ไหนใครรู้จักอลาสก้าบ้าง ยกมือขึ้นเลยค่ะ! แน่นอนว่าเราเป็นคนนึงที่รู้จัก แต่สารภาพตามตรงว่าไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นเมือง เป็นประเทศ หรืออยู่ห่างจากไทยแลนด์ แดนศิวิไลยของเราขนาดไหนกัน รู้แค่พอได้ยินคำว่าอลาสก้าขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะมโนภาพถึงดินแดนที่มีหมีขาวอาศัยอยู่ มีบ้านที่สร้างจากน้ำแข็ง มีชาวเอสกิโม ซึ่งพอได้มาอ่านข้อมูลจริงๆแล้ว ทำให้พบว่าตัวเองนั้นโง่บรมเลย! เพราะนอกจากที่นี่จะไม่ได้เต็มไปด้วยหมีขาว แต่จุดขายของอลาสก้านั้นคือหมีกริซลีย์ต่างหาก! ทั้งในปัจจุบันชาวเมืองก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากน้ำแข็งกันแล้ว ชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ของอลาสก้า ก็ไม่ใช่เผ่าเอสกิโมด้วย แต่เป็นแอสธาบาสกัน! ไอ้ที่รู้เนี่ยไม่ใช่เพราะว่าได้เดินทางไปสัมผัสมันจริงๆหรอกนะ เพียงแต่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือจากนักเขียนในดวงใจคนหนึ่ง ที่เราติดตามเค้ามาตั้งแต่ที่เขียนหนังสือเรื่อง
New York 1st Time แล้ว ใช่!
พี่เบนซ์ ธนชาติ ศิริภัทราชัย นั่นเองงง และไหนๆก็ได้อ่านแล้วก็เลยอยากจะวิจารณ์ รีวิวความประทับใจของหนังสือกันสักหน่อยน่ะนะ...
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวสารคดีท่องเที่ยว บางคนพอได้ยินว่ามันเป็นสารคดีก็อาจจะคิดว่านี่เป็นหนังสือที่น่าเบื่อเล่มหนึ่ง แต่อย่าพึ่ง! อย่าพลาดวางหนังสือเล่มนี้ลง หรือตัดออกไปจากสายตา เพราะอยากบอกว่าหากใครได้อ่านแล้วเนี่ย อาจจะวางไม่ลงกันเลยทีเดียวเพราะพี่เบนซ์เขียนได้โคตรรรรสนุก
หนังสือเล่มนี้เปรียบเหมือน บันทึกความทรงจำแบบสั้นๆ ของตัวผู้เขียน เบ๊น ธนชาติ ศิริภัทราชัย ซึ่งได้หลีกหนีความวุ่นวาย และอากาศที่โคตรจะร้อนในหน้าร้อนของมหานครนิวยอร์ก มายังอลาสก้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเย็น เขามากับชองอา เพื่อนสมัยเรียนของเขา เป็นเวลา 15 วัน 14 คืน ถ้วน นั่นจึงทำให้เขาได้พบกับเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ ความรู้ใหม่ๆ ที่สุดแสนจะ Real เช่น นิยามที่แท้จริงของอลาสก้า นั่นคือ Wild ธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ป่าเป็นป่า เทือกเขาสูงตระหง่านทอดตัวยาวเป็นแถบๆ การได้รู้ว่าการกางเต็นท์นอนไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่นัก ไหนจะความลำบากในการเดินป่าในอลาสก้าเพราะมีประชากรหมีกริซลีย์ชุกชุมมาก นอกเหนือจากนี้ก็ลองไปหาอ่านกันเอาเองน้า
หนังสือไม่ได้เป็นหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่วางแผนการเดินทางไว้เป๊ะๆ และการเดินทางไร้ซึ่งความผิดพลาดนะ เพราะการเดินทางของพี่แกนั้นล้วนเต็มไปด้วยความผิดพลาด! แต่เพราะไอความที่มันไม่มีแบบแผนนี่แหละ ที่มันทำให้อ่านแล้วรู้สึกว่า ดีอ่ะ! ไม่ต้องปรุงแต่งมากมาย ไม่ต้องใช้คำสละสลวย แค่บรรยายไปตามความรู้สึก มีจังหวะจะโคนต่างๆ ของถ้อยคำ ก็ทำให้อ่านได้อย่างลื่นไหลราวกับว่าได้ไปสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นด้วยตัวเอง แถมในหนังสือยังมีภาพถ่ายมุมมอง วิถีชีวิต กิจกรรมต่างๆ ในอลาสก้าได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งทั้งหมดนั่นเป็นภาพที่ เบนซ์ได้จับกล้องถ่ายเองกับมือ
.
.
.
(ภาพถ่ายสวยๆ ไปแอบจิ๊กมา)
ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่อ่านสนุกมากๆ เพลินจนวางไม่ลง ทั้งยังมีแนวทางในการเขียนที่แตกต่างจากหนังสือท่องเที่ยวเล่มอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง สำหรับใครที่คุ้นเคยกับถ้อยคำสวยหรูในหนังสือท่องเที่ยวส่วนมากจะต้องเซอไพร์กับลวดลายการเขียนในหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน และด้วยความที่มีการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์นี่แหละ ที่สร้างจุดเด่นให้กับหนังสือของพี่แกมากๆ ยิ่งถ้าใครรู้จักลุงเนลสัน จะต้องร้องอ๋อออออออ ยาวๆ เลยล่ะ
การร้อยเรียงเรื่องราวนั้นไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย ทำให้อ่านแล้วสามารถเข้าถึง และเข้าใจเนื้อหาในนั้นได้เป็นอย่างดี อย่างที่บอกไปแล้วว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีการปรุงแต่งมากมาย เนื้อหากระชับ แฝงไปด้วยอารมณ์หลายรสชาติ อีกทั้งมุมมองหรือเหตุการณ์ต่างๆ ในหนังสือนั้นไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น แต่นั่นเค้าได้ไปประสบพบเจอมาจริงๆ ประสบการณ์จริง นอนหนาวในเต็นท์จริง ถ่ายรูปติดมาแต่หางวาฬจริงๆ ได้เจอสาวร้านกาแฟน่ารักจริงๆๆๆ รวมถึงถูกทิ้งให้เดินเข้าป่าในวัลดีซจริงๆๆๆๆๆๆ อ่ะเริ่มสปอยด์ละ พอๆ สรุปเลยว่า 'THE REAL ALASKA อลาสก้าล้านเปอร์เซ็นต์' เล่มนี้เป็นหนังสือที่สร้างประสบการณ์ดีๆ ความน่าประทับใจให้กับคนอ่านได้อย่างดีเยี่ยม และถ้าหากจะมีข้อตำหนิสักอย่างหนึ่ง ก็คงจะเป็นที่มันสั้นไปหน่อย "หนังสือพี่สนุกมาก เขียนเยอะกว่านี้เถอะค่ะ อยากอ่าน!"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in