นก็อะไรประมาณนี้ค่ะ ระหว่างทางเดินลงมาจากปราสาทก็แวะถ่ายรูปตามทาง เดินผ่าน Cathedral แล้วก็สถานที่สำคัญอีกหลายๆที่ ไว้ไปอีกรอบแล้วค่อยมารีวิวทีเดียวค่ะ :D
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะค้าาาา เจอกันรอบหน้า ที่ไหนยังบอกไม่ได้ค่ะ LOL
ปล. ทาร์ตไข่หวานมาก ริชมาก อ้วนโอเว่อโหลด ฮ่องกงอร่อยกว่า เด๋วไว้ทำรีวิวค่ะ
OBRIGADO โอบริกาโด้
(ขอบคุณค่ะ)
เดินเข้าไปถึงก็เจออะไรแบบนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in