เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Things - สิ่งต่างๆเขียนไม่จบ
ฟันคุด...ฟันที่ไม่ใช่เรื่อง FUN!
  • ***เอามาจากที่เราเขียนไว้ใน STORYLOG 


    มนุษย์โตเต็มวัย จนแก่ตายก็มีฟันแท้แค่ 32 ซี่แถม 4 ซี่ท้ายในสุด มีโอกาสกลายเป็นฟันคุดฟันที่ประทุษร้ายต่อเรา กับความปวดร้าวอันสุดหฤหรรษ์ที่ร้ายไปกว่านั้นมันยังสามารถพาเพื่อนฟันอันใกล้ชิดติดโรคฟันผุไปกับมันด้วยเพราะไอ้เหล่าฟันคุดนั้นมันผุง่าย มันเป็นฟันซี่ในที่แปรงรุ่นไหนๆก็ชอนไชไปทำความสะอาดได้ไม่ค่อยทั่วถึงไหนจะรูปแบบการขึ้นนั้นก็มีมากแบบทั้งแบบวิลิศมาหลา ธรรมดา หรือนิ่งนิทราอยู่ใต้เหงือก!ถ้าเกิดมันขึ้นแบบธรรมดา แล้วเราสามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง นั่นก็โชคดีไปแต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับเรา....

    แม้มันจะโผล่พ้นเหงือกมาเซย์ไฮให้เราได้เห็น แม้ว่าบางซี่นั้นจะเอียงหน่อยๆหากแต่เราก็ไม่ได้สนใจเพราะมัวตายใจกับความที่ไม่เจ็บปวดใดๆเลยทั้ง 4ซี่ แต่สุดท้ายก็ยังมีปัญหาอยู่ดีเมื่อร่องฟันของเรามันลึก รวมถึงการรักษาอนามัยในช่องปากของเราก็คงดีไม่พอ มันจึงผุ 2ซี่ล่างเราก็กะจะแค่อุดฟัน ปรากฏว่าไอ้ที่เห็นว่าเอียงหน่อยๆมันกำลังดันฟันซี่ด้านหน้า รวมถึงพาผุไปด้วยกันเรียบร้อยในบริเวณที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้...มันผุข้างใต้เหงือก!...แต่ยังไม่มีอาการปวดใดๆ

    โอเค คุณหมอฟันนัดทำสิ่งที่ไม่ใช่เรื่อง FUN นั่นคือผ่าฟันคุดโดยใบนัดระบุไว้ว่า ฟันคุด 38 (กรามซ้ายล่างในสุด) จนกระทั่งวันนัดมาถึง 13 กันยายน 61 ได้พบกับคุณหมอเฉพาะทางด้านศัลยกรรมช่องปากฯ (Oral and maxillofacial surgery; OMS or OMFS) ซึ่งเป็นคุณหมอผู้ชายที่ดูท่าทางสบายๆ เข้าไปปุ๊ปขึ้นเตียง บ้วนน้ำ นอนอ้าปาก แล้วคุณหมอก็พูดว่า 38 รอไปก่อน 48 (กรามขวาล่างในสุด) รอไม่ได้มันเริ่มดันฟันด้านหน้าไปมากแล้ว แล้วคุณหมอเขาก็ซักประวัติเรานู่นนี่นั่น แพ้ยาไหม สูบบุหรี่หรือเปล่า มีอาการปวดบริเวณฟันที่กำลังจะถูกกำจัดหรือเปล่า บลา บลา พอเรียบร้อยคุณหมอก็เตรียมจะจัดการฉีดยาชา สารภาพว่ากลัวมากเพราะก่อนจะถึงวันนัด หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการถอน/ผ่าฟันคุด ซึ่งแลดูประหนึ่งราวกับหนังสยองขวัญ...เสียงแกร๊กๆในถาดต่อด้วยภาพเงาลางๆที่เห็นผ่านผ้าปิดตาเหมือนกับการนับถอยหลังเพื่อต้อนรับเข็มยาชา 5 4 3 2 ....อื้มมมมม ไม่ได้เจ็บเท่าที่คิดไว้ มือเบามาก พอผ่าจุดนี้ไปบอกเลยว่าความกลัวลดลงเกินครึ่ง ก็ฉีดตรงโน้นที ตรงนี้ทีจนเสร็จ คุณหมอก็บอกว่าเอา 18 (กรามขวาบนในสุด) ออกไปด้วยเลยไหม เก็บไว้มันก็ไม่มีคู่สบรังแต่จะสร้างปัญหาให้เหงือกและกระพุ้งแก้มเสียเปล่าๆ เราก็ค่ะๆตามนั้นเลยค่ะหมอ จากนั้นก็มีเสียงเรียกยาชาจากพยาบาลอีกเข็มและก็จัดการฉีดตรงนั้นที ตรงนี้ทีด้วยความมือเบาเช่นเดิม แต่ก็เจ็บมากขึ้นหน่อยตอนฉีดบริเวณเพดาน แล้วก็รอ รอให้ยาออกฤทธิ์ของมันเต็มที่ ครั้งแรกกับการได้รับยาชาของเรามันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เรารู้สึกว่าโคนลิ้นแข็ง กลืนน้ำลายลำบาก ขนาดหายใจเข้าออกอันแสนสามัญนั้นยังทำให้รู้สึกประหลาด...


    แล้วก็ถึงเวลา SHOWTIME ไฟพร้อม ผ้าปิดตาพร้อม เริ่ม! 

    คุณหมอเริ่มจากฟันบนเบอร์ 18 โดยวิธีการถอน ซึ่งอันที่จริงมันก็คือฟันดีๆที่มีชีวิตปรกติสุข แต่ต้องถูกกำจัดเพราะปัญหาที่จะเกิดในภายหน้า...กึกๆกักๆดังสะท้อนก้องไปทั่วโสตหากแต่ไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวด ราวกับเสียงปริร้าวของผืนแผ่นน้ำแข็งหนาช่างฟังดูน่ากลัวก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นว่า "เรียบร้อยแล้วครับ" เป็นสัญญาณที่บอกว่าเบอร์ 18 ได้จากเราไปตลอดกาลหากไม่มีเวลาให้อาลัยอะไรนักเมื่อคุณหมอเริ่มเอาสายระโยงระรางของเครื่องมือบางอย่างพาดผ่านตัวเราเพื่อจัดการฟันล่างเบอร์ 48 ฟันเจ้าปัญหาด้วยวิธีการผ่า เสียงที่ได้ยิน แรงสะเทือนที่รู้สึกมันหนักหน่วงและรุนแรงกว่าซี่ก่อนหน้ามากแต่แน่นอนว่าเรายังคงไม่รู้สึกอะไรเช่นเดิม หากเสียงซี่แรกคือเสียงปริร้าวของผืนแผ่นน้ำแข็งหนา ซี่นี้นั้นประหนึ่งกับเครื่องมือหนักที่กำลังเจาะถนนคอนกรีตก็ไม่ปาน...แล้วก็เสร็จหลังจากผ่านขั้นตอนยิบย่อยที่ดูยุ่งยากมากกว่าซี่แรก และก็เช่นกันเบอร์ 48 จากไปไม่หวนกลับ

    ที่นี้ก็เดินทางกลับบ้านด้ายฤทธิ์ยาชาจึงทำให้เรายังไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ จนถึงบ้านกัดผ้าก๊อซต่ออีกหน่อยก่อนคายทิ้งเมื่อครบเวลา เลือดยังซึมๆอยู่บ้างหากแต่ไม่มากเราก็กลืนๆเข้าไปตามหมอสั่ง แล้วยาชาก็ค่อยๆหมดฤทธิ์ เราเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับกับความเจ็บปวดตามที่หลายๆคนได้พรรณาไว้ หากแต่ว่าเราไม่เจ็บ ไม่ปวดเลย แม้ว่าแก้มจะบวมโย้ดูน่ากลัว วันแรกเรากินนมและกล้วยหอมงอมๆแปรงฟันล้างปากอย่างเบามือ แม้จะไม่เจ็บและสามารถเคี้ยวอาหารอีกข้างได้อย่างสบายแต่เราก็เลือกที่จะทานแต่อาหารอ่อนอาหารเหลวรวมถึงนมตลอดสัปดาห์ และแน่นอนกินยาอย่าให้ขาดแล้วก็ต้องไม่ลืมประคบเย็นช่วง 2-3วันแรก ก่อนประคบร้อนในวันต่อๆไป ซึ่งช่วงระหว่างที่เรารอเพื่อตัดไหมเราไม่พบเจอกับอาการเจ็บปวดใดๆเลยและอาการบวมก็ค่อยๆลดลงตามลำดับจนนัดตัดไหมนั่นแหละที่เราได้พบกับความเจ็บจนสะดุ้ง แต่ก็เพียงชั่วพริบตา...

    หลังจากนั้นเราก็ได้ทำการอุดฟันซี่ที่ติดกับฟันคุด 48 กับคุณหมออีกคนซึ่งไม่ขอเล่ารายละเอียดแต่ลงท้ายด้วยการรับใบนัดเพื่อจัดการฟันคุด 38 ในวันนี้ 25 ตุลาคม 61 กับคุณหมอเฉพาะทางศัลกรรมช่องปากฯอีกคน

    แม้ว่าเราจะเคยผ่านมาแล้ว แต่เมื่อสถานการณ์นี้มาเราก็อดกังวลแกมตื่นเต้นไม่ได้ คุณหมอคนก่อนทำไว้ดีมาก ตราตรึงและซาบซึ้งกับความที่เขาทำให้เราไม่ต้องรับความทรมานอย่างที่ควรจะเป็น พอเห็นชื่อในใบนัดเป็นคุณหมอคนใหม่เราก็อดหวั่นใจไม่ได้เหมือนกัน เมื่อคุณหมอคนนี้เธอเป็นผู้หญิง และเพราะเราก็เคยอ่านเจอบางคนที่เขาบ่นๆกันกับการถอนฟันกับหมอผู้หญิงที่มักติงๆกันว่าไม่ค่อยจะมีแรงทำให้ต้องยื้อยุดชุดดึงจนเกิดความบวมช้ำเกินกว่าเหตุ มันก็ทำให้กลัวๆอยู่เหมือนกันแต่อีกใจช่างเถอะว่าถึงจะเจ็บมันคงไม่ใช่ความเจ็บที่เกินทานทนจนมีแรงมาพิมพ์บ่นผ่านกระทู้กันหรอก เช้าวันนี้จึงเดินทางไปตามนัดจัดการอะไรเสร็จสรรพเหลือเวลาเยอะเลยไปทานข้าว ดื่มกาแฟ แปรงฟันเรียบร้อยรอเรียกคิว ระหว่างนั้นใจเต้นตึกตักประหนึ่งว่าไม่เคย!...และแล้วก็ถึงคิวเราเข้าห้องไปเจอคุณหมอสาวตัวเล็กๆ ใจยังคงตุ๊มๆต่อมๆ พอคุณหมอเริ่มซักประวัติพื้นฐานอย่างเช่นครั้งที่แล้ว ขณะที่กำลังบ้วนปากเราก็เลยถามคุณหมอว่านอกจากเบอร์ 38 ตามใบนัด จัดการเบอร์ 28 (กรามซ้ายบนในสุด) ไปพร้อมกันเลยด้วยได้ไหมเพราะเรารู้ตัวเราดีว่าบางทีก็มีนอนกัดฟัน ซึ่งคุณหมอเธอก็โอเคก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงยาชาแต่ดูเหมือนว่าทั้งคุณหมอและพยาบาลผู้ช่วยจะลืมอะไรบางอย่าง ลืมเอาผ้ามาปิดตาเราซึ่งเหคุการณ์มันดำเนินไปอย่างรวดเร็วจนเกินกว่าที่จะอ้าปากบอกทัน เข็มนั้นมาแล้ว เข้าใกล้มาอีกนิดแล้ว ก็ไม่รู้ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะหลับตา 
    คุณหมอคนนี้มือหนักกว่าคนแรกนิดหน่อย ในระหว่างที่ฉีดยาชาเธอคอยบอกให้เราหายใจยาวๆลึกๆและไม่เกร็งตลอดเลย และระหว่างรอยาออกฤทธิ์ เธออธิบายการดูแลปฏิบัติตัวหลังการถอนฟันอย่างละเอียดและชัดเจน ซึ่งในจุดนี้เราคิดว่าดีมากๆ และแล้วก็ถึงเวลา ครั้งนี้ไม่ต้องมีสายอะไรให้ระโยงระยางพาดผ่านร่างกาย ไม่ต้องมีเสียงเจาะคอนกรีตที่ทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งกระโหลก มีเพียงเสียงปริร้าวของผืนแผ่นน้ำแข็งหนา 2 ครั้งอันเป็นสัญญาณว่าเบอร์ 28 และเบอร์ 38 ฟันคุด2 ซี่สุดท้ายได้หลุดหายไปจากชีวิตของเราแล้ว 

    และถ้าว่ากันตามตรงคุณหมอผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ได้มีอะไรต่างกับคุณหมอผู้ชายแม้แต่น้อยในความคิดเรา แม้ว่าครั้งนี้เลือดจะออกมากกว่าหน่อย และตอนคายผ้าก๊อซลิ่มเลือดคลุมแผลหลุดซึ่งน่าจะเพราะเรากัดผ้าก๊อซแน่นเกินไป จึงมีเลืดไหลอกมาอีกประมาณหนึ่ง เราตัดสินใจไม่กัดผ้าก๊อซแล้วใช้กลืนเลือดเอาเพราะกังวลว่าลิ่มเลือดจะหลุดอีกและก่อให้เกิดปัญหากระดูกเบ้าฟันแห้ง(Dry Socket) ตามมา ซึ่งปัญหานี้มันค่อนข้างใหญ่และน่ากลัวจริงๆ สำหรับครั้งนี้มีที่รู้สึกเจ็บมากๆอยู่ราวชั่วโมงกว่าๆตอนลิ่มเลือดหลุด พอมีลิ่มเลือดใหม่มาปกคลุมก็ต้องบอกว่าไม่เจ็บเช่นเดียวกับครั้งก่อน...
    ขอบคุณคุณหมอทั้งสองท่านจริงๆ


    การถูกประหารนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับการต้องโทษประหารฟันคุดก็เช่นกัน

    ปล.เราใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ (บัตรทอง) ฉะนั้นที่ทำมาเล่ามาทั้งหมกนั้นคือฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย


    Mae
    Twitter: @WestfalenBee25/10/61

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in